Microsoft 365 กับ Microsoft Office 2019 ต่างกันอย่างไร ? เลือกใช้แบบไหนดี ?

Microsoft 365 กับ Microsoft Office 2019 ต่างกันอย่างไร ? เลือกใช้แบบไหนดี ?

ก่อนที่จะไปเข้าเรื่องว่า ชุดโปรแกรมออฟฟิศ Microsoft 365 กับ Microsoft Office 2019 เราควรจะเลือกใช้งานแบบไหนดี ซอฟต์แวร์สองตัวนี้มันมีความแตกต่างกันอย่างไร อยากขออธิบายก่อนสั้นๆ เผื่อมีคนยังไม่รู้ว่า Microsoft 365 คือ อะไร ? แล้ว Office 365 หายไปไหน เรื่องของเรื่อง คือ มันคือซอฟต์แวร์ตัวเดียวกันนี่แหละ แต่ Microsoft เขาเปลี่ยนชื่อให้มันใหม่อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

การสมัครใช้งาน Office 365 บางรายการจะกลายเป็นการสมัครใช้งาน Microsoft 365 โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องดำเนินการใดๆ โดย

• Office 365 Personal : เปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft 365 Personal
• Office 365 Home : เปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft 365 Family
• Office 365 Business Essentials : เปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft 365 Business Basic
• Office 365 Business Premium : เปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft 365 Business Standard

ที่มา : https://www.microsoft.com/th-th/microsoft-365/office-365

ก็มีคำถามที่มีคนทักมาถามกับทีมงาน Thaiware.com เราอยู่บ่อยครั้ง ว่า "อยาก ซื้อ Microsoft Office ควรซื้อ Microsoft 365 หรือ Microsoft Office 2019 ดี ตัวไหนดีกว่ากัน ?" ซึ่งก็ตอบยากนะครับ เพราะแต่ละตัวก็ต่างมี ข้อดี (Pros) และ ข้อเสีย (Cons) ที่แตกต่างกัน ดังนั้นมาอ่านข้อแตกต่างของมันกันหน่อยดีกว่า แล้วเลือกเอาที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของตนเองแทน

Microsoft 365 คืออะไร ?

ภาพจาก : https://www.microsoft.com/th-th/microsoft-365/explore-microsoft-365-for-home

Microsoft 365 เป็นบริการใหม่แบบเสียเงินที่ถูกเข้ามาแทนที่บริการ Office 365 แค่เปลี่ยนชื่อทางการตลาดใหม่เฉยๆ ในด้านของซอฟต์แวร์หลักที่ได้รับ ก็จะเป็นตัวเดียวกันกับชุดโปรแกรม Microsoft Office 2019 นั่นแหละ แต่อย่างไรก็ตามบริการ Microsoft 365 จะให้ซอฟต์แวร์ และเข้าถึงบริการเสริมอื่นๆ ได้เยอะกว่านั่นเอง

โดยบริการ Microsoft 365 ผู้ใช้จะต้องเสียค่าใช้บริการเป็นรายเดือน หรือรายปี เพื่อรับสิทธิ์ในการเข้าใช้งาน โดยเมื่อสมัครแล้ว จะสามารถใช้งานชุดโปรแกรมออฟฟิศ ได้ทั้ง

• Microsoft Word (โปรแกรมประมวลผลคำ หรือ โปรแกรมพิมพ์งาน)
• Microsoft Excel (โปรแกรมสเปรดชีต หรือ โปรแกรมทำแผ่นตารางทำการ)
• Microsoft PowerPoint (โปรแกรมทำพรีเซนเทชัน หรือ โปรแกรมนำเสนองาน)
• Microsoft OneNote (โปรแกรมเขียนโน้ต หรือ โปรแกรมจำบันทึก)
• Microsoft Outlook (โปรแกรมจัดอีเมล หรือ โปรแกรมปฏิทิน)
• Microsoft Publisher (โปรแกรมออกแบบสิ่งพิมพ์)
• Microsoft Access (โปรแกรมบริหารจัดการฐานข้อมูล)

โดยจุดเด่นสำคัญ คือ สามารถใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์มบนระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, iPadOS, iOS และ Android โดย 1 บัญชีสามารถใช้งานพร้อมกันถึง 5 เครื่องในเวลาเดียวกัน ไม่ได้จำกัดแค่บนเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวที่เราติดตั้งตัวซอฟต์แวร์ไว้เหมือนกับชุดโปรแกรม Microsoft Office 2019

ได้ใช้งานซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดตลอดเวลา

บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของการใช้บริการ Microsoft 365 ก็ว่าได้ เพราะมันจะอัปเดตตัวเองเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันนะ เพราะเวลาอัปเดตมันไม่ได้มีแค่เรื่องของการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ให้ตัวซอฟต์แวร์ แต่มันยังรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน, การแก้ไขข้อผิดพลาด (Bug), ปิดช่องโหว่ ฯลฯ ให้เราอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังได้สิทธิประโยชน์ในการใช้งานบริการอื่นของ Microsoft ด้วย อย่างพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ OneDrive ซึ่งให้มาถึง 1 TB. เฉพาะแค่บริการนี้ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานได้เป็นอย่างมากแล้ว อื่นๆ ที่น่าสนใจ ก็อย่างเช่น บริการโทรศัพท์ฟรีผ่าน โปรแกรมแชท โทรผ่านเน็ต Skype เดือนละ 60 นาที, สามารถใช้งาน Microsoft Editor ซอฟต์แวร์เขียนเอกสาร อีเมล และเว็บไซต์ ที่สามารถช่วยปรับปรุงการสะกดคำ แกรมมาร์ และสไตล์การเขียนของคุณด้วยพลังของ AI

Microsoft Office 2019 คืออะไร ?

ภาพจาก : https://www.microsoft.com/th-th/microsoft-365/get-started-with-office-2019

ชุดโปรแกรมออฟฟิศ Microsoft Microsoft Office 2019 เป็น ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ ในรูปแบบ Perpetual License (สิทธิ์การใช้งานแบบซื้อขาด) ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเสียเงินรายเดือน หรือพูดง่ายๆ ว่า ซื้อครั้งเดียว ก็ใช้งานได้ตลอดไป

ตัวชุดโปรแกรมออฟฟิศ Microsoft Office 2019 จะมีแค่ภายในชุดจะมีโปรแกรมพื้นฐานเท่านั้น คือ Microsoft Word, Microsoft Excel และ Microsoft PowerPoint ซึ่งเราสามารถติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น และใน Microsoft Office 2019 จะไม่มีบริการเสริมเหมือนกับ Microsoft 365 ไม่มีระบบคลาวด์, โทรฟรีผ่าน โปรแกรม Skype ฯลฯ ให้ใช้งาน

อย่างไรก็ตาม ที่ว่าใช้งานได้ตลอดไป มันมีเรื่องที่ผู้ใช้ควรรู้เอาไว้ คือ

มันมีอายุขัยที่จะได้รับการอัปเดต

แม้ซื้อครั้งเดียวจะใช้งานได้ตลอดชีพ แต่ไม่ได้หมายความว่า ทาง Microsoft จะอัปเดตตัวซอฟต์แวร์ให้เราตลอดชีพด้วยนะครับ ซอฟต์แวร์แต่ละตัวก็จะมีช่วงอายุที่ได้รับการอัปเดต การสนับสนุนของมันอยู่ ซึ่งโดยปกติจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 ปี อย่างตัว Microsoft Office 2019 ก็จะสิ้นสุดการสนับสนุนในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566)

การ "อัปเดต" แตกต่างจาก "อัปเกรด" นะ

ชุดโปรแกรมออฟฟิศ Microsoft Office 2019 จะได้รับการอัปเดตไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดอายุการสนับสนุน โดยการอัปเดตก็จะหมายถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน หรือการปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่การค้นพบรูรั่วใหม่ๆ ที่มีการค้นพบ

ส่วนการอัปเกรดนั้น จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเวอร์ชันเลย สมมติว่าตอนนี้ Microsoft เปิดตัว Office 2020 ออกมา เราก็จะไม่สามารถอัปเกรดจาก Microsoft Office 2019 ไปเป็น Office 2020 ได้ ถ้าต้องการใช้งานเวอร์ชันใหม่ เราต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ใหม่เท่านั้น

Microsoft 365 กับ Microsoft Office 2019 เลือกใช้ตัวไหนดี ?

คำถามนี้ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดให้ เพราะมันขึ้นอยู่กับลักษณะในการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนมากกว่า

ภาพจาก : https://www.microsoft.com/th-th/microsoft-365/buy/compare-all-microsoft-365-products-b?

Microsoft 365 เหมาะสำหรับใคร ?

บริการ Microsoft 365 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานซอฟต์แวร์ และเข้าถึงบริการทั้งหมด สามารถติดตั้งเพื่อใช้งานบนอุปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก รองรับการทำงานทั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10, Windows 8.1, Windows 7 และ macOS รวมไปถึงบนสมาร์ทโฟนด้วย ซื้อครั้งเดียวใช้งานได้พร้อมกันถึง 5 เครื่อง ในเวลาเดียวกัน

ค่าใช้บริการก็น่าสนใจ Microsoft 365 Personal ปีละ 1,999 บาท ได้คลาวด์ขนาด 1 TB. ถ้าใช้งานคนเดียวก็เฉลี่ยเดือนละประมาณ 167 บาท แต่ถ้ามีคนในครอบครัวใช้งานด้วย ก็สามารถเลือกซื้อเป็นแบบ Microsoft 365 Family แทน ซึ่งราคาปีละ 2,600 บาท ใช้งานได้ถึง 6 บัญชี พร้อมคลาวด์ 6 TB. (บัญชีละ 1 TB.) หากหารกันจ่ายแล้ว เฉลี่ยต้องจ่ายเงินเพียงคนละ 434 บาท ต่อปีเท่านั้น หรือเฉลี่ยเดือนละแค่เพียง 36 บาท ถูกกว่าข้าวมื้อเดียวเสียอีก

นอกจากเรื่องราคาแล้ว บริการที่เราได้รับก็น่าสนใจเหมือนกันเพราะบริการ Microsoft 365 มีระบบการตรวจไวยากรณ์ (Grammar Checker) ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI), เครื่องมือช่วยออกแบบผลงาน รวมไปถึงสิทธิ์ในการเข้าถึง Creative Content อย่างพวกภาพสต๊อก, เทมเพลต, ไอคอน และฟอนต์ เพื่อดาวน์โหลดมาใช้งานได้อีกด้วย

อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจ คือ เมื่อเราสมัครบริการ Microsoft 365 แล้ว เราสามารถได้สิทธิ์การใช้งาน Outlook.com (หรือ Live Mail) แบบพรีเมียมด้วยนะครับ เรียกได้ว่า ถ้าใครใช้อีเมลของ Microsoft อยู่ ก็จะได้พื้นที่เก็บอีเมลเพิ่มอีก 20 GB. และไม่มีโฆษณามากวนใจอีกต่อไป

Microsoft Office 2019 เหมาะสำหรับใคร ?

Microsoft Office 2019 เป็นตัวเลือกที่ Microsoft ทำขึ้นมาสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่พร้อมใช้งานระบบคลาวด์ และต้องการให้พนักงานใช้ได้อย่างจำกัดแค่ภายในองค์กรเท่านั้น โดยจะมีการจำหน่ายในลักษณะแบบ Volume License ให้เลือกด้วย อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกนี้ก็เปิดโอกาสให้ทุกคนที่ต้องการใช้งาน สามารถซื้อได้

แม้พวกคุณสมบัติต่างๆ ที่ใช้งานจะน้อยกว่า Microsoft 365 มาก แต่ความจริงมันก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ สำหรับคนที่ใช้งานเพียงคนเดียว บนอุปกรณ์เพียงเครื่องเดียว และมองว่าพวกคุณสมบัติอื่นๆ อย่าง Cloud, Skype ฯลฯ ไม่มีความจำเป็นต่อการใช้งาน จ่ายทีเดียวจบ ไม่ต้องคิดเยอะ

Microsoft Office 2019 มีให้เลือกใช้งาน 2 เวอร์ชัน คือ "Office Home & Student 2019" (ราคา 4,299 บาท) และ "Office Home & Business 2019" (ราคา 8,800 บาท) ความแตกต่างกัน คือ

• Office Home & Student 2019 ประกอบไปด้วย
  • Microsoft Word
  • Microsoft Excel
  • Microsoft PowerPoint
• Office Home & Business 2019 ประกอบไปด้วย
  • Microsoft Word
  • Microsoft Excel
  • Microsoft PowerPoint
  • Microsoft Outlook

อย่างไรก็ตาม Microsoft Office 2019 รองรับแค่ Windows 10 และ Windows Server 2019 เท่านั้น หรือ macOS ที่ยังได้รับการสนับสนุนบน macOS สามเวอร์ชันล่าสุด ดังนั้น หากคุณต้องการใช้งาน Office บนระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 หรือ Windows 7 ทางเลือกที่มี คือ ต้องใช้งาน Microsoft 365

ความเห็นจาก Thaiware

จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ทางเรามองว่า Microsoft 365 เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด หากคุณเป็นคนที่ใช้งาน Office เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณสมบัติที่สามารถใช้งานได้, ราคา, การอัปเดต และอัปเกรด ดูจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามาก นอกเสียจากว่า มีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้การใช้งานผ่านคลาวด์ไม่สะดวก ถึงค่อยเลือก Microsoft Office 2019