ข้อดี
| ข้อเสีย
|
‘Gears Tactics’ นับว่าคือเกม Turn-Based Strategy ที่โคตรจะดิบ เถื่อน เลือดสาด ตัวขาด สะใจ และเป็นเกมน้องใหม่จากสตูดิโอ The Coalition ค่ายเกมสังกัดของ Microsoft ซึ่งต้องบอกว่าเดิมทีค่ายนี้เขาก็มีแฟรนไชส์เกมขึ้นชื่ออยู่แล้วอย่าง ‘Gears of War’ ที่ถูกทำภาคต่อถึง 5 ภาค
แต่ครั้งนี้ The Coalition เลือกที่จะไม่เดินตามรอยแนวเกมดั้งเดิมของตัวเอง และเปลี่ยนจาก Third-person shooter (TPS) ยิงกันเลือดสาดมาเป็น Turn-Based Strategy ซึ่งยังคงใช้ชื่อเดิมว่า ‘Gears’ แต่เติมคำสร้อยสวยๆ ต่อท้ายว่า 'Tactics’ ที่บ่งบอกแนวเกมของภาคนี้อย่างชัดเจน
หลังจากที่เกมนี้ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่วันที่ 28 เมษายนที่ผ่าน และหลังจากที่ผมได้สัมผัสการเล่นไปแบบเต็มๆ ก็ต้องขอกราบงามๆ และชมผู้พัฒนาที่ได้ตัดสินใจลงไปแบบนั้น เพราะถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมอยากยกให้ Gears Tactics เป็น Turn-Based Strategy ที่ดีที่สุดของปีนี้ไปเลย
'ปินติดเลื่อย' อาวุธคู่ใจของฝ่ายมนุษย์ ที่เป็นจุดเด่นของแฟรนไชส์เกม Gears
ความ 'ดิบ' แบบ ‘Gears’ ที่ผสมระบบ Tactics แบบ ‘XCOM’ อย่างลงตัว’
ถ้าพูดถึงเกมแนว Turn-Based Strategy (หรือบางคนเรียกว่าแนว Tactic) ในบ้านเรา น่าจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ ซึ่งถ้าไม่ใช่สายนี้จริงๆ อาจไม่ถูกใจก็ได้ แต่ถ้าใครที่เคยเล่นเกม 'XCOM' มาก่อนโดยเฉพาะภาค 2 ที่โด่งดัง แล้วเกิดชอบระบบการเล่น หรือการวางกลยุทธ์แบบ XCOM ขึ้นมา ผมการันตีเลยว่า เราเป็นเกมเมอร์สาย “ฮาร์ดคอร์” เหมือนกัน ที่กำลังโหยหาความท้าทาย และ "ประสบการณ์ถูกเกมทารุณกรรม" แบบที่เราเคยเจอมาก่อนแล้วใน 'XCOM'
และถ้าพูดว่าเกมนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก 'XCOM' ก็คงพูดได้เต็มปาก เพราะระบบการเล่นต่างๆ ล้วนถอดแบบมาจาก XCOM ทั้งสิ้น หลงเหลือเพียงเสน่ห์ของความดิบเถื่อนแบบ Gears เลือดสาด กระชากไส้ ซึ่งถ้าใครได้เคยลองเล่น Gears of War มาแล้วก็น่าจะรู้
เนื้อเรื่องของ Gears Tactics ยังเลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวอยู่บนดาวเคราะห์นามว่า “Sera” ที่ตั้งของอารยธรรมมนุษย์ที่แข็งแกร่ง และเพียบพร้อมด้วยวิทยาการเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า
แต่ภาคนี้จะพาเราย้อนกลับไป 12 ปีก่อนเหตุการณ์ใน Gears of Wars ภาคแรก ที่ทุกชีวิตบนดาวกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น กระทั่งการมาเยือนของพวก 'Locust' ฝูงเอเลี่ยนจากใต้ผืนพิภพที่มาพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์แบบจัดเต็มได้สั่นคลอนสันติสุข และเข้าจู่โจมใจกลางมหานคร Sera
ไม่ทันได้เตรียมใจ ! ฝูง Locust โผล่มาโจมตีใจกลางมหานคร Sera
การโจมตีแบบฉับพลัน ทำให้รัฐบาลกลางของดาว Sera ที่ถูกก่อตั้งในชื่อ “Coalition of Ordered Goverments” (หรือชื่อย่อ “COG”) เกิดความระส่ำระส่าย และไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ เหล่า Locust จึงล้างผลาญทุกชีวิตที่พบเจอเหนือผืนดินเป็นผักปลา จนผู้คนขนานนามเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ปรากฏการณ์ ‘Emergence Days’ ที่ทำให้มนุษย์เข้าสู่ “ยุคสงครามล้างเผ่าพันธุ์” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ท่ามกลางสงครามที่ทุกภารกิจมีชีวิตเป็นเดิมพัน เราจะได้รับบทเป็น ‘Gabriel Diaz’ นายกองทหาร หน่วย Gears เดนตาย ที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมสมัครพรรคพวกที่ยังรอดชีวิต ออกล่าทรัพยากร และโต้กลับการรุกรานของพวก Locust
ซึ่งถ้าใครเป็นแฟนเกม Gears of Wars ก็จะทราบดีว่ากองทหารหน่วย Gear เหล่านี้ เกินครึ่งถ้าไม่เป็นทหารฝีมือดี ก็เป็นอาชญากรตัวเป้ง ที่ถูกรวบรวมมาจากทุกหนแห่งบนดาวเพื่อใช้เป็นหน่วยต่อกรกับเหล่า Locust นั่นเอง
หาปาร์ตี้ ฟาร์มล่าเอเลี่ยนอยู่เหรอ มาร่วมกับผมสิ ผม Gabe (Gabriel) ไง
“คัทซีน และเกมเพลย์ที่เชื่อมต่อเป็นเนื้อเดียวกัน“
การเล่าเรื่องของ Gears Tactics จะผสมผสานฉากคัทซีนสอดแทรกไปพร้อมเกมเพลย์ด่านเนื้อเรื่อง (Story Missions) ซึ่งอยากขอชมว่าการตัดฉากเข้าคัทซีน สามารถทำได้อย่างลื่นไหลและลงตัว ไม่ทำให้เราเสียอรรถรสระหว่างการเล่นเลย
โดยในคัทซีนแรก เปิดมาเราจะได้เห็น Gabriel และหน่วยทหารของเขากำลังจิตตกกับคำแถลงการณ์ที่ประกาศโดยรัฐบาลกลาง ซึ่งไม่ใช่ข่าวดีซักเท่าไหร่ ทำให้ตอนนี้ผู้เล่นเริ่มทราบสถานการณ์ของตัวละครเป็นอย่างดีแล้วว่า ไม่สามารถพึ่งพาใครได้อีกต่อไป นอกจากพึ่งพาตัวเอง เพราะทุกหนแห่งบนดาวแห่งนี้เริ่มกลายเป็นทะเลเพลิง จากฝีมือของพวก Locust ซึ่งมีเหล่าทหาร Gears ที่เหลือรอดทุกชีวิต เป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ
ภูมิหลังของตัวละคร Gabriel เกมไม่ได้อธิบายให้เราซักเท่าไหร่ในช่วงแรก เราจะได้เห็นเพียงแค่ทรงผมเท่ๆ และบทพูดสไตล์ผู้นำ ซึ่งเป็นจุดเด่นของตัวเอกในเกมทั่วไป แต่พอเล่นไปเรื่อยๆ บทพูดระหว่างตัวละครหลักจะค่อยๆ สอดแทรกภูมิหลังของแต่ละคน รวมถึงความจริงของตัวตน Gabriel ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครใน Gears of War ภาคก่อนๆ ซึ่งทุกคนคงต้องไปตามเล่นกันเอาเอง เดี๋ยวจะเป็นการสปอยล์ให้เสียอรรถรสเปล่าๆ
นอกจากการดำเนินเรื่องผ่านตัวละครแล้ว เนื้อเรื่องหลักๆ ก็ไม่มีอะไรให้เล่ามาก คือ รวบรวมสมัครพรรคพวก ชิงทรัพยากร ล่าเอเลี่ยน ล่าสัตว์ประหลาด ทำลายฐานเอเลี่ยน และตามล่าตัวบอสใหญ่ของเกม แต่บางครั้ง เกมก็จะพักเบรกให้เราไปทำภารกิจแยก ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง ซึ่งข้อเสียของมันคือการเพิ่มความยาวของเกมโดยใช่เหตุ เพราะเนื้อเรื่องหลักๆ ก็หนีไม่พ้นการรวบรวมสมัครพรรคพวก ชิงทรัพยากร ล่าเอเลี่ยน แต่เราก็ต้องไปทำภารกิจแยกรวบรวมพรรคพวก ชิงทรัพยากร และล่าเอเลี่ยนอีก (สะงั้น) แต่ข้อดีคือเราจะได้ของนำมาอัปเกรดตัวละครเพิ่มมากขึ้น
“ทุกย่างก้าวของการเดิน อาจส่งผลถึงชีวิตของตัวละคร” คือจุดเด่นที่ผู้เล่นจะได้พบเจอตลอดการเล่น และ "ประสบการณ์ทารุณกรรมผู้เล่น" ที่ผมกล่าวเอาไว้ก็คือความกดดันของเกมเพลย์ ที่ชอบเข้ามาเซอร์ไพรส์เราเวลาชะล่าใจ เพราะคิดว่าสามารถผ่านด่านไปได้ง่ายๆ ซึ่งเกมนี้ไม่เคยมีคำว่าราบรื่นเลย และที่ท้าทายสุดๆ คือตัวละครต่างๆ ในเกมถ้าตายแล้วตายเลย ไม่มีเกิดใหม่ และถ้าศพนั้นคือ หนึ่งในตัวละครหลัก เราจะเกมโอเวอร์ทันที
ระบบการต่อสู้ แน่นอนว่าพอเป็นเกม Turn-Based Strategy ผู้เล่นจะได้ควบคุมการเดินของทหารสลับกับศัตรูในแผนที่ ซึ่งในแต่ละด่านเราสามารถส่งทหารไปได้แค่ 4 นาย เพื่อต่อสู้กับกองทัพเอเลี่ยนในแผนที่ รวมถึงสามารถส่งตัวละครหลักลงไปรบได้ด้วย โดยพวก Locust จะคอยแอบเฝ้าอยู่ตามตำแหน่งต่างๆ หรือผุดขึ้นมาจากพื้นดิน และโดดมาจากอากาศยาน ถ้าผู้เล่นเดินไปเจอเมื่อไหร่ ก็จะเข้าสู่โหมดการต่อสู้ทันที อาวุธยุทโธปกรณ์ที่พกมาก็จัดเต็มได้เลยอย่าไปกั๊ก
จะหมัด จะมวย จะปืน จะระเบิด ก็มาเหอะ ได้หมด !
โดยอาวุธหลักๆ แต่ละตัวจะมีทั้งปืนสั้น ปืนยาว และระเบิดติดตัว ซึ่งการกระทำทุกอย่าง หรือแม้แต่การเดินทหารของเราจะเสียแอคชันที่จำกัดไว้ให้ในเทิร์น ซึ่งแต่ละคนจะมีให้แค่ 3 แอคชัน ดังนั้นการจะทำอะไร ควรต้องคิดให้ดีก่อนเสมอ เพราะถ้าผิดพลาดขึ้นมา จากได้เปรียบ เราอาจเสียเปรียบทันที
เดินไม่ดี ถูกขนาบข้าง ขยับไม่ได้ เพราะศัตรูใช้ 'Overwatch' เป็นโซนสีแดง ถ้าเคลื่อนไหวตัวเป็นรูกระสุนแน่นอน
ระหว่างการต่อสู้ ผู้เล่นควรคำนึงไว้เสมอว่าการเคลื่อนย้ายทหารในแต่ละครั้ง เราต้องยึดตำแหน่งที่ได้เปรียบไว้ ซึ่งเวลาที่โจมตีใส่ศัตรู เกมนี้จะมีบอกเปอร์เซ็นต์การยิงโดนเอาไว้ ถ้าศัตรูอยู่ระยะไกล หรือตำแหน่งได้เปรียบกว่าและมีสิ่งกีดขวาง โอกาสยิงโดนก็จะน้อย ดังนั้นเราควรเลือกจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบเพื่อจัดการกับศัตรูง่ายๆ และอยากขอเตือนว่าสำหรับเกมนี้แล้วคำว่าโอกาส 85-99 % ไม่มีอยู่จริง เพราะบางครั้งตัวละครก็ยิงพลาดให้เราหัวร้อนเล่น ซึ่งถ้าเราไม่มั่นใจก็ควรตั้ง 'Overwatch' ไว้รอศัตรูวิ่งมาโดนยิงดักเอาเอง
โอกาส 84 % แต่ยิงไม่โดน หัวร้อนไปสิ !
และถ้าไม่พูดถึงการต่อสู้กับบอสในเกมนี้ก็คงไม่ได้ เพราะผมโคตรจะชอบเลยกับความยืดเยื้อ และยื้อยุด ฉุดกระชาก ได้แบบลุ้นจนตัวโก่ง บอสมันโผล่มาแต่ละครั้ง แทบจะต้องดื่มแบรนด์มาเล่น เพื่อให้สมองได้ทำงานอย่างเต็มที่ และตั้งสติได้ในทุกเหตุการณ์ เพราะถ้าพลาดไปซักก้าวเดียวคือเรียกได้ว่า เรือ..(ชิป)..หาย
เมื่อจบศึกในแต่ละด่าน Gears Tactics จะมอบโอกาสให้ผู้เล่นได้ปรับแต่งตัวละครในฐานที่มั่น ซึ่งองค์ประกอบของระบบเหล่านี้ แน่นอนว่าล้วนมีอยู่ในทุกเกม เพราะความสามารถของตัวละครที่พัฒนาจากความทุ่มเท ของผู้เล่น ก็เป็นแรงผลักดันที่ช่วยทำให้เกมสนุกมากยิ่งขึ้น
อ้าย..(กลับ)..มา 4 คน รอดชีวิตทุกนาย
ซึ่งทหารที่ได้ออกไปรบบ่อยๆ และโชคดีกลับมาครบสามสิบสองทุกครั้ง รางวัลของความพยายามคือเลเวลที่เพิ่มขึ้นของทหารที่รอดชีวิต และเลเวลก็ต้องมาพร้อมกับ Skill Point ที่ให้ผู้เล่นสามารถนำมาอัปเกรดทักษะตัวละคร ได้นั่นเอง แต่แน่นอนว่าพอมันมีความฮาร์ดคอร์เข้ามาเสริม ความท้าทายที่ผู้เล่นจะได้เจอ คือถ้าทหารของเราคนไหนที่ใช้บ่อยๆ จนเก่งกล้าสามารถ แต่สุดท้ายพลาดท่าตายไป ความสูญเสียเหล่านั้นจะเข้าไปช่วยกระตุ้นอารมณ์หัวร้อนในตัวคุณทันที
ตารางสกิล หรือ ทักษะของสไนเปอร์ ที่แบ่งเป็น 4 สาย
ในส่วนของ ทักษะและความสามารถ (Skill) ตัวละครในเกมแนว Turn-Based Strategy เป็นธรรมดาที่จะต้องมีระบบคลาส (Class) ซึ่งทางผู้พัฒนาเกม Gears Tactics ก็ไม่ลืมที่จะใส่ระบบนี้เข้ามาอย่างปราณีต คลาสที่แบ่งให้จะมอบความสามารถและอาวุธของทหารที่ต่างกัน ซึ่งแบ่งได้เป็น คลาสสไนเปอร์ ลูกซอง ปืนกลจู่โจม สนับสนุน และคลาสอาวุธหนัก และทหารแต่ละคลาส ก็ยังมี ซับคลาสย่อย (Sub-Class) ที่แบ่งได้อีกเป็น 4 สาย ทำให้ผู้เล่นสามารถนำทหารแต่ละคนมาปรับแต่งความสามารถได้แบบไม่ซ้ำกันเลย เช่นทหารคลาสสนับสนุนที่แบ่ง เป็นสายฮีลเพื่อน และสายบัฟความสามารถเพื่อน ซึ่งสามารถนำมาใช้งาน ในสถานการณ์ที่ต่างกัน
และความเจ๋งของลูกเล่นอีกอย่างที่เราสามารถปรับได้ในฐาน คืออุปกรณ์เสริมแต่งอาวุธ และชุดเกราะของทหาร ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ก็มีระดับ และออฟชั่นเสริมให้ต่างกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลกับความเก่งกาจของตัวละครอย่างมาก เช่นถ้าคุณอยากให้ทหารยิงแรงก็เสริมปากกระบอกปืนที่เพิ่มความรุนแรง หรือถ้าเน้นการใช้กลยุทธ์คุณอาจหาปากกระบอกปืนที่ทำให้เรามีโอกาสได้แอคชันการเดินเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ครั้ง เป็นต้น
โดยอุปกรณ์เหล่านี้เราสามารถหาเก็บได้จากกล่องสุ่มตามด่านภารกิจ หรือได้รับเป็นของรางวัลจากการผ่านด่าน และแน่นอนว่ามันก็คือกาชาในรูปแบบของเกม Single Player ดีๆ นี่เอง ซึ่งผมเคยได้ยินมาแว่วๆ ด้วยว่าไอ้กล่องพวกนี้ ผู้พัฒนาเคยคิดที่จะให้เป็นระบบ 'Pay to Win' ด้วย คือเสียเงินจริงซื้อกล่องมาอัปเกรดตัวละคร ซึ่งก็ดีแล้วแต่พวกเขานำออกไปก่อน
ความสนุกของการปรับแต่งยังรวมถึงการสามารถตั้งชื่อ เพิ่มรอยสัก เปลี่ยนทรงผมใหม่ หรือเปลี่ยนสีชุด สีปืนให้กับตัวละคร ซึ่งนี่ก็เป็นลูกเล่น เล็กๆ น้อยๆ ที่เขาใส่มาให้เรา แต่เอาจริงๆ ตัวเลือกของทรงผม ก็มีให้น้อยเหลือเกิน และแต่ละทรงก็ "Base on รองทรง" เหมือนของพระเอกเป๊ะๆ ทำให้ไม่รู้จะปรับไปเพื่ออะไร รวมถึงชุดที่มีให้เปลี่ยนแต่เสื้อกล้าม และเสื้อยืด ถ้าจะให้มาแค่นี้ไม่ต้องใส่ก็ได้ ยังดีที่สีเสื้อเกราะยังพอสร้างจุดเด่นกลางสมรภูมิได้บ้าง
Gabe ในชุดแดง แรงฤทธิ์ เก๋ ไก๋ และโดดเด่นมากกลางสนามรบ
ระบบกราฟิกของเกมนี้ แต่เดิมความคาดหวังของผมก็ไม่ได้คิดว่า เกมที่มีมุมมองภาพจากด้านบนจะต้องมีกราฟิกที่สวยหรูอะไร เพราะขอแค่ให้มันเล่นได้ลื่นไหลก็พอแล้ว แต่เกม Gears Tactics ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าความสมจริงของเกมไม่ได้ด้อยไปกว่าเกมอื่นๆ เลย สมควรกับที่เป็นกราฟิกเกมปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ทั้งฉากคัทซีน และการเคลื่อนไหวของตัวละครก็ดูลื่นไหล โดยเฉพาะการซูมเข้าประหารเอเลี่ยนที่ล้มบาดเจ็บจนหัวขาด ตัวขาดหรือระเบิดจนเลือดสาดกระจายก็ทำได้สะใจดี และยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของเกมตระกูล Gears
วิ่งสิ เอ๋ วิ่ง (รับชมกราฟิกการฝ่าดงระเบิดกันไป )
นอกจากนี้สีหน้า และท่าทาง การขยับปากพูดของตัวละคร ก็ทำออกมาได้ตรง และสื่ออารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี จะติก็แค่บางฉากที่ผมแอบเห็นแสงเงามีหลุดไปบ้าง แต่ก็เป็นแค่จุดเล็กๆ ที่ไม่ได้สำคัญอะไร
ในภาพรวมระบบการเล่นผมถือว่าเกม Gears Tactics สามารถดึงเสน่ห์ของระบบในเกม XCOM มาเสริมได้ดีเยี่ยมไม่น่าผิดหวัง โดยการใช้สกิลยิงดัก Overwatch ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ในเกม XCOM เพราะยิง 10 ครั้งจะโดนแค่ 2 ครั้ง แต่สำหรับเกม Gears Tactics โอกาสโดนมีมากกว่าเยอะ และทำให้เราแก้สถานการณ์และพลิกแพลงได้ดีกว่า
แต่ในด้านที่เหนือกว่าของเกม XCOM คือระบบฐานที่มั่นเพราะการปรับแต่งต่างๆ มีลูกเล่นให้เยอะกว่า ตัวละครมีทรงผมให้มากกว่า และยังมีอะไรให้เราได้ทำมากกว่า เช่นการอัปเกรดฐานที่มั่น เป็นต้น ขณะที่เกม Gears Tactics คือแค่แต่งปืนและอัปเกรดตัวละครเท่านั้น บางครั้งการเล่นจึงวนอยู่แค่การ ผ่านด่าน กลับมาแต่งปืน อัปสกิล และส่งไปลุยต่อ วนลูปไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง
" ฉันทายว่านาย อยากมาด้วยกัน ใช่ไหม " Gabe กล่าวเชิญทุกท่านไปร่วมสู้ศึก (ไม่ใช่!)
ก็อย่างที่บอกเอาไว้เกม Gears Tactics นั้นเหมาะสมที่จะเป็นเกม Turn-Based Strategy ที่ดีที่สุดของปีนี้ เพราะด้วยเสน่ห์ของ ความเป็นแฟรนไชส์เกมซีรี่ส์ Gear ที่สร้างความดิบ เถื่อน ไว้มาผสมกับรูปแบบเกมวางแผน ที่ทำให้ผู้เล่นสะใจ และลุ้นจนบีบคั้นหัวใจ
กราฟิกและเอฟเฟคลูกเล่นต่างๆ ก็ส่งเสริมคุณภาพตัวเกมไม่ได้ด้อยไปกว่าแนวเดินบู๊ล้างผลาญเลย ถ้าจะหาข้อบกพร่องก็คงเป็นระบบภารกิจ และการปรับแต่งตัวละครที่ยังหลากหลายไม่พอ แต่นั่นเองก็ไม่ทำให้ความสนุกระหว่างการเล่นดูดรอปลงไปเลย โดยเฉพาะช่วงที่เราสู้กับบอส คือทำออกมาได้ดีมากจนทำให้เราลืมความน่าเบื่อพวกนั้นไปหมดสิ้น
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |