ถ้าถามว่ารู้จักโต๊ะ Lazy Susan ไหม คนทั่วไปอาจจะไม่รู้จัก หรือเคยได้ยินมาก่อน เพราะคำนี้ไม่นิยมใช้กันในบ้านเราสักเท่าไหร่ Lazy Susan คือ โต๊ะที่มี "ถาดหมุน" อยู่ตรงกลางโต๊ะ เราสามารถนำอาหารไปวางบนนั้น แล้ว "หมุน" เปลี่ยนทิศทาง เพื่อให้ผู้ร่วมทานอาหารสามารถตักอาหารได้ง่ายๆ ซึ่งในประเทศไทยนิยมเรียกโต๊ะแบบนี้กันว่า "โต๊ะจีน" เนื่องจากเวลาทานโต๊ะจีนที่มีอาหารจำนวนมากเสิร์ฟบนโต๊ะ การใช้โต๊ะแบบนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ทานเป็นอย่างมาก ทำให้เรามักเห็นโต๊ะแบบนี้ในงานโต๊ะจีนเป็นประจำ จนใครหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าโต๊ะดังกล่าว มีชื่อเรียกว่าโต๊ะจีนนั่นเอง
ภาพจาก : https://www.grandfourwings.com/restaurant-bar.html
แล้วทำไมถึงเรียกว่า Lazy Susan ล่ะ?
ถ้าแปลตามตรง "Lazy Susan" ก็น่าจะหมายถึง "ซูซานจอมขี้เกียจ" แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นฉายาของหญิงสาวสักคนมากกว่าที่จะเป็นชื่อโต๊ะ หรือผู้คิดค้นโต๊ะนี้จะชื่อซูซานที่มีนิสัยขี้เกียจกันนะ? นั่นเป็นคำตอบที่คุณจะได้อ่านในบทความนี้
เรามาดูนิยามของโต๊ะ Lazy Susan กันก่อน มันคือ
Lazy Susan คือ ถาดหมุนได้ ที่วางอยู่ด้านบนของโต๊ะ เพื่อช่วยในการขยับอาหารไปยังผู้ทานอาหารรอบๆ โต๊ะ
มีหลักฐานที่ปรากฏคำว่า "Lazy Susan" เป็นครั้งแรก พบในใบปิดโฆษณาแนะนำของขวัญสำหรับวันคริสต์มาสของบริษัท Ovington ในปี ค.ศ. 1917 เราจะเห็นว่ามีโต๊ะ Lazy Susan อยู่ด้วย ในราคา $8.50 พร้อมบรรยายสรรพคุณของสินค้าเอาไว้ว่า มีขนาดกว้าง 16 นิ้ว หมุนด้วยตลับลูกปืน และมีประโยคเด็ดว่า "นี่คือคนรับใช้ที่มีค่าแรงต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังเป็นเด็กเสิร์ฟที่ฉลาดที่สุดในโลกอีกด้วย"
ที่มาภาพ : https://babel.hathitrust.org/cgi/pt?id=uiug.30112057322874&view=1up&seq=678&size=150
แต่อย่าเพิ่งคิดว่า Lazy Susan คือ มรดกทางเทคโนโลยีที่สืบทอดมาในยุคนั้นนะ ต้องบอกก่อนว่าความเป็นมาของมันนั้นไม่มีหลักฐานที่ถูกบันทึกอย่างชัดเจนว่าใครคิดค้นเป็นคนแรก อย่างในประเทศอังกฤษ อุปกรณ์ชนิดนี้ก็แพร่หลายตั้งแต่ช่วงต้นของศตวรรษที่ 18 โดยเรียกมันว่า Dumbwaiter (บริกรหน้าโง่)
เรื่องนี้มันมีปริศนาที่ซับซ้อนมาก ในนิตยสาร The Gentleman's Magazine ที่ถูกตีพิมพ์ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 18 ได้มีการพูดถึงความเงียบของอุปกรณ์สำหรับวางบนโต๊ะเพื่อใช้แทนคนรับใช้ที่พูดมาก, ในปี ค.ศ. 1750 Christopher Smart ก็ได้เคยอ้างถึง Lazy Sunan เอาไว้ในกวีตอนที่ชื่อ Mrs. Abigail and the Dumb Waiter. Fable XV ด้วย สรุป คือ ยังไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนว่าทำไม มันถึงถูกเรียกว่า "Lazy Susan (ซูซานจอมขี้เกียจ)" หรือ "Dumbwaiter (บริกรใบ้)"
ชื่อ Dumbwaiter มันตรงตัวอยู่แล้วมันเลยไม่น่าสงสัย แต่ไอชื่อ Lazy Susan นี่สิ มันมาจากไหน ใครคือ Susan แล้วนางขี้เกียจจริงหรือเปล่า? มีหลายทฤษฏีที่ถูกวิเคราะห์ขึ้นมาให้คำตอบกับคำถามนี้
ทฤษฏีแรก ระบุว่า "อุปกรณ์ชนิดนี้มันถูกเรียกว่า Lazy Susan มาตั้งแต่แรกแล้ว ส่วน Dumbwaiter เนี่ยเป็นชื่อเล่นที่คนนิยมเรียกกัน" อีกทฤษฏีหนึ่งที่คนจำนวนมากเชื่อ คือ
"Thomas Jefferson ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา คนที่ 3 เป็นผู้ที่คิดค้น Lazy Susan ขึ้นมา ถึงแม้ว่าในตอนนั้นจะมี Dumbwaiter แล้วก็ตาม ตามข้อมูลได้ระบุเอาไว้ว่า Jefferson ประดิษฐ์มันขึ้นมาเพราะลูกสาวของเขานั้นมักจะงอแงเสมอ เนื่องจากเธอมักจะได้เสิร์ฟอาหารเป็นคนสุดท้ายเสมอ"
แต่ก็มีอีกทฤษฏีหนึ่งที่มีคนเชื่อ นั่นก็คือ Lazy Susan ถูกประดิษฐ์ ขึ้นโดย Thomas Edison นักประดิษฐ์ และนักธุรกิจชาวอเมริกันชื่อดังที่จดสิทธิบัตรในการประดิษฐ์หลอดไฟเป็นคนแรกของโลก แถมเขายังมีลูกสาวที่ชื่อว่า Susan อีกด้วย
คอลัมม์หนึ่งในนิตยสาร The Word Detective โดย Evan Morris ได้ให้ความเห็นว่า "Susan เป็นชื่อสามัญของคนใช้ (เหมือนที่บ้านเราเรียกว่าแจ๋ว) และการใช้คำว่า Lazy Susan ก็เป็นการตั้งชื่ออย่างเสียดสีให้สะท้อนถึงความเกียจคร้านของคนรับใช้เหมือนกับความสามารถของโต๊ะเท่านั้นเอง"
ส่วนทฤษฏีสุดท้ายที่มีความเป็นไปได้ ปรากฏในนิตยสาร Jewish World Review ที่ให้ความเห็นว่า "จริงๆ แล้ว Lazy Susan น่าจะเป็นสไตล์การเล่นคำของอังกฤษ มันมีหลายคำในภาษาอังกฤษที่มีลักษณะเดียวกัน อย่างเช่น Peeping Tom (คนที่ชอบแอบดูผู้หญิงแก้ผ้า), Jim Dandy (สิ่งที่ยอดเยี่ยม), Jolly Roger (ธงโจรสลัด) ฯลฯ ซึ่ง Lazy Susan น่าจะมีที่มาในลักษณะเดียวกันนั่นเอง"
แล้วคุณผู้อ่านล่ะ คิดว่าทฤษฏีไหนน่าจะเป็นจริงกัน
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |