ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊คสองหน้าจอ "ZenBook Pro Duo" ที่มาพร้อมกับจอที่สอง "ScreenPad Plus ขนาด 14 นิ้ว" ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เหล่า Content Creator ได้ใช้งานโดยเฉพาะ แต่จะใช้งานจริงเป็นอย่างไรบ้างนั้น เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟัง
จุดเด่น
| จุดสังเกต
|
ASUS ZenBook Pro Duo มาพร้อมกับตัวเครื่องสีใหม่คือ Celestial Blue ที่มีเฉดสีน้ำเงิน เหมือนน้ำทะเลลึก ส่วนวัสดุประกอบตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมทั้งหมด ทั้งฝาปิดเครื่อง ขอบข้าง และฝาหลัง ข้อดีคือช่วยเรื่องถ่ายเทความร้อน
ดีไซน์ตัวเครื่องดูทันสมัย มีการตัดมุมแบบ Diamond-cut edges เหมือนการเจียระไนเพชร ทำให้ตัวเครื่องมีขอบค่อนเข้างเยอะ แต่ดูสวยดี ดูทันสมัย จะว่าไปก็คล้ายๆ โน้ตบุ๊คเกมมิ่งเกียร์อยู่นะ
พอร์ตเชื่อมต่อมีอยู่ทั้งสองข้าง อยู่ใกล้ๆ กับช่องพัดลมระบายความร้อน ประกอบไปด้วย
น่าเสียดายอย่างหนึ่งคือไม่มีพอร์ต SD Card หากจะนำเข้าไฟล์จากกล้องดิจิตอลก็ต้องเสียบสาย USB หรือไม่ก็ต่อ Card Reader / Dock Station
ดีไซน์หน้าจอหลัก 15.6 นิ้ว เป็นแบบขอบบาง (Ultraslim bezel) ใช้เทคโนโลยีบานพับแบบ ErgoLift ที่เมื่อเปิดจอขึ้น ตัวเครื่องจะยกสูงขึ้น 3 องศา ช่วยเรื่องการถ่ายเทอากาศ, การพิมพ์ และเสียงลำโพง
ส่วนจอที่สองอย่าง ScreenPad Plus ขนาด 14 นิ้ว มีดีไซน์เหมือนจอหลักคือมีขอบที่ค่อนข้างบางยกเว้นขอบล่าง ตำแหน่งถูกวางอยู่บนแผงด้านบน อยู่ติดกับจอหลัก เวลามองสลับระหว่างสองจอดูลื่นไหล
สำหรับคีย์บอร์ด (Keyboard) และทัชแพด (Touchpad) อยู่รวมกันที่ด้านล่าง ปุ่มคีย์บอร์ดทำระนาบเดียวกับจอที่สอง ว่ากันตามตรงการที่ย้ายทัชแพดมาอยู่ด้านขวาสำหรับ "คนใช้งานทั่วไป" อาจจะลำบากสักหน่อยเพราะต้องเลื่อนมือไปมาเวลาพิมพ์และใช้ทัดแพด แต่สำหรับคนทำกราฟฟิกอาจจะไม่ลำบากเพราะมือขวาต้องใช้คุมเมาส์อยู่แล้ว ไม่ต้องสลับไปสลับมา
ตรงทัชแพดใส่ฟีเจอร์ NumberPad ที่ใช้กดตัวเลขลงไปด้วย ช่วยให้การพิมพ์ตัวเลขสะดวกขึ้น วิธีเปิดใช้ไม่ยากแค่แตะที่รูปไอคอนขวาบนค้างไว้ 1 วินาที แล้วก็จะมีไฟ LED โผล่ขึ้นมา
ส่วนตำแหน่งกล้องก็เหมือนปกติเลยคืออยู่ตรงกลางด้านบนสุดเหนือจอหลัก แต่ตัวกล้องนั้นมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือเป็นกล้องแบบ IR Camera ที่สามารถปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้าได้
โดยรวมแล้วดีไซน์ของ ASUS ZenBook Pro Duo ถือว่าออกแบบมาได้ดี มีการจัดวางทุกอย่างได้อย่างชาญฉลาด และคุ้มค่ามาก ย้ายคีย์บอร์ดจากตรงกลางมารวมอยู่กับทัชแพดด้านล่างเพื่อให้ด้านบนมีพื้นที่ใส่จอเข้าไป
เรื่องภายนอกดูดีแล้ว กลับมาดูที่ภายในกันบ้าง สเปคของ ASUS ZenBook Pro เรียกว่าโหดทุกส่วนเลยก็ว่าได้เพราะ ใช้ซีพียู (CPU) รหัส H ที่มี 6 Core 12 Thread อย่าง Intel Core i7-9750H ที่มีความเร็ว 2.6GHz และ Turbo ได้ถึง 4.5GHz พร้อมชิปประมวลผลกราฟฟิก (GPU) ตัวแรง RTX 2060 ที่มี VRAM 6GB นอกจากนี้แล้ว ยังมีแรม (RAM) ที่มากถึง 32GB และพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ x4 PCIe SSD ขนาด 1TB ในตัว
ส่วนสเปคจอภาพมีทั้งจอกระจกขนาด 15.6 นิ้ว (จอหลัก) และจอด้าน 14 นิ้ว (จอที่สอง) รองรับระบบสัมผัส (Touchscreen) และปากกาสไตลัส (Stylus Pen) โดยทั้งคู่ใช้สเปคเดียวกันคือเป็นหน้าจอประเภท OLED ที่ทำค่า Contrast ได้สูงถึง 100,000:1 มีความละเอียดระดับ 4K UHD และรองรับ HDR รวมถึงสามารถแสดงค่าสีที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตหนังภาพยนตร์อย่าง DCI-P3 ถึง 100% และมาตรฐานสีทั่วไปอย่าง sRGB ถึง 133%
และจากที่ลองใช้สเปคที่ว่า เปิดโปรแกรมตัดต่ออย่าง Adobe Premiere Pro พร้อมกับโปรแกรม Photoshop และเปิดเว็บเบราว์เซอร์หลายๆ แท็บทิ้งไว้ ก็รู้สึกว่าใช้งานได้ลื่นเลย ไม่เกิดปัญหาใดๆ สามารถเปิดโปรแกรมหนักๆ หลายตัวทิ้งไว้ได้เลย
นอกจากนี้แล้วยังลองเรนเดอร์งานวิดีโอก็รู้สึกว่าไวเลย คลิปยาว 30 วินาที ใช้เวลาเรนเดอร์แค่ 20 วินาทีเท่านั้น (แบบไม่ใส่เอฟเฟคใดๆ) สำหรับการตัดต่อคลิปยาวๆ ก็ไม่มีปัญหาค้างแต่อย่างใด
ด้วยสเปคขนาดนี้ใช้แค่ทำงานอย่างเดียวก็ว่าดีแล้ว แต่มันสามารถเอามาใช้เล่นเกมส์ได้ด้วย การเล่นเกมส์ไปพร้อมไลฟ์สตรีมไปด้วย ก็ทำได้ลื่นไหล คง FPS ไว้ที่ 60 เกือบตลอดทั้งเกมส์
ส่วนสเปคของจอทั้งสอง มีมาตรฐานที่สามารถแสดงสีได้แม่นยำมาก เอาไปใช้ในงานกราฟฟิกและงานวิดีโอระดับภาพยนตร์ได้เลย
อย่างที่รู้กันว่าจอที่สองหรือ ScreenPad Plus นั้นถูกใส่เข้ามาเพื่อให้เหล่านักสร้าง Content ได้ใช้งานกัน เราจะมาดูกันว่ามันจะใช้ทำอะไรได้บ้าง
เริ่มต้นกันที่ Adobe Premiere Pro หนึ่งในโปรแกรมตัดต่อที่นักสร้างสรรค์ Content ใช้งานเป็นอันดับต้นๆ โดยปกติแล้วการตัดต่อบนหน้าจอเดียวจะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไรเพราะหน้าต่างเช็คฟุตเทจ (Footage) ค่อนข้างเล็ก และถ้าจะขยายเพิ่มก็จะไปลดขนาดหน้าต่าง Timeline ทำให้ตัดยากเข้าไปอีก
แต่พอมีหน้าจอที่สองอย่าง ScreenPad Plus เพิ่มเข้ามา ทำให้สามารถโยกหน้าต่างแสดงฟุตเทจไปไว้ในจอที่สอง ทำให้การเช็คฟุตเทจ หรือการโยกย้ายทำได้ง่ายมาก จะใช้เมาส์คลิกลากหรือใช้นิ้วลากก็ได้ แต่ถ้าจะเอาเฉพาะหน้าต่าง Timeline ลงมาไว้เพื่อเพิ่มขนาดของหน้าต่างแสดงวิดีโอพรีวิว (Preview) ก็ได้เหมือนกัน
จุดนี้เองช่วยให้การตัดต่อด้วยโปรแกรม Premiere Pro สะดวกมากยิ่งขึ้น แต่จากที่ทดลองเอาไปให้ทีมกราฟฟิกใช้ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ใช้จอแยกใหม่ๆ ไม่ถนัด แต่พอชินแล้วง่ายขึ้นเยอะ ลดเวลาการทำงานได้" และบอกอีกว่า "สีหน้าจอสดมาก และสีตรงสุดๆ"
Adobe Lightroom ก็เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ต้องการพื้นที่หน้าจอมาก เพราะว่าปกติแล้วหากเราใช้จอเพียงจอเดียวเวลาจะเลือกรูปออกมาแต่ง ต้องกดสลับไปมาระหว่างหน้าต่างรวมรูป กับหน้าต่างแต่งรูป
แต่พอมาใช้เป็นสองหน้าจอของ ASUS ZenBook Pro Duo แล้วก็พบว่ามันมีประโยชน์มากๆ เวลาที่จะเลือกดูรูปเพื่อเอามาแต่ง จากที่ต้องสลับไปมาไม่ต้องกดสลับเลย เอาจอล่างเปิด-เลือกรูปรวมแล้วเอาจอหลักไว้แต่งภาพ ช่วยให้แต่งภาพได้สะดวกขึ้น
ScreenPad Plus หรือหน้าจอที่สองของ ASUS ZenBook Pro Duo นั้นเป็นจอแบบแนวนอน และรองรับระบบสัมผัสกับปากกาสไตลัส ซึ่งมันเอามาใช้วาดรูปได้เหมือนกับมอนิเตอร์แท็บเล็ต (Monitor tablet) ได้เลย
ตัวปากกาสไตลัสใช้วาดเขียนได้ แต่ถ้าหากเทียบกับเมาส์ปากกายังให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันพอสมควร ในเรื่องความลื่นไหลในการลากเส้น เมาส์ปากกานั้นลื่นกว่าปากกาสไตลัส ด้านการสัมผัสหน้าจอก็ถือว่าทำมาดีรองรับการทัชพร้อมกัน 10 จุด ทั้งจอบนและจอล่าง
ปกติแล้วเรามักจะเคยชินกับโน้ตบุ๊คที่มีเพียงจอเดียว แต่สำหรับคนที่ทำงานด้าน Content บางครั้งก็ต้องเปิดโปรแกรมหลายหน้าต่างไว้ เช่น นักเขียน ที่ต้องแบ่งฝั่งหนึ่งไว้สำหรับดูข้อมูล ส่วนอีกฝั่งไว้สำหรับเขียนงาน และในบางทีก็ต้องเปิดหน้าต่างแชทไปด้วย จอเดียวอาจเล็กเกินไป
แต่พอมีจอที่สองเข้ามามันช่วยให้การทำงานลื่นไหลมากขึ้น และดูได้เต็มตามากขึ้น สามารถเอาจอบนไว้เขียนงาน ส่วนจอล่างไว้อ่านข้อมูลได้เลย หรือจะแบ่งออกเป็น 3-5 หน้าต่างก็ได้ ช่วยให้ไม่ต้องกดสลับหน้าบ่อยๆ แค่เลื่อนเมาส์มาคลิกหรือใช้นิ้วจิ้มได้เลย
และอีกงานสายหนึ่งของนักสร้าง Content คือการไลฟ์สตรีม ปกติแล้วหลายคนคงทำผ่านคอมฯ เพราะมันแยกเป็นสองจอ แต่พอเป็น ASUS ZenBook Pro Duo คอมฯ ตั้งโต๊ะ ก็ไม่จำเป็น เพราะมันมีสองจออยู่แล้ว จอหลักใช้เล่นเกมส์ จอที่สองไว้คุมโปรแกรมสตรีมและอ่านคอมเมนต์ หรือถ้าเป็นสายแชทระหว่างการเล่นเกมส์ก็ได้เหมือนกัน จอหลักก็เล่นเกมส์ไป ส่วนจอรองก็เปิด Line / Facebook / Twitter / IG เพื่อแชทได้สะดวกสบายเลย
แต่การเล่นเกมส์หรือการสตรีมเกมส์ จำเป็นต้องเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จไว้ เพื่อจ่ายไฟให้กับการ์ดจอ RTX 2060 หากไม่เสียบไว้มันจะใช้งานแค่การ์ดจอ Intel UHD Graphics 630 ซึ่งเล่นเกมส์ได้แต่ไม่ลื่นนัก
การทำงานของ ScreenPad Plus มีการทำงานเหมือนการต่อจอเสริมไม่มีผิด แต่การใช้งานธรรมดาอาจจะไม่สะดวกสักเท่าไร เพราะว่ามันต้องลากหน้าต่างข้ามไปข้ามมา แต่สำหรับ ScreenPad Plus จะมีโปรแกรมเสริมอย่าง App Switcher, ViewMax และ Task Swap ที่คอยช่วยให้การใช้งานระหว่างสองจอง่ายขึ้น เช่น เวลาที่เราจะย้ายจากจอข้างบนมาเป็นจอล่าง ก็ลากแอปฯ ไปใส่ไอคอนเลื่อนลงในแถบ Task Swap ที่โผล่ขึ้นมาเท่านั้น หน้าต่างก็จะย้ายไปอยู่ข้างล่างทันที
รู้กันว่าสเปคของ ASUS ZenBook Pro Duo นั้นแรง และความแรงก็มาพร้อมกับความร้อน แต่ระบบจัดการความร้อนของมัน ถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียวเพราะว่าเลือกใช้วัสดุอย่างอะลูมิเนียมที่ถ่ายเทความร้อนได้ดีมาทำเป็นตัวเครื่อง มีบานพับ ErgoLift ที่ยกตัวเครื่องขึ้นช่วยให้อากาศไหลเวียนสะดวก และมีระบบพัดลมคู่พร้อมกับ 4 ท่อระบายความร้อน ทำให้ความร้อนไม่สูงมากนักขณะที่ใช้งานแบบฟูลโหลด และจากการทดสอบก็ได้ผลออกมาว่าแม้จะ Full Load 100% ความร้อนของ CPU ก็ไม่เกิน 95 องศา ส่วนภายนอกก็มีความร้อนสะสมที่แถบจอเท่านั้น ไม่ร้อนถึงคีย์บอร์ดและทัชแพด ทำให้สามารถใช้งานนานๆ ได้ แต่ความร้อนที่เกิดขึ้นใต้จอเป็นระยะเวลานานๆ อาจจะส่งผลกระทบกับหน้าจอก็เป็นได้
ด้านลำโพงของ ASUS ZenBook Pro Duo ก็ไม่ธรรมดา ได้แบรนด์ด้านเสียงระดับโลกอย่าง Harman Kardon มาปรับแต่งจูนเสียง ทำให้ลำโพงสามารถขับเสียงออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และจากที่ได้ลองตัดต่อ ดูหนัง ฟังเพลง ก็รู้สึกได้เลยว่าเสียงใสและเคลียร์มาก
แม้ว่า ASUS ZenBook Pro Duo จะมีสองหน้าจอ แต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เทอะทะแต่อย่างใด ตัวเครื่องมีขนาดปกติเท่าๆ กับโน้ตบุ๊ค 15 นิ้วทั่วไป พกใส่กระเป๋าสะพายได้เลย น้ำหนักก็อยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ซึ่งอาจจะหนักไปสักหน่อย แต่ว่าก็ได้หน้าจอเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งจอ และก็ได้บอดี้ที่ระบายความร้อนดี
อันนี้เป็นจุดสังเกตที่เห็นได้ชัดมากเลย เมื่อเปิดใช้งานแบบเต็มกำลังหรือโหมด Performance แบตฯ จะใช้ได้แค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น และถ้าเปิดโหมดประหยัดแบตฯ Saving Battery ก็จะอยู่ได้ประมาณ 6 ชั่วโมง (อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
และการที่แบตฯ หมดไวนั้นทำให้เราต้องพกอะแดปเตอร์ชาร์จติดไปตลอดเวลา แถมเวลาที่ต้องการใช้งานการ์ดจอ RTX 2060 ก็ต้องเสียบอะแดปเตอร์ไว้ด้วย
โดยรวมๆ แล้ว ASUS ZenBook Pro Duo ถือเป็นโน้ตบุ๊คที่มาพร้อมกับสองหน้าจอความละเอียดสูงที่ใช้งานได้ยืดหยุ่นมาก เพิ่มพื้นที่ใช้งานให้มากขึ้น เหมาะกับเหล่า Content Creator ที่ต้องการพื้นที่หน้าจอสำหรับทำงาน เช่น งานตัตต่อ แต่งรูป เล่นเกมส์ ฯลฯ แต่จุดที่ต้องสังเกตคือแบตเตอรี่ที่หมดไวมาก แบตฯ ไหลไวยิ่งกว่าน้ำ ทำให้ต้องพกอะแดปเตอร์ติดไปใช้งานตลอด ส่วนราคาก็เปิดตัวอยู่ที่ 89,990 บาท (รุ่นที่รีวิว) ส่วนอีกรุ่น Intel Core i9-9980HK ก็อยู่ที่ 109,990 บาท
|
How to .... |