ฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นวิกฤติถาวรสำหรับบ้านเราไปแล้ว ทำให้หลายคนต้องประสบปัญหา แสบจมูก แสบคอ ตามๆ กันไป และในตอนที่ต้องออกนอกสถานที่ก็แก้ปัญหาได้ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน แต่ตอนที่เราอยู่บ้านหรือที่ทำงาน จะให้สวมหน้ากากตลอดทั้งวัน หรือสวมหน้ากากหลับนอนตอนกลางคืน ก็ดูจะอึดอัดไม่น้อย การหาเครื่องฟอกอากาศดีๆ ติดบ้านหรือที่ทำงานเอาไว้ ก็ช่วยทำให้จัดการกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างได้ผล และ MITSUTA MAP650 ก็เป็นเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพดี มีระบบฟอกอากาศถึง 8 ขั้นตอน สามารถฟอกฝุ่นละอองขนาดเล็ก เกสรดอกไม้ เชื้อแบคทีเรีย และสารอันตรายอื่นๆ ในอากาศได้ถึง 99.8% รองรับการใช้งานทั้งในห้องของบ้าน และห้องในอาคารสำนักงานที่มีขนาดใหญ่ถึง 50-100 ตารางเมตร
ภาพอุปกรณ์ Humidififying Filter (ส่วนที่เป็นสีฟ้า) เป็นไส้กรองที่ทำหน้าที่ดูดน้ำขึ้นมา แล้วส่งผ่านความชื้นไปในอากาศ
การใช้เวลาอยู่ในห้องแอร์นานๆ อาจทำให้บางคนเกิดอาการระคายเคืองจมูก เนื่องจากอากาศแห้ง โดยเครื่องฟอกอากาศตัวนี้มีจุดเด่นตรงที่มีฟีเจอร์ Humidifier ที่ทำหน้าที่เพิ่ม และควบคุมความชื้นในอากาศให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ โดยที่ทางแบรนด์เคลมว่าฟีเจอร์นี้ สามารถแก้ปัญหาจมูกระคายเคืองที่เกิดจากอากาศแห้ง และไม่ทำให้ผิวแห้งอีกด้วย
ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
ในตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ (ปริมาณฝุ่น PM 2.5) ที่นอกจากจะแสดงระดับ PM 2.5 ผ่านตัวเลขบนแผงปุ่มกดแล้ว ก็ยังมีการแสดงระดับปริมาณฝุ่นผ่านเส้นไฟที่ตัวเครื่อง โดยที่ถ้าแสงไฟออกไปในโทนสี แดง เหลือง แสดงว่าในห้องมีฝุ่นค่อนข้างมาก (อาจจะเป็นในตอนที่เปิดเครื่องใหม่ๆ) แต่เมื่อปล่อยให้เครื่องทำงานฟอกอากาศไปสักพัก ปริมาณฝุ่นในห้องลดลง สีของแสงไฟจะเปลี่ยนมาเป็น ฟ้า หรือ เขียว โดยที่แสงสีเขียวแสดงว่าในห้องมีปริมาณฝุ่นที่น้อยมากๆ
การเปิด/ปิดเครื่อง ปรับเพิ่มลดระดับแรงลม รวมถึงการสั่งงานในฟังก์ชั่นอื่นๆ ของ MITSUTA MAP650 ก็ทำได้ง่ายๆ ผ่านการใช้นิ้วแตะที่แผงปุ่มสัมผัสทางด้านบนตัวเครื่อง โดยที่แต่ละปุ่มมีฟังก์ชั่นดังนี้
และเราสามารถใช้ปุ่ม Timer นับเวลาถอยหลังเพื่อปิดเครื่องอัตโนมัติได้ด้วย โดยการกดปุ่มนี้ในขณะที่เครื่องกำลังทำงานอยู่ ก็จะตั้งเวลาปิดเครื่องไว้ที่ 1 , 2 , 4 , 8 หรือ 12 ชั่วโมงได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับในกรณีที่เราจะออกไปเที่ยว หรือออกไปทำงาน แต่ยังไม่อยากให้ปิดเครื่องในทันที ก็สามารถตั้งเวลาให้เครื่องปิดลงในภายหลังได้
นอกจากนี้ แผงควบคุมทางด้านบนตัวเครื่อง ก็ยังมีชุดตัวเลขบอกค่าต่างๆ อาทิ
ถ้าไม่อยากเดินไปกดสั่งงานผ่านปุ่มกดบนตัวเครื่อง เครื่องฟอกอากาศตัวนี้ก็อำนวยความสะดวกให้เราด้วยรีโมทคอนโทรลขนาดกะทัดรัด (รีโมทใช้พลังงานจากแบตฯ ก้อนกระดุมไซส์ CR2025) โดยที่บนตัวรีโมทก็มีปุ่มกด 9 ปุ่มเท่ากับจำนวนปุ่มที่มีอยู่บนตัวเครื่องเลย ฟังก์ชั่นการทำงานของแต่ละปุ่มก็เป็นแบบเดียวกันครับ
สมกับความที่เป็นเครื่องฟอกอากาศระดับสูง ด้วยระะบฟอกอากาศถึง 8 ขั้นตอน โดยมีรายละเอียดดังนี้
ไส้กรองทั้ง 3 ชิ้นที่ติดตั้งอยู่ในตัวเครื่องนั้นมีขนาดใหญ่ ทำให้ไส้กรองไม่อุดตันง่ายๆ
ไส้กรองชิ้นที่ 4 เป็นไส้กรองขนาดเล็กของระบบ Humidifying ทำหน้าที่เพิ่มความชื้นในอากาศ โดยไส้กรองทั้ง 4 ชิ้นของเครื่องฟอกอากาศนี้ขายรวมแพคในราคา 3,000 บาท
ในส่วนขั้นตอนการถอดไส้กรองทั้ง 4 ชิ้น เปิดดูได้ในคลิปวิดีโอรีวิวเลยครับ
ทดสอบประสิทธิภาพของเจ้า MITSUTA MAP650 ในห้องที่มีขนาดประมาณ 60 ตารางเมตร ด้วยการเปิดแรงพัดลมดูดที่ระดับกลาง (แรงลมระดับ 2) พร้อมด้วยเปิดการปล่อยประจุไอออนลบ (Ion) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก และเปิดการทำงานของหลอดแสง UV และเราทำการวัดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในห้อง ด้วยเครื่องวัดของแบรนด์ Xiaomi
เครื่องวัดปริมาณผุ่น PM 2.5 ของแบรนด์ Xiaomi
คลิกเพื่อขยายดูภาพขนาดใหญ่
ผลก็ออกมาตามกราฟด้านบนนี้ครับ โดยเมื่อเราสั่งเปิดการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ บนหน้าจอเครื่องวัดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ของ Xiaomi รายงานว่าปริมาณฝุ่นในห้องอยู่ที่ระดับ 24.7 และเมื่อปล่อยให้เครื่องทำงาน ปริมาณ PM 2.5 ก็ลดลงเรื่อยๆ พอเมื่อเวลาผ่านไป 42 นาที ปริมาณฝุ่นก็ลดลงจนต่ำกว่าระดับ 10 และเมื่อปล่อยให้เครื่องทำงานไปเรื่อยๆ ระดับค่า PM 2.5 ในห้องก็สวิงตัวอยู่ในระดับ 9.5 - 11.1 ซึ่งก็เป็นระดับปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่ต่ำมากๆ ก็ต้องบอกว่า เจ้าเครื่องฟอกอากาศตัวนี้ สามารถรับมือกับฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยความที่เจ้าเครื่องฟอกอากาศตัวนี้มีฟีเจอร์เพิ่มความชื้นในอากาศให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ และเพื่อที่จะให้ระบบเพิ่มความชื้นในอากาศทำงานได้ เราต้องเติมน้ำลงในถังน้ำของตัวเครื่อง
โดยการถอดถังน้ำออกมาเพื่อเติมน้ำ ให้ใช้มืองัดเปิดตัวล็อกถังน้ำที่อยู่ทางด้านข้างขวาตัวเครื่องตามภาพ
หงายส่วนล่างของชิ้นถังน้ำขึ้นมา จะเห็นฝาปิดถังน้ำ ให้หมุนเปิดออกแล้วเติมน้ำลงไป
เติมน้ำเสร็จแล้ว ปิดฝาถังแล้วติดตั้งกลับไปตามเดิม
การตรวจสอบปริมาณน้ำในถัง ทำได้ผ่านขีดบอกระดับน้ำที่อยู่ทางด้านข้างถังน้ำ แต่มีข้อสังเกตคือช่องที่เจาะโปร่งเพื่อให้มองเห็นระดับน้ำนั้นมีสีที่ค่อนข้างขุ่น ทำให้ตรวจสอบระดับน้ำค่อนข้างยาก แต่ก็ยังมีเรื่องดีอยู่คือ เมื่อน้ำหมด ดวงไฟ LACK บนแผงปุ่มกดจะติดสว่าง เพื่อเตือนให้เรารู้ว่าต้องเติมน้ำได้แล้วนะ
เรามาดูประสิทธิภาพการจัดการความชื้นในอากาศของ MITSUTA MAP650 เครื่องนี้กัน โดยที่ตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์และมีการแสดงตัวเลข % ค่าระดับความชื้นในอากาศบนแผงควบคุมของตัวเครื่องด้วย และเราจะใช้ตัวเลขนี้เพื่อชี้วัดประสิทธิภาพการจัดการความชื้นในอากาศของเครื่องฟอกอากาศนี้
คลิกเพื่อขยายดูภาพขนาดใหญ่
โดยตามทฤษฎีคือ ค่าความชื้นในอากาศที่ระดับ 60% ถือว่าเป็นระดับที่พอเหมาะ อากาศไม่ชื้น หรือไม่แห้งจนเกินไป เราทดสอบในห้องที่มีขนาดประมาณ 60 ตร.ม. โดยเปิดแอร์ในห้อง 2 ตัว ซึ่งตามหลักการ การเปิดแอร์ในห้องจะทำให้อากาศแห้ง ความชื้นในอากาศลดลง โดยก่อนที่จะเปิดให้เครื่องทำงาน ความชื้นในอากาศอยู่ที่ระดับเกิน 60% อยู่เล็กน้อย เมื่อเปิดให้เครื่องทำงาน ความชื้นลดลงมาต่ำกว่าระดับ 60% เล็กน้อย โดยสวิงตัวอยู่ในช่วง 56-59% ซึ่งก็เป็นระดับความชื้นที่ต่ำกว่าจุดสมดุลอยู่เล็กน้อย
โดยสรุปแล้ว ฟีเจอร์จัดการความชื้นในอากาศของ MITSUTA MAP650 ก็มีข้อดีคือ ถ้าความชื้นในอากาศอยู่ใกล้เคียงจุดสมดุลแล้ว เครื่องก็ไม่ได้ทำการเติมความชื้นเข้าไปในอากาศให้มากเกินพอดีแต่อย่างใด
เครื่องฟอกอากาศระดับพรีเมี่ยมที่รองรับการใช้งานในห้องที่มีขนาดใหญ่ถึง 50-100 ตารางเมตร มีเซ็นเซอร์วัดปริมาณฝุ่น PM 2.5 และจัดการลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 อย่างได้ผล ทำให้สุขภาพของคนในบ้านดีขึ้นได้อย่างแน่นอน สั่งงานผ่านปุ่มสัมผัสและรีโมทคอนโทรล และที่พิเศษคือมีฟีเจอร์ระบบจัดการความชื้นในอากาศ ควบคุมให้ระดับความชื้นในห้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |