บทความนี้ถูกเขียนขึ้นมา เนื่องในโอกาสที่ เกม Command & Conquer Remastered ซึ่งเป็นการทำให้เกมภาคเก่าๆ กลับมามีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น โดยทางทีมผู้พัฒนา ได้พัฒนาให้เกมมีกราฟิกที่ดีขึ้น คนชัดขึ้น มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ให้เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในยุคปัจจุบัน เรียกได้ว่าปลุกเกมนี้ออกมาจากหลุมกันเลยทีเดียว
โดยทางทีมผู้พัฒนาเกม Command & Conquer Remastered จะวางขายในวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) ซึ่งเก่งกะเกมของเราก็เลยถือโอกาสลงมือเขียนประวัติความเป็นมาอันแสนยาวนานของแฟรนไชส์เกมนี้มาให้แฟนเกมได้อ่านกันค่ะ
Credit: https://store.steampowered.com/app/1213210/Command__Conquer_Remastered_Collection/
Command & Conquer เป็น เกมวางแผนการรบ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา (Real-time Strategy Game) ซึ่งจุดหมายปลายทางของเกมนี้คือการที่ผู้เล่นสามารถสร้างฐานการรบและบัญชาการการรบให้สามารถเอาชนะศัตรูที่กระจายอยู่ทั่วแผนที่ได้ แน่นอนว่าทุกจุดของแผนที่นอกเหนือจากฐานของเรานั้น จะมีหมอกปกคลุมดำมืดคลุมไว้จนกว่าจะมีหน่วยลาดตระเวนของเราออกไปสำรวจและค้นหาศัตรู ที่อาจกำลังเดินทางมาโจมตีฐานของเราในขณะนั้นพอดี
Credit: https://www.origin.com/tha/th-th/store/command-and-conquer/command-and-conquer-remastered
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้เกมแนวนี้มีเสน่ห์ คือรูปแบบของการวางแผนและจุดพลิกผันที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้หลากหลาย เช่น การวางแผนการใช้งานทรัพยากรที่มีอยู่ ถ้าใช้จนหมดก็จะไม่สามารถสร้างหน่วยรบเพิ่มได้, การที่อยู่ดีๆ ก็มีกองทัพจำนวนมากบุกมาล้อมฐานที่มั่นเราโดยไม่ทันตั้งตัว, หรือจะเป็นการที่เราบุกไปเจอฐานทัพของศัตรู ที่ตอนแรกไปสำรวจก็เข้าใจว่าฐานเล็ก แต่สุดท้ายดันเป็นแค่ฐานที่ถูกกระจายออกมา แต่ฐานจริงใหญ่โตจนไม่สามารถเอาชนะได้และทำลายกองทัพเราลงได้อย่างราบคาบ เป็นต้น ทำให้ผู้เล่นต้องใช้ความรอบคอบและการวางแผนอย่างถี่ถ้วนจึงจะสามารถเอาชนะได้
จุดเริ่มต้นของเกมซีรีส์นี้ ไม่ใช่การริเริ่มสร้างภาคแรกแต่อย่างใด แต่มาจากการที่ Westwood Studios ได้พัฒนาเกมแนวเดียวกันในชื่อว่า Dune II ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในยุคนั้น และกลายเป็นแนวทางหลักในการทำเกมแนวเดียวกันให้เกมอื่นๆ มาจนถึงปัจจุบัน
Credit: https://www.pinterest.ph/pin/565342559460619493/
สาเหตุที่ทางทีมงาน Westwood ไม่ได้ใช้ชื่อของ Dune ในการสร้างภาคต่อ เป็นเพราะว่า "บรรดาโปรแกรมเมอร์ของค่ายเริ่มเบื่อทะเลทรายแล้ว" และ "อยากทำในภูมิประเทศแบบใหม่รวมทั้งออกแบบศัตรูขึ้นมาใหม่ด้วย"
ในจุดนี้เองที่ทำให้เกม Command & Conquer ได้วางขายอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ซึ่งพล็อตเรื่องในภาคนี้จะใช้จุดเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาในอนาคต เอ่ยถึงขณะที่โลกได้ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีที่รู้จักกันในชื่อ Tiberium (ไทบีเรียม) และเกิดสงครามเป็นวงกว้าง
Credit: https://www.moddb.com/mods/mina-raouf/videos/tiberium-crystals
ซึ่งไทบีเรียมที่ว่านี้เป็นวัตถุประหลาดจากนอกโลก มีรูปร่างเป็นเหมือนผลึกสีเขียว และตกลงมาที่ Ground Zero (กราวด์ซีโร่) ประเทศอิตาลี การปนเปื้อนดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำลายสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตทุกอย่างจนถึงขั้นที่มนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
จนกระทั่งมีผู้ค้นพบวิธีการใช้งานไทบีเรียมที่ว่าโดยแปรรูปไปเป็นพลังงาน และเพราะการนี้เองจึงทำให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างฝ่าย Nod ที่ศรัทธาเลื่อมใสในคำทำนายว่าผลึกสีเขียวนี้ เป็นดุจดั่งของขวัญจากพระเจ้าที่มอบให้เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก กับฝ่าย GDI (Global Defense Initiative) หรือกองกำลังพิทักษ์โลก ที่ถูกจัดตั้งโดย UN หรือองค์การสหประชาชาติ ที่ต้องการกำจัดไทบีเรียมให้หมดไปจากโลก
ภาคนี้เป็นภาคที่ผู้เขียนได้มีโอกาสเล่นเพราะมีครูชาวต่างชาติแอบลงเกมไว้ในคอมพิวเตอร์ในห้องพักครู (ผู้เขียนเป็นลูกครูที่ได้พักในห้องนั้น ก็เลยมีโอกาสเล่นตอนที่ครูไปประชุมกันหรือไม่ก็ตอนที่ครูทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว ฮาๆ) ซึ่งกราฟิกของเกมไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลยในสมัยนั้นที่แค่ความละเอียด 800 x 600 พิกเซล ก็หรูแล้ว
Credit: https://vistapointe.net/command-amp-conquer-tiberian-sun.html
จากที่ได้เกริ่นนำไปบ้างแล้วข้างต้นว่า เนื้อเรื่องหลักของเกมนั้นมาจากกองทัพของสองฝั่งที่มีแนวคิดที่แตกต่างกันหลังมีไทบีเรียมตกลงมาบนพื้นผิวโลก ดังนั้น หลังจากที่วางขาย Command & Conquer ภาคแรกไปและประสบความสำเร็จในด้านเสียงวิจารณ์ไปถึง 94% Metacritic ก็ทำให้ทีมงานได้มีโอกาสเข็นภาคที่มีเนื้อเรื่องต่อเนื่องมาอย่าง Command & Conquer: Tiberian Sun (ไทบีเรียน ซัน) ออกมาสู่ตลาดในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542)
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเกมจะเป็นช่วงระยะเวลาประมาณ 30 ปีให้หลังนับจากเหตุการณ์ในภาคแรก ซึ่งเหตุการณ์ในภาคแรกจะมีเนื้อหาเน้นหนักไปที่เรื่องของการแบ่งฝ่ายการเมืองเป็นเรื่องเป็นราว แต่ในภาคไทบีเรียน ซัน นั้นได้เบนเข็มไปทางวิทยาศาสตร์เสียมากกว่า เช่นการอ้างถึงภูมิหลังของไทบีเรียมที่ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายระบบนิเวศของโลก
Credit: https://www.youtube.com/watch?v=md0YPwDrsqo
ถึงแม้ในปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ทาง Westwood Studio จะถูกซื้อกิจการไปโดยค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง EA (Electric Arts) แต่ทว่า EA นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาภาคนี้แต่อย่างใด หากเปรียบเทียบกับภาคก่อนหน้าแล้ว ไทบีเรียน ซัน จะเน้นหนักไปด้านเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์มากกว่า และเป็นการเปิดตัวเอนจิ้นเกมแบบภาพไอโซเมตริก (Isometric) ที่ใช้แสดงระดับพื้นผิวทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันเพื่อให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์การเล่นในแบบ 3 มิติอย่างแท้จริง
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเปิดทางสร้างซีรีส์เกม Command & Conquer ด้วยภาคแรกไปแล้ว ทางทีม Westwood ก็จัดภาคต่อไม่รอช้ากับการเปิดตัวซีรีส์ Red Alert (เรด อเลิร์ต) ซึ่งเนื้อเรื่องในซีรีส์เรด อเลิร์ต นั้นจะใช้ไทม์ไลน์เวลาแบบคู่ขนานกับภาคหลัก โดยเหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ย้อนเวลากลับไปในอดีตเพื่อลบ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้ก่อตั้งทัพนาซี ออกจากประวัติศาสตร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็กลายเป็นว่าทำให้ฝ่ายสหภาพโซเวียตที่นำโดย โจเซฟ สตาลิน บุกยุโรปแทน
Credit:https://www.youtube.com/watch?v=WNYJdHpdSEg
เดิมที ภาคเรด อเลิร์ต ถูกพัฒนามาเพื่อเป็นภาคบุกเบิกก่อนที่จะเปิดตัว Command & Conquer ภาคแรก เพื่อเป็นตัวปฐมบทของสงครามในเรื่องราวที่เกี่ยวกับไทบีเรียม โดย Louis Castle ผู้ออกแบบเกมและผู้ร่วมก่อตั้ง Westwood เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ความเชื่อมโยงกันระหว่างเรด อเลิร์ต และไทบีเรียมคือ "การทดลองที่ล้มเหลว" โดยภาคเรด อเลิร์ตจะเป็นการแนะนำฝ่ายพันธมิตรและสหภาพโซเวียต ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายๆ กันกับฝ่ายนาโต้ (NATO) และสนธิสัญญาวอร์ซอว์ (Warsaw Pact) ในสงครามเย็นในเหตุกาารณ์ประวัติศาสตร์จริง
ภาพประวัติศาสตร์สงครามเย็น
Credit: https://www.historynet.com/first-shots-of-the-cold-war.htm
และแน่นอนว่า เมื่อเกมมีเนื้อเรื่องที่มีความคล้ายคลึงกันกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ก็ทำให้ทุกคนได้หันกลับมาสนใจประวัติศาสตร์ของสงครามในอดีตกันอีกครั้งด้วยคะแนนวิจารณ์เฉลี่ยเกิน 90% จากเว็บไซต์ GameRankings และ Metacritic ทว่า ในส่วนของภาคเสริมที่ตามออกมาอย่าง Counterstrike (เคาน์เตอร์สไตรค์) และ The Aftermath (ดิ อาฟเตอร์แมธ) กลับได้รับคะแนนรีวิวเฉลี่ยเพียง 63% และ 70% ตามลำดับเท่านั้น
ภาคเสริมที่สร้างความรุ่งเรืองให้กลับมาสู่ซีรีส์ Command & Conquer อีกครั้งก็คือภาคเสริมที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Yuri's Revenge โดยตัวละครที่ชื่อ Yuri คืออดีตทหารโซเวียตที่พยายามยึดครองโลกโดยใช้เทคโนโลยีด้านการควบคุมจิตใจและกองทัพส่วนตัวของตนเอง ซึ่งภาคเสริมนี้ได้รับคะแนนวิจารณ์เฉลี่ย 85% จากผู้รีวิวทั้งหมด 31 คนบนเว็บไซต์ GameRankings ทำให้ Yuri's Revenge กลายเป็นภาคเสริมที่ดีที่สุดของซีรีส์เกม Command & Conquer เลยก็ว่าได้
สามารถ ดาวน์โหลด Red Alert 2 Yuri Revenge Mod จาก Thaiware.com ไปเล่นเพิ่มเติมได้ที่นี่
ใครเคยเดินพันธุ์ทิพย์ต้องเคยเห็นปกนี้ผ่านตากันบ้างล่ะน่า
Credit: https://www.ign.com/games/command-and-conquer-yuris-revenge-red-alert-2-expansion
ซีรีส์ Generals (เจเนอรัลส์) เป็นซีรีส์ที่ถูกพัฒนาโดย SAGE (Strategy Action Game Engine) เอนจิ้นที่แตกต่างออกไปจากเกมอื่นๆ ในซีรีส์ร่วมตระกูล ซึ่งเป็นเอนจิ้นที่ทำให้สามารถใช้ภาพ 3 มิติได้อย่างเต็มรูปแบบ (เดิมใช้ Westwood3D ในภาค Renegade) และเป็นครั้งแรกของเกมที่ไม่มีภาพยนตร์คั่นฉากที่ใช้คนแสดงมาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ และมีการเปลี่ยนแปลงของอินเทอร์เฟส การสร้างฐาน และฟีเจอร์ต่างๆ อย่างมาก
ภาค Generals ที่ใช้ SAGE ในการพัฒนา
Credit: https://www.indiedb.com/engines/sage-strategy-action-game-engine/images/generals-zero-hour-september-2003
พล็อตเรื่องในซีรีส์นี้จะบอกเล่าเหตุการณ์ใกล้เวลาในอนาคต ประกอบไปด้วยฝั่งสหรัฐอเมริกา, จีน, และฝ่ายองค์กรก่อการร้าย หลังจากที่ได้วางขายในตอนต้นปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) ก็ได้รับคะแนนรีวิวจาก Metacritics ไป 84% และ 9.3 / 10 จาก IGN อีกทั้งยังได้รับรางวัลในงาน E3 ประจำปี 2002 ในสาขารางวัล Game Critics Awards Best Strategy Game อีกด้วย
Credit: https://cnc.fandom.com/wiki/Command_%26_Conquer:_Generals
หลังจากนั้นไม่นานภายในปีเดียวกัน ทางค่ายก็ส่งภาคเสริมลงมาอย่างต่อเนื่องกับ Command & Conquer: Generals – Zero Hour ภายในภาคเสริมดังกล่าวมรการเพิ่มหน่วยทหารเข้ามาใหม่อีก 9 หน่วย และมิชชันเนื้อเรื่องอีกเพียบ รวมทั้งยังมีการเพิ่มโหมดการเล่นใหม่อย่าง Generals Challenge เข้ามาให้เล่นกันอีกด้วย
จากที่เราได้พูดถึงจุดเด่นของแต่ละภาคไปแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าภาคเก่าๆ อย่างซีรีส์ไทบีเรียนและเรด อเลิร์ต มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจและมีคะแนนรีวิวสูง อีกทั้งยังมีความคลาสสิกตลอดกาลในฉบับที่ภาคใหม่ๆ ก็ไม่สามารถทำให้ความรู้สึกในวันวานกลับมาได้ ทำให้แฟนๆ เรียกร้องให้มีการนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง และ EA ก็ตอบรับเสียงเรียกร้องดังกล่าว โดยถือโอกาสรีมาสเตอร์ภาคที่เป็นตำนานอย่าง Command & Conquer (Tiberian) และ Red Alert ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และแจกซอร์สโค้ด (Source Code) ของเกมให้ไปปรับแต่งกันเองเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปีอีกด้วย
Credit: https://www.ea.com/games/command-and-conquer/command-and-conquer-remastered
แฟนๆ ที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกลุ่มคอมมูนิตี้ของ Command & Conquer เองที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของผู้ผลักดันอย่างเป็นทางการ ซึ่งการรีมาสเตอร์ดังกล่าวไม่ได้ทำขึ้นเพียงแค่ปรับปรุงกราฟิกให้สวยงามขึ้นดด้วยความละเอียดถึงระดับ 4k เท่านั้น แต่ยังมีการเพิ่มคอนเท้นท์ต่างๆ เช่น ฉากคัทซีนที่ปกติมีแค่ในเครื่องคอนโซล ก็จะถูกนำมาลง PC ด้วย, เพิ่มโหมดแก้ไขแผนที่เอง, เพิ่มควิกแมทช์เพื่อชิงอันดับ 1 ของตารางคะแนน, โหมด Accessibility สำหรับผู้พิการในด้านต่างๆ, ฟีเจอร์ควิกเซฟและออโต้เซฟ, ฯลฯ อีกทั้งยังได้รับการพากย์เสียงใหม่จากผู้พากย์เสียงคนเดิมในรูปแบบเสียงที่คมชัดขึ้นอีกด้วย
โฉมหน้าทีมพากย์เสียงดั้งเดิม
Credit: https://www.ea.com/games/command-and-conquer/command-and-conquer-remastered/features
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทีม Westwood ที่เป็นทีมผู้พัฒนาเก่าของเกมนี้ต่างแยกย้ายกันไปแล้วหลายคน งานนี้ทาง EA จึงได้รับ Petroglyph Games มาช่วยรับไม้ต่อหน้าที่การรีมาสเตอร์ในครั้งนี้แทน ซึ่ง Petroglyph ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอดีตสมาชิกทีมงานบางส่วนของ Westwood เองเลยด้วย ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าจะได้กลิ่นอายเก่าๆ ของเกมนี้กลับมาอย่างแน่นอนเมื่อคุณหยิบภาครีมาสเตอร์มาเล่น
Credit: https://petroglyphgames.com/
ล่าสุดที่มีความเคลื่อนไหวให้เราได้เห็นกันคือการที่ EA ประกาศเปิดตัวเกม Command & Conquer: Rivals ลงมือถือทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ซึ่งในภาคใหม่นี้ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทย่อยที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ในชื่อ EA Redwood Studios
และหลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) EA ก็ประกาศที่จะรีมาสเตอร์ Command & Conquer กลับมาอีกครั้ง และจะมีทั้งภาคเสริมและ Red Alert กลับมาด้วย โดยได้ Petroglyph Games มารับงานนี้ และมีกำหนดวางขายในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ตามเวลาประเทศไทย (ต่างประเทศจะเป็นวันที่ 5)
Credit: https://www.ea.com/games/command-and-conquer/command-and-conquer-rivals
โดยในระหว่างที่เรากำลังรอภาครีมาสเตอร์วางขายกันอยู่นี้ ทางค่ายก็ได้ปล่อยซอร์สโค้ด (Source Code) สำหรับเกมภาคหลักและภาค Red Alert ให้เป็นแบบโอเพ่นซอร์ส (Open Source) ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดกันได้เองอย่างอิสระ ฉะนั้นแล้วแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ก็อาจเป็นไปได้ที่จะมีเกมในรูปแบบอื่นๆ ที่หลุดกรอบหลุดเนื้อเรื่องออกไปโดยสิ้นเชิงจากเค้าโครงหลักเดิมๆ ให้เราได้เล่นกัน
โดยที่มีรากฐานของไอเดียการพัฒนามาจากการที่ผู้เล่นเอาไปปรับเสริมเติมแต่งกัน ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเป็นภาคใหม่อย่างเป็นทางการจากผู้พัฒนาที่จะทำให้เราได้เห็นเทคโนโลยีสงครามแห่งอนาคตในรูปแบบต่างๆ ที่จะทำให้เราได้ตื่นตาตื่นใจเหมือนอย่างในอดีตก็เป็นได้
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |
ความคิดเห็นที่ 2
26 ตุลาคม 2567 20:04:03
|
||
GUEST |
ไจแอนด์
อยากเล่นทำยังไง
|
|
ความคิดเห็นที่ 1
5 สิงหาคม 2563 14:40:57
|
||
เกมในตระกูลนี้ชอบ Command & Conquer: Generals มากที่สุด
pangloy@gmail.com |
||