ถ้าพูดถึง เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) แล้วก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะนึกถึงอุปกรณ์ที่ช่วยกรองอากาศในบ้านหรือในห้องอย่างแน่นอน แต่นอกจากเครื่องฟอกอากาศที่เราใช้งานกันในบ้านแล้ว เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ เองก็สำคัญไม่แพ้กันเลยทีเดียว เพราะท้องถนนก็ถือเป็นแหล่งสะสมของมลพิษทางอากาศชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดระดับโลกแล้วก็ยิ่งมีโอกาสที่มลพิษและฝุ่นควันจากภายนอกจะเล็ดรอดเข้ามาในตัวรถได้ค่อนข้างมาก หรือคนที่สูบบุหรี่ก็มักจะมีกลิ่นและสารพิษจากควันบุหรี่เกาะติดตามเสื้อผ้าและเบาะรถยนต์ เกิดเป็นมลพิษสะสมภายในรถได้
แม้ว่าในระบบปรับอากาศของรถส่วนมากจะมีไส้กรองหรือแผ่นกรองอากาศแล้ว แต่มันก็ไม่สามารถกรองมลพิษและฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก เพราะจากที่ทำการทดสอบเทียบระดับมลพิษในรถ ก่อนและหลัง การเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศก็มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นหลายคนก็เลยเลือกที่จะมองหาตัวช่วยอย่าง “เครื่องฟอกอากาศในรถ” ที่จะมาช่วยกรองฝุ่นควันและมลพิษต่าง ๆ ภายในรถออกไปนั่นเอง ซึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศในรถอยู่เราก็ขอแนะนำ เครื่องฟอกอากาศ Airgle AG25 มันจัดเป็นเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ (Car Air Purifier) เจ้าแรกในไทยที่ใช้ฟิลเตอร์กรองอากาศเกรดการแพทย์พร้อมด้วยเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UVC มาดูรายละเอียดบทความรีวิวฉบับนี้กันเลย
ขนาดตัวเครื่อง (Dimension) | 9 x 9 x 3 นิ้ว |
น้ำหนัก (Weight) | 1.5 กิโลกรัม |
อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) Clean Air Delivery Rate | 15 ลูกบาศก์เมตร ต่อ ชั่วโมง |
การใช้พลังงาน (Power) | 8 วัตต์ |
ระดับความแรงลม (Speed) | 2 ระดับ |
ระดับเสียง (Noise) | 42 / 52 เดซิเบล (A) |
อัตราการกินไฟ (Voltage) | 110 - 240 โวลต์ (DC 12.5 โวลต์) |
เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 นี้ก็เป็นเครื่องฟอกอากาศอีกตัวหนึ่งจากแบรนด์ Airgle ที่มีความสามารถและระบบการทำงานไม่ได้ด้อยไปกว่ารุ่นใหญ่อย่าง Airgle AG600 และรุ่นกลางอย่าง Airgle AG300 เลยทีเดียว เพราะ เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 นี้ก็ใช้ แผ่นกรองอากาศ (Air Filter) ที่เป็นเกรดเดียวกับรุ่นที่ผ่านมาพร้อมเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อจากแท่ง Titanium Pro UV
ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 นี้ก็ยังผ่านการรับรองจาก FDA (Food and Drug Administration) หรือองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังได้รับใบประกาศนียบัตรการันตีคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งานทั้ง CE Certification ที่รับรองว่าสินค้านั้น ๆ ผ่านข้อกำหนดด้านสุขภาพ, ความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานของ EU (สหภาพยุโรป)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการรับรองคุณสมบัติและความปลอดภัยในการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าจาก International Electrician CB Certification ในระดับนานาชาติ และ Korea KC Certification ของประเทศเกาหลีใต้
ภาพจาก : https://www.airgle.com/ag25/features/
ในส่วนของอุปกรณ์ภายในกล่องผลิตภัณฑ์ของ เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 นี้ก็จะประกอบไปด้วย 7 ชิ้นหลักๆ ด้วยกัน
ส่วนการรับประกันตัวเครื่องของ เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 นี้จะเป็นการรับประกันแบบออนไลน์ที่ผู้ใช้ต้องกรอกหมายเลขซีเรียล (Serial Number) ด้านหลังตัวเครื่องเพื่อลงทะเบียนในเว็บไซต์ โดยระยะเวลาการรับประกันของ Airgle AG25 นี้ก็อยู่ที่ 1 ปี
สำหรับดีไซน์ตัว เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 ก็มีลักษณะคล้ายกล่องแบน ๆ ที่มี น้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัม เท่านั้น อีกทั้งโทนสีที่ไม่ฉูดฉาดและขนาดตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่มากก็ทำให้สามารถติดตั้งในรถได้อย่างกลมกลืน แม้ตัวเบาะรถจะไม่ได้เป็นสีดำแต่ก็ไม่ทำให้ดูประหลาดแต่อย่างใด หรือจะยกไปใช้งานที่โต๊ะทำงานก็สวยงามกลมกลืนและไม่กินพื้นที่
โดยบริเวณหน้าตัวเครื่องจะเป็นช่องลมปล่อยอากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรองจากตัวเครื่อง และตัวควบคุมการทำงานตัวเครื่องที่จะลักษณะเป็นปุ่มวน คือ ใช้การแตะเพื่อสั่งการตัวเครื่องเพียงจุดเดียวตรงบริเวณคำว่า Power หน้าตัวเครื่อง
ด้านหลังตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย ช่องสำหรับเชื่อมต่อ Mount เพื่อติดตั้งกับรถยนต์ทั้ง 4 มุม, แผ่นยางกันลื่น, สวิตช์เปิด - ปิดการทำงานของตัวเครื่อง และช่องสำหรับเสียบสายเพื่อเชื่อมต่อการทำงาน
ส่วนด้านข้างตัวเครื่องทั้ง 2 ฝั่งจะเป็นช่องดูดลมอากาศในรถเข้าไปฟอกภายในตัวเครื่อง โดยด้านนอกสุดจะเป็น Pre Filter หรือแผ่นกรองชั้นต้นที่จะทำหน้าที่ช่วยกรองเส้นผม, ขนสัตว์ และฝุ่นละอองขนาดใหญ่ภายในรถ และภายในจะประกอบไปด้วย
แผ่นกรองคาร์บอนที่ผลิตจากถ่านกัมมันต์กะลามะพร้าว ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์, ควันบุหรี่, สารก่อมะเร็ง, สารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้, สปอร์เชื้อรา หรือสารระเหยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างสารฟอร์มาลดีไฮด์ (สารเคลือบเบาะรถยนต์) หรือสารระเหยจากน้ำมันรถออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาพจาก : https://www.airglethailand.com/ag25-filter
แผ่นกรองอากาศ cHEPA หรือ แผ่นกรองอากาศ HEPA เกรด H14 ของทางแบรนด์ Airgle ที่สามารถกรองฝุ่นละออง และสสารขนาด 0.003 ไมครอนออกไปได้ถึง 99.999% กันเลยทีเดียว
ภาพจาก : https://www.airglethailand.com/ag25-filter
แท่ง Titanium Pro UV นี้จะใช้ PCO (Photocatalytic Oxidation) หรือเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ ที่หลงเหลืออยู่ในอากาศด้วยรังสี UVC (UVC Sterilization) ออกไปได้ถึง 99.95%
ภาพจาก : https://www.airglethailand.com/ag25-filter
โดยอายุการใช้งานเฉลี่ยของ แผ่นกรองคาร์บอน, แผ่นกรองอากาศ cHEPA และแท่ง Titanium Pro UV ของ เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 นี้จะอยู่ที่ราว 1 - 2 ปี (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และสภาพแวดล้อมที่นำไปใช้)
ในส่วนของการติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 เพื่อใช้งานในรถก็สามารถติดตั้งได้ถึง 2 แบบด้วยกัน ทั้งการวางบริเวณที่พักเบาะรถยนต์ และการแขวนกับด้านหลังเบาะรถยนต์
การวางใช้งานตรงที่พักเบาะให้ผู้ใช้วาง เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 นอนลงในแนวขวาง โดยหันข้างตัวเครื่องไปทางด้านหน้าตัวรถเพื่อให้ตัวเครื่องสามารถดูดอากาศเข้าไปฟอกได้อย่างสะดวก
การแขวนใช้งานด้านหลังเบาะ ผู้ใช้จะต้องทำการติดตั้ง Mount สำหรับแขวนตัวเครื่องเข้ากับช่องด้านหลังเครื่องก่อน โดยสังเกตจากตัวอักษรที่เขียนกำกับไว้และประกบติด Mount เข้ากับเครื่องแล้วขันน็อตให้แน่นก็จะสามารถติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเข้ากับด้านหลังเบาะได้แล้ว
ซึ่งผู้ใช้จะสามารถแขวน เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 เพื่อใช้งานได้ทั้งแบบยึด 2 มุมที่ใช้การห้อยแขวนกับที่พิงศีรษะ และแบบยึด 4 มุมที่ใช้สายรัดยึดกับที่พิงศีรษะและตัวเบาะรถยนต์ที่จะมีความแน่นหนามากกว่าการยึดแบบ 2 มุม
สำหรับการใช้งาน เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 ในรถยนต์นั้น เมื่อผู้ใช้ติดตั้งตัวเครื่องในตำแหน่งที่ต้องการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้เสียบสายสำหรับเชื่อมต่อระบบในรถเข้ากับตัวเครื่อง และเสียบไฟเข้ากับที่จุดบุหรี่ โดยสายที่ให้มานี้ก็มีความยาวถึง 3.5 เมตร ทำให้สามารถซ่อนสายใต้เบาะรถเพื่อความสวยงามได้
จากนั้นเปิดสวิตช์การทำงานด้านหลังตัวเครื่อง และแตะที่คำว่า Power ด้านหน้าตัวเครื่องเพื่อเปิดใช้งาน ซึ่งหากต้องการเร่งความแรงลมก็ให้แตะที่ Power ซ้ำอีกครั้ง และแตะครั้งถัดไปเพื่อปิดเครื่อง
โดยในเบื้องต้นระบบการทำงานของ เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 จะเชื่อมต่อกับระบบไฟในรถยนต์ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยกดเปิด - ปิดเครื่องทุกครั้งที่ขึ้นรถ เพราะเมื่อผู้ใช้สตาร์ทรถก็จะเปิดเครื่องขึ้นมาแบบอัตโนมัติ (ความแรงของพัดลมลมระดับ 1) และปิดการทำงานตัวเครื่องเมื่อดับเครื่องยนต์ (เฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ไม่มีไฟเลี้ยงในรถยนต์ แต่หากเป็นรถยนต์รุ่นเก่าที่มีระบบไฟเลี้ยงขณะดับเครื่องจะต้องปิดเครื่องเองเท่านั้น)
แต่สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการให้เครื่องฟอกอากาศเปิดใช้งานแบบอัตโนมัติก็สามารถติดตั้งระบบเพิ่มเติมได้ โดยจะต้องติดต่อกับทางบริษัทรถยนต์หรือเรียกช่างเข้ามาช่วยเดินระบบภายในรถยนต์เพิ่มเติม
ส่วนความปลอดภัยในการใช้งานนั้น เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 นี้ก็มีระบบ Self-protect ที่จะปิดการทำงานของแท่ง Titanium Pro UV แบบอัตโนมัติ หรือหากเปิดใช้งานเบอร์ 2 อยู่ก็จะลดระดับความแรงลมลงเมื่ออุณหภูมิในรถสูงเกิน 45 องศา และปรับกลับมาที่ค่าเดิมเมื่ออุณหภูมิลดลง
ในส่วนของการใช้งานแบบตั้งโต๊ะก็ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนสายเชื่อมต่อระบบด้านหลังเป็นสายแบบปลั๊กสองหัวแล้วเสียบใช้งานและเปิดสวิตช์ด้านหลังตัวเครื่อง ก็จะสามารถแตะที่ Power เพื่อเปิดใช้งานตัวเครื่องได้แล้ว โดยการใช้งานแบบตั้งโต๊ะนี้แนะนำให้ผู้ใช้ หันด้านหน้าตัวเครื่องเข้าหาตัว ขณะใช้งานเพื่อประสิทธิภาพในการกรองอากาศที่ดี เพราะระยะการทำงานของ เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 นี้จะอยู่ที่ราว 4-5 เมตรเท่านั้น
ทางด้านการดูแลตัว เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 ก็สามารถใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ในการเช็ดทำความสะอาดรอบตัวเครื่องภายนอกได้เลย ส่วนการ ถอดเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ และแท่ง Titanium Pro UV ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเมื่อสังเกตเห็นไฟด้านบนกะพริบ ก็ให้ทำการปิดเครื่อง ปิดสวิตช์ด้านหลังตัวเครื่อง และถอดปลั๊กออก จากนั้นกดบริเวณด้านขวาของตัวเครื่องเพื่อดึงถาดแผ่นกรองอากาศ (Filter Tray) ออกมาถอดเปลี่ยนชุดแผ่นกรองอากาศ และแท่ง Titanium Pro UV แล้วกดถาดกลับไปดังเดิม จากนั้นเสียบปลั๊ก เปิดสวิตช์ด้านหลังตัวเครื่อง และกดปุ่ม Power ค้างไว้จนได้ยินเสียงร้องก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
หลังจากที่ได้ติดตั้งและใช้งาน เครื่องฟอกอากาศในรถ Airgle AG25 ภายในรถก็พบว่าตัวเครื่องยังติดตั้งได้ง่ายและสะดวกมาก ๆ ทั้งยังสั่งการตัวเครื่องได้ง่าย ๆ ด้วยปุ่มควบคุมเพียงปุ่มเดียว ซึ่งหลังจากที่เปิดใช้ไประยะหนึ่งคุณภาพของอากาศในรถก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเสียงการทำงานตัวเครื่องเบามาก ๆ ซึ่งถ้าหากใครชอบเปิดเพลงฟังในรถไปด้วยแล้ว ถึงแม้จะเปิดใช้งานเบอร์ 2 ก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงการทำงานของตัวเครื่องเลย
นอกจากนี้ หากต้องการยกไปใช้งานที่โต๊ะทำงานก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ถอดเปลี่ยนสายเชื่อมต่อตัวเครื่องและเสียบปลั๊กเพื่อใช้งานเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศสำหรับใช้งานในรถยนต์ที่มีความสามารถอย่างครบครันเลยก็ว่าได้
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |