ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
ไทยแวร์รีวิว
 

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 20,180
เขียนโดย :
0 Mona+Lisa+%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

ความลึกลับของภาพ Mona Lisa

ภาพวาดโมนาลิซา (Mona Lisa) หรือที่ชาวอิตาลีเรียกเธอว่าลาโจกอนดา (La Gioconda) หรือจะภาษาฝรั่งเศสว่าลาโชกงด์ (La Joconde) ซึ่งเป็นประเทศที่ตอนนี้เก็บรักษาภาพดังกล่าวเอาไว้อยู่ คือ ภาพวาดสีน้ำมันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ถูกวาดขึ้นโดยศิลปินอัจฉริยะชาวอิตาลี เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci ) 

โมนาลิซาเป็นภาพวาดสีวาดน้ำมันบนไม้ ไม่มีข้อมูลที่แน่นอนว่าถูกวาดขึ้นมาเมื่อไหร่ แต่จากหลักฐานที่ปรากฏทำให้สันนิษฐานว่าภาพนี้น่าจะถูกวาดขึ้นในช่วง ค.ศ. 1503-1517 ในระหว่างที่ดา วินชี พำนักในเมืองฟลอเรนท์

เชื่อกันว่าหญิงสาวในภาพโมนาลิซา คือ หญิงชนชั้นสูงที่มีชื่อว่าลีซา เกอราร์ดีนี (Lisa Gherardini) เธอเป็นภรรยาของนักธุรกิจฟรานเชสโก เดล โจกอนโด (Francesco del Giocondo) ผู้ที่ได้ว่าจ้างให้ ดา วินชี วาดภาพเหมือนของภรรยาเขาขึ้นมา ปัจจุบันภาพนี้ถูกเก็บรักษาแบบถาวรในในตู้กระจกกันกระสุนที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Musée du Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย
ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Mona_Lisa


คุณค่าทางศิลปะ

ภาพโมนาลิซา เป็นภาพวาดผู้หญิงครึ่งตัวในแนวตั้ง ที่มีฉากหลังในภาพเป็นแนวนอน ซึ่งเป็นแนวทางการจัดองค์ประกอบภาพที่ดา วินซี นิยมใช้ในงานจิตรกรรมของเขา สายตาของแบบจะหันไปยังผู้ชมโดยจัดวางตำแหน่งเอาไว้ในบริเวณที่ 3 ส่วน 4 ของภาพ ซึ่งเป็นการจัดองค์ประกอบศิลป์ที่ผิดแผกไปจากศิลปะแบบดั้งเดิมของอิตาลี แต่ภายหลังการจัดแบบนี้ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 21

Sfumato เป็นคำที่มาจากคำภาษาอิตาลี "Fumo" ที่แปลว่า "ควัน" มันเป็นเทคนิคการใช้สีน้ำมันรูปแบบหนึ่งที่จะเกลี่ยเฉดสีในภาพให้กลมกลืนต่อเนื่องโดยไม่ให้เห็นเส้นขอบเหมือนกับหมอกควัน ซึ่งเป็นเทคนิคที่ดา วินซี ถนัด และเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก และในภาพโมนาลิซานี้ก็แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพทางศิลปะได้เป็นอย่างดี เขาสามารถเกลี่ยสีผิว และเงาได้อย่างสมบูรณ์แบบ  แถมยังแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจด้านกายภาพอันยอดเยี่ยมของดา วินซี ที่มีต่อกระดูกที่อยู่ภายใต้ผิวหนังของมนุษย์อีกด้วย


โมนาลิซาไม่มีคิ้ว

มีหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมโมนาลิซาถึงไม่มีคิ้ว แต่หลังจากที่ศูนย์วิจัย และฟื้นฟูพิพิธภัณฑ์แห่งฝรั่งเศส (C2RMF) ได้ทำการสแกนภาพ และใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์หาค่าสีเดิมของภาพในอดีต แล้วก็พบว่าจริงๆ เธอก็มีคิ้วนะ แต่ที่ไม่เห็นเพราะตัวงานได้ถูกเวลาทำร้ายจนไม่สามารถแสดงรายละเอียดที่ชัดเจนได้เหมือนเดิม (คงไม่มีใครคิดว่าภาพโมนาลิซาเหลืองมาตั้งแต่แรกหรอกเนอะ)

ปกติภาพวาดที่มีชื่อเสียงมักจะมีการซ่อมแซมบูรณะภาพเขียน แต่สำหรับภาพนี้มันมีคุณค่า และมูลค่าที่มหาศาลจนไม่มีช่างคนไหนกล้ารับความเสี่ยงในการซ่อมแซมมัน สุดท้าย มันเลยถูกเก็บเอาไว้ในสภาพเดิมภายใต้ห้องควบคุมอุณหภูมิ เพื่อคงสภาพเอาไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย


มีภาพผู้หญิงอีกคนถูกซ่อนอยู่ใต้ภาพโมนาลิซา

เมื่อปี ค.ศ. 2015 Pascal Cotte นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ออกมาเปิดเผยว่า เขาใช้เวลากว่า 10 ปี ในการศึกษารูปโมนาลิซา ก่อนที่จะค้นพบว่ามีภาพวาดอีกภาพถูกซ่อนเอาไว้อยู่ โดยเขาได้ใช้แสงส่องลงไปบนภาพ และวัดอัตราการสะท้อนกลับมาด้วยกล้องที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ว่าภาพถูกวาดขึ้นมาได้อย่างไร

ทางด้านพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าว โดยบอกเพียงแค่ว่า "เราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของทีมนักวิทยาศาสตร์" แม้ว่าทาง Cotte จะบอกว่าได้รับการอนุญาตให้ทำการศึกษาแล้ว แต่พิพิธภัณฑ์บอกว่ามันอยู่นอกเหนือจากโครงการที่ Cotte เคยเสนอเอาไว้

ด้านล่างนี้เป็นภาพที่ Cotte กล่าวว่าถูกซ่อนเอาไว้ใต้ภาพของโมนาลิซา

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย
ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=fV1MJA7yILo


รอยยิ้มลึกลับ และสายตาที่จับตามองคุณตลอดเวลา

เป็นข้อถกเถียงกันว่าเธอ (โมนาลิซา) ยิ้มอยู่หรือไม่ มีคนบางคนยืนยันว่าเธอทำหน้า "เฉยเมย" แต่บางคนก็ยืนยันว่าเธอกำลัง "ยิ้ม" อยู่

รวมไปถึงแววตาของเธอก็เช่นกัน ไม่ว่าคุณจะมองเธอจากมุมไหนของภาพก็ตาม คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่าเธอมองตามคุณอยู่ตลอดเวลา

เรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาแล้วพบว่า มันเกิดจากเทคนิคภาพลวงตาที่เกิดจากแสง และสี ที่ทำให้เราเห็นภาพแตกต่างไปจากเดิม หากมองจากมุมที่แตกต่างกัน ไม่เชื่อลองชมคลิปวิดีโอด้านล่างนี้ดู


มีรหัสลับถูกซ่อนเอาไว้ในภาพของโมนาลิซา

นี่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของรหัสลับดา วินซี หนังสือชื่อดังของแดน บราวน์หรอกนะ แต่เป็นเรื่องจริงที่ Silvano Vinceti นักวิจัย และประธานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติอิตาลีได้ค้นพบ

ในภาพของโมนาลิซา ดา วินซีได้ซ่อนรหัสเอาไว้ในดวงตา ที่ตัวเขามีความเชื่อว่าเป็นประตูของจิตวิญญาณ และเป็นเครื่องมือในการสื่อสารอีกด้วย โดยในตาข้างขวาได้มีการซ่อนตัวอักษร "L"  เชื่อว่าน่าจะเป็นการซ่อนชื่อย่อของเขาเอาไว้ ("L"eonardo da Vinci) ไม่เพียงแค่นั้น ในตาข้างซ้ายมันยังมีความลับที่น่าสนใจยิ่งกว่าซ่อนอยู่ด้วย

ที่ดวงตาข้างซ้ายของโมนาลิซา มีตัวอักษรอยู่ด้วยเช่นกัน แต่มันไม่ชัดเจนว่าเป็นตัว B, S, C หรือ E กันแน่ ซึ่งมันอาจจะเป็นกุญแจไปสู่ความจริงว่าใครที่เป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้ก็เป็นได้

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย

ในฉากหลังของภาพบริเวณใต้สะพาน ก็มีตัวเลข 72 หรือไม่ก็ L2 ถูกซ่อนเอาไว้ด้วย แต่ยังไม่มีใครรู้ว่าเลขดังกล่าว หมายถึงอะไรกันแน่

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย

นอกจากนี้ หากเรามองรูปของโมนาลิซ่าผ่านกระจกเงา เราจะพบว่ามีตัวเลข "56" ถูกซ่อนเอาไว้ในภาพด้วย มีคนสันนิษฐานว่ามันอาจจะเป็นการบอกว่าดา วินซี วาดภาพนี้เสร็จในตอนอายุ 56 ปี ก็เป็นได้ เพราะเหตุผลที่แท้จริงคงไม่มีใครรู้

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย


มีรูปสัตว์ซ่อนอยู่ในภาพโมนาลิซา

Ron Piccirillo กราฟิกดีไซเนอร์ และนักวาดภาพ ได้เผยแพร่ทฤษฎีนี้ผ่าน Blog ส่วนตัวของเขา และเราก็เผลอคล้อยตามเขาไปแล้วซะด้วยสิ Piccirillo ได้ระบุว่าเมื่อเราตะแคงภาพโมนาลิซา เราจะสังเกตเห็นว่ามีหัวสัตว์อยู่ 4 ชนิด แฝงอยู่ ประกอบไปด้วยสิงโต, ลิง และจระเข้ (ผู้เขียน : ผมมองเห็นแค่ลิง และสิงโตเท่านั้น)

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย

Piccirillo อ้างว่าสิ่งที่เราเห็นนี้ถูกเรียกว่า "D point" ตามทฤษฏีของดา วินซี โดยเขาได้ยกข้อความที่ดา วินซีเคยจดบันทึกเอาไว้ในสมุดของเขาว่า  

 

"สมมติให้ a b คือ ภาพ และ d คือ แหล่งกำเนิดแสง ผมบอกเลยว่าหากคุณยืนอยู่ระหว่าง c และ e คุณจะไม่สามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันเป็นภาพที่มีมันเงา เพราะมันจะสว่างจ้า และสะท้อนแสง ด้วยเหตุผลนี้ ยิ่งคุณเข้าใกล้ตำแหน่ง c มากเท่าไหร่ คุณยิ่งเห็นได้น้อยลงเท่านั้น แต่หากคุณอยู่ระหว่างตำแหน่ง e และ d คุณจะเห็นภาพได้ดีกว่าเดิม และยิ่งเข้าใกล้ d เท่าไหร่ ภาพยิ่งชัดขึ้นเท่านั้น"

Piccirillo เกิดความสงสัยว่าทำไมดา วินซีต้องให้ดูภาพจากตำแหน่ง D point เขาจึงทดลองทำตาม และนั่นทำให้เขามองเห็นหัวจระเเข้ในบริเวณซ้ายมือของภาพ 

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย


ภาพ Isleworth Mona Lisa 

ในปี 1913 Hugh Blaker ศิลปิน และนักสะสมศิลปะชาวอังกฤษได้ค้นพบภาพวาดที่คล้ายกับภาพโมนาลิซาแขวนอยู่ในบ้านเก่าหลังหนึ่งที่มีอายุกว่า 100 ปี เขาตั้งชื่อภาพนี้ว่า Isleworth Mona Lisa เนื่องจากเขาพบภาพนี้ที่เมือง Isleworth

ภาพ Isleworth Mona Lisa เป็นภาพสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ และได้รับการตรวจสอบแล้วพบว่ามันเป็นผลงานของดา วินซี จริงๆ นางแบบที่ปรากฏบนภาพ Isleworth Mona Lisa มีความใกล้เคียงกับ Mona Lisa  เป็นอย่างมาก ต่างกันแค่แบบในภาพนี้จะดูอ่อนวัยกว่า

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ลงความเห็นว่าเมื่อดูรายละเอียดเทียบกับภาพ Mona Lisa แล้ว Isleworth Mona Lisa ในส่วนของใบหน้า และมือน่าจะเป็นฝีมือของดา วินซี จริงๆ แต่ส่วนที่เหลือของภาพน่าจะถูกวาดต่อโดยลูกศิษย์ของเขามากกว่า

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย


ภาพ Young Woman on a Balcony

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าภาพ Isleworth Mona Lisa น่าจะเป็นของจริง ส่วนหนึ่งก็มาจากภาพร่าง Young Woman on a Balcony ของรัฟฟาเอลโล ซานซีโอ ดา อูร์บีโน (อิตาลี: Raffaello Sanzio da Urbino) ผู้ที่เป็นลูกศิษย์ของดา วินซี ว่ากันว่ารัฟฟาเอลโล ร่างภาพนี้ขึ้นจากการเฝ้าสังเกตตอนที่ดา วินซีวาดภาพ Mona Lisa อยู่

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย


มีการค้นพบภาพนู้ดของ Mona Lisa 

ภาพนี้มีชื่อว่า Monna Vanna ถูกค้นพบในคลังสะสมของพิพิธภัณฑ์ Condé โดยได้รับการบริจาคมาจาก Duc d’Aumale, ลูกชายของ Louis-Philippe ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1862

ในโอกาสครบรอบ 500 ปี การเสียชีวิตของดา วินซี (เขาเสียเมื่อ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519) ทางศูนย์วิจัย และฟื้นฟูพิพิธภัณฑ์แห่งฝรั่งเศส (C2RMF) ได้ตัดสินใจนำภาพ Monna Vanna มาตรวจสอบใหม่โดยละเอียด เพื่อวิเคราะห์ว่ามันมีความเกี่ยวข้องอะไรกับดา วินซี หรือไม่ เนื่องจากนางแบบในภาพมีความคล้ายกับโมนาลิซาเป็นอย่างมาก แถมยังมีการลักษณะการวางมือที่เหมือนกันอีกต่างหาก

จากการตรวจสอบด้วยกล้องความละเอียดสูง ผู้เชี่ยวชาญพบว่าภาพนี้ถูกวาดด้วยมือซ้ายจากบริเวณด้านซ้ายบนของภาพก่อนที่จะไปจบลงที่ด้านขวาล่าง ทำให้เชื่อว่าศิลปินผู้วาดน่าจะเป็นคนถนัดซ้ายแต่ตรงกลางด้านบนของภาพน่าจะถูกวาดโดยคนถนัดขวา อย่างไรก็ตาม มีการใช้เทคนิค Sfumato ในภาพอย่างโดดเด่น

ทำให้สรุปออกมาว่า ภาพนี้น่าจะถูกวาดโดยดา วินซีจริงๆ แต่ว่ามีลูกศิษย์ หรือศิลปินคนอื่นมาเก็บรายละเอียดบางส่วนอีกที ปัจจุบัน ภาพนี้ถูกจัดแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ Condé ในประเทศปารีส

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย


ปิกาโซเคยถูกกล่าวหาว่าขโมยภาพโมนาลิซา

เมื่อวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1911 ภาพโมนาลิซาได้หายไปจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ วันนั้นเป็นวันที่พิพิธภัณฑ์ปิดทำการ และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยน้อยกว่าปกติ หัวขโมยผู้หนึ่งได้ซ่อนตัวอยู่ในพิพิธภัณฑ์ และทำการโจรกรรมภาพโมนาลิซาไปได้สำเร็จ

ทันทีที่ภาพหายไป ฝรั่งเศสได้ทำการปิดชายแดน ทำการตรวจสอบคน และยานพาหนะที่เข้าออกอย่างเข้มงวด มีการตั้งเงินรางวัลให้แก้ผู้ที่แจ้งเบาะแสสูงถึง 50,000 ฟรังก์ ซึ่งถือว่าสูงมากในขณะนั้น และมีศิลปินดังชื่อก้องโลกรายหนึ่ง ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าขโมยภาพไป นั่นก็คือ ปาโบล ปิกาโซ

ขณะนั้น ปิกาโซ เพิ่งจะย้ายมาอยู่ในปารีสได้ประมาณ 10 ปี เท่านั้น เขาอาศัยอยู่กับพวกชาวโบฮีเมียน และก่อตั้งกลุ่มที่ชื่อว่า "La bande de Picasso" ขึ้นมา มีสมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งชื่อว่า Guillaume Apollinaire เขาเป็นนักเขียน และนักกวี ซึ่งตัวเขามีเลขาส่วนตัวชื่อว่า Honore-Joseph Géry

Pieret เคยโดนข้อหาแอบขโมยรูปปั้นในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ออกมาขาย และสารภาพในปี ค.ศ. 1907 ว่าเขาเคยขโมยรูปปั้นโบราณ 2 ตัว ออกจากพิพิธภัณฑ์มาขายต่อให้แก่ปิกาโซ ว่ากันว่าปิกาโซได้ใช้รูปปั้นสองตัวนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงาน "Les Demoiselles d’Avignon" ของเขา ไม่เพียงแค่นั้นยังมีรายงานว่าปิกาโซซุกซ่อนรูปปั้นที่ถูกขโมยจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์โดยฝากเอาไว้ที่เพื่อนซี้อย่าง Apollinaire ด้วย

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย
Les Demoiselles d’Avignon ภาพจาก https://www.moma.org/collection/works/79766

Pieret ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในทันทีที่ภาพโมนาลิซาหายไป พวกตำรวจเชื่อว่าคนที่เคยขโมย และครอบครองรูปปั้น ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แน่ๆ และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วพบว่า ภาพอยู่ที่ใคร

เมื่อรู้ตัวว่างานกำลังเข้า ทั้งปิกาโซ และ Apollinair ได้รีบเอารูปปั้นใส่กระเป๋าเดินทาง เพื่อหวังจะนำมันไปโยนทิ้งลงแม่น้ำแซน แต่เมื่อทั้งคู่ไปถึงจุดหมาย ด้วยจิตใจของศิลปิน ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำใจทำลายรูปปั้นลงได้  Apollinaire ตัดสินใจนำรูปปั้นไปให้สำนักข่าว โดยขอให้เก็บเอาไว้เป็นความลับ แต่มันก็ลับได้ไม่นานเมื่อฝ่ายสืบสวนเข้ามาทำคดี

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ทั้งคู่ก็รอดจากคดีนี้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน และในเวลาสองปีถัดมาคนร้ายตัวจริงก็ถูกจับได้ โดยเป็น Vincenzo Peruggia ศิลปินชาวอิตาลีที่ทำงานอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ที่สารภาพว่าเขาอยากให้ภาพนี้อยู่ที่อิตาลีมากกว่า


โมนาลิซาประกอบขึ้นจากสัดส่วนทอง

สัดส่วนทอง หรือ Golden Ratio เมื่อเรานำตัวเลขฟีโบนักชีลำดับที่เท่าไหร่ก็ได้มาหารด้วยตัวเลขลำดับก่อนหน้า เราจะได้ผลหารใกล้เคียงกับค่า Phi หรือ 1.618 เสมอ และหากเรานำตัวเลขฟีโบนักชีมาสร้างเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมมาหาพื้นที่ เราจะได้สิ่งที่เรียกว่าสัดส่วนทอง ซึ่งเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเลย คือ เกือบทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนแต่ประกอบขึ้นด้วยสัดส่วนทอง ไม่ว่าจะโครงกระดูกในร่างกายของมนุษย์ หรือเปลือกของหอยทาก จนมีคนกล่าวว่ามันคือ ค่าที่สวยงามที่สุดของธรรมชาติ

Mona Lisa ภาพชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมาย
ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Golden_spiral

การนำสัดส่วนทองมาใช้ในงานศิลปะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ และภาพโมนาลิซาเองก็ถูกวาดขึ้นโดยแฝงสัดส่วนทอง และเรขาคณิตเอาไว้ทั้งภาพได้อย่างน่าทึ่ง นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงรู้สึกว่าภาพนี้ช่างสมบูรณ์แบบนัก


มีคนเคยฆ่าตัวตายเพราะรอยยิ้มของโมนาลิซา

สื่อ Telegraph เคยระบุว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1852 Luc Maspero ศิลปินหนุ่มชาวฝรั่งเศส ได้ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงจากหน้าต่างชั้น 4 ของโรงแรม พร้อมกับทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ว่า "เป็นปีแล้วที่ผมได้ต่อสู้อย่างสิ้นหวังกับรอยยิ้มของโมนาลิซ่า ผมยอมตายเสียดีกว่า"

อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานปรากฏที่ชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ บางทีมันอาจจะเป็นแค่ข่าวปลอมที่ใครสักคนใน Telegraph ฟังมาจากร้านเหล้าก็เป็นได้


ทุกวันนี้ ก็ยังมีคนที่หลงใหลในภาพโมนาลิซา หญิงสาวที่มีรอยยิ้มลึกลับผู้นี้อยู่ และพยายามขุดค้นหาปริศนาที่ถูกซ่อนอยู่ ราวกับภาพนี้มีมนต์เสน่ห์บางอย่างที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถล้มเลิกความคิดหมกมุ่นที่มีต่อภาพโมนาลิซานี้ได้

ก็ไม่แน่นะครับ ว่าในอนาคตอาจจะมีปริศนาลึกลับในภาพนี้ถูกค้นพบออกมาอีกก็เป็นได้


ที่มา : listverse.com , www.quora.com , sciencenetlinks.com , www.thoughtco.com , en.m.wikipedia.org , www.thevintagenews.com , www.bbc.com , gizmodo.com , en.wikipedia.org , www.britannica.com , medium.com , www.forbes.com , gigazine.net , gizmodo.com , ronpiccirillo.com , submit.shutterstock.com

 

0 Mona+Lisa+%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
ระดับผู้ใช้ : Admin    Thaiware
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ
 
 
 

รีวิวที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น