ปัญหามลพิษและฝุ่น PM 2.5 ในอากาศดูเหมือนว่าจะไม่หมดลงไปง่าย ๆ จนทำให้ “เครื่องฟอกอากาศ” เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของหลาย ๆ คนกันไปแล้ว ซึ่งในตอนนี้ก็มีเครื่องฟอกอากาศจากหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษก็อาจมองหาเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง เครื่องฟอกอากาศเกรดการแพทย์ ที่ใช้งานฟิลเตอร์เกรดพิเศษที่นอกจากจะสามารถกรองฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้แล้ว ยังกรองเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศออกไปได้อีกด้วย
และก่อนหน้านี้เราเคยได้รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Airgle รุ่น AG600 ที่เป็นเครื่องฟอกอากาศเกรดการแพทย์แบบพรีเมียมสำหรับการใช้งานในบ้านและสถานพยาบาลกันไปแล้ว ในวันนี้เราก็มีรีวิวของ Airgle AG300 เครื่องฟอกอากาศเกรดการแพทย์ไซส์เล็กที่นอกจากจะเหมาะกับการใช้งานในห้องนอนหรือคอนโดแล้ว ยังสามารถย้ายที่วางหรือพกพาไปใช้งานในที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก และประสิทธิภาพในการใช้งานก็เทียบเท่ากับรุ่น AG600 เลยทีเดียว
ขนาดตัวเครื่อง (Dimension) | 338 x 297 x 246 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก (สุทธิ) Weight (Net) | 5.7 กิโลกรัม |
น้ำหนัก (รวม) Weight (Gross) | 7.7 กิโลกรัม |
วัสดุหลัก Material | พลาสติก PC + ABS * PC + ABS Plastic |
อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) ตามมาตรฐาน AHAM และ GB/T AHAM and GB/T Clean Air Delivery Rate | 170 ลูกบาศก์เมตร/เซนติเมตร |
พื้นที่ครอบคลุม (ต่อ 12 นาที / 5 ACH) Area covers per 12 min ; 5 ACH | 14.4 ตารางเมตร |
พื้นที่ครอบคลุม (ต่อ 20 นาที / 3 ACH) Area covers per 20 min ; 3 ACH | 24 ตรางเมตร |
พื้นที่ครอบคลุม (ต่อ 30 นาที / 2 ACH) Area covers per 30 min ; 2 ACH | 36 ตรางเมตร |
ความแรงลม [1 - 4 + Turbo] Speed | |
อัตราการส่งอากาศ (ลูกบาศก์เมตร/เซนติเมตร) Air Delivery (m3/hr) | 20 / 42 / 76 / 116 / 170 |
ระดับเสียง | 32 / 38 / 48 / 55 / 65 |
อัตราการกินไฟ (W) | 1.6 (Standby) / 5 / 7 / 11 / 20 / 46 |
* พลาสติก PC + ABS นี้ เป็นเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) ที่ได้มาจากการนำเอาพลาสติก PC (Polycarbonate) ที่มีความเหนียว, ทนทานสูง, น้ำหนักเบา อีกทั้งยังทนความร้อนและทนต่อรังสี UV มาผสมกับพลาสติก ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) ที่ “มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง” ไม่มีส่วนผสมของสารก่อมะเร็งและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้
เครื่องฟอกอากาศ Airgle AG300 นี้สามารถฟอกอากาศได้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 36 ตารางเมตร ซึ่งด้วยฟิลเตอร์ cHEPA (ฟิลเตอร์เกรด H14 ของแบรนด์ Airgle) และความสามารถในการฆ่าเชื้อไวรัสของแท่ง Titanium UV Pro ก็ทำให้มันได้ขึ้นทะเบียนเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์จากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA - Food and Drug Administration) แล้วเป็นที่เรียบร้อย
อีกทั้งยังได้รับการการันตีคุณภาพทั้งจากสมาคมผู้ผลิตเครื่องใช้ภายในบ้าน AHAM (Association of Home Appliance Manufacturers) ว่ามีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR - Clean Air Delivery Rate) ในระดับสูง และทางคณะกรรมการทรัพยากรทางอากาศของแคลิฟอร์เนีย (CARB - California Air Resources Board) ก็ให้การรับรองว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศที่ไม่ก่อให้เกิดโอโซนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้
นอกจากนี้ ทาง Energy Star ยังให้การยอมรับว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศที่กินพลังงานไฟฟ้าต่ำ และได้รับการรับรองความปลอดภัยในการใช้งานจากสถาบัน ETL อีกด้วย
และถึงแม้ว่า Airgle AG300 จะมีความคล้ายคลึงกับรุ่น AG600 ในเรื่องของประสิทธิภาพในการกรองอากาศ แต่มันมีน้ำหนักที่เบากว่า และยังได้รวมเอาฟิลเตอร์คาร์บอนและ cHEPA มารวมกันอยู่ในกรอบฟิลเตอร์เดียว ทำให้ช่วยลดความสับสนในการถอดเปลี่ยนฟิลเตอร์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องของ Airgle AG300 ก็จะประกอบไปด้วย ตัวเครื่องฟอกอากาศ, สายไฟสำหรับเชื่อมต่อกับตัวเครื่อง, รีโมทอินฟราเรด และคู่มือการใช้งาน ส่วนใบรับประกันจะไม่ได้แนบมากับตัวกล่อง แต่เป็น QR Code ที่ติดกับตัวเครื่องแทน (รับประกัน 2 ปี)
ดีไซน์ตัวเครื่องของเครื่องฟอกอากาศ Airgle AG300 นี้นอกจากจะมีขนาดที่เล็กแล้วยังดูเรียบง่ายและมินิมอลมาก ๆ ทำให้สามารถวางประดับในห้องนอนหรือคอนโดได้อย่างกลมกลืนและไม่กินพื้นที่ภายในห้อง หรือหากต้องการเคลื่อนย้ายก็สามารถยกตัวเครื่องขึ้นด้วยมือจับด้านบนเพื่อย้ายไปยังที่ต่าง ๆ ได้เลย และบริเวณด้านบนตัวเครื่องยังมีหน้าจอแสดงผลและแผงควบคุมการทำงานอีกด้วย
ส่วนหน้าของตัวเครื่องจะเป็นช่องลมปล่อยอากาศที่ผ่านการกรองแล้วออกมา ทางซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ส่วนด้านขวาจะมีช่องสำหรับเชื่อมต่อสายเข้ากับตัวเครื่องและ QR Code การรับประกันสินค้า ส่วนด้านหลังของตัวเครื่องจะเป็นฝาปิดที่ทำหน้าที่เป็น แผ่นกรองชั้นต้น (Pre Filter) ที่จะช่วยกรองอนุภาคขนาดใหญ่อย่างเส้นผม, ขนสัตว์ และฝุ่นละอองที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าออกไป และภายในตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย
ฟิลเตอร์คาร์บอนที่ผลิตจากถ่านกัมมันต์กะลามะพร้าวของ Airgle นี้จะช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์, สารระเหย, สารก่อมะเร็ง, สารฟอลมาร์ดีไฮด์, สารก่อภูมิแพ้ และสารอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้
ฟิลเตอร์ cHEPA หรือฟิลเตอร์ HEPA เกรด H14 ของ Airgle ที่กรองฝุ่นละอองและสสารขนาด 0.003 ไมครอนออกไปได้ถึง 99.999% (ฟิลเตอร์ HEPA เกรด H14 ทั่วไปนั้นสามารถกรองได้ที่ 99.995% เท่านั้น)
ภาพจาก : https://www.airgle.com/ag300-features/
ด้วยเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียด้วยรังสี UV (UV Sterilization) ของแท่ง Titanium Pro UV นี้ก็ทำให้สามารถกำจัดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียขนาด 0.01 ไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 99.9999%
ภาพจาก : https://www.airgle.com/ag300-features/
ซึ่งอายุการใช้งานเฉลี่ยของฟิลเตอร์คาร์บอน, cHEPA และแท่ง Titanium Pro UV ของ Airgle AG300 นี้จะอยู่ที่ราว 10 - 12 เดือน (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
สำหรับการใช้งาน Airgle AG300 เมื่อเสียบสายเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้วก็จะสามารถเปิดตัวเครื่องและควบคุมการทำงานได้ทั้งจากแผงควบคุมด้านบนตัวเครื่อง, การสั่งงานผ่านรีโมท และแอปพลิเคชัน Airgle ซึงเมื่อผู้ใช้เปิดตัวเครื่องขึ้นมาแล้วก็จะมีการแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นที่บริเวณหน้าจอ ดังนี้
ด้านล่างจอแสดงผลจะประกอบไปด้วยปุ่มควบคุมทั้งหมด 4 ปุ่ม ได้แก่
ในส่วนของการสั่งงาน Airgle AG300 ด้วยรีโมทก็จะมีปุ่มการใช้งานคล้ายกับบริเวณด้านหน้าตัวเครื่อง แต่จะมีการเปลี่ยนจาก "ปุ่ม Reset" เป็น "ปุ่ม Turbo" แทน ซึ่งตัวรีโมทนี้จะใช้งาน ระบบอินฟราเรด ทำให้สามารถสั่งการในระยะไกลได้ถึง 10 เมตร
สำหรับการสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน Airgle นี้ จะรองรับการสั่งการผ่าน Wi-Fi ในระบบ 2.4G โดยผู้ใช้จะต้องทำการดาวน์โหลดและลงทะเบียนการใช้งานแอปพลิเคชัน Airgle จากนั้นลงทะเบียนการใช้งาน หรือสำหรับผู้ที่มีแอคเคาท์ของ Airgle อยู่แล้วก็สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้เลย
โดยการเชื่อมต่อเครื่องฟอกอากาศเข้ากับตัวเครื่องนี้จะต้องกดไปที่ Add Device (หรือกดที่ + มุมขวาบน) จากนั้นเลือกรุ่นของเครื่องฟอกอากาศที่ต้องการ หรืออาจใช้การปัดหน้าจอเพื่อทำการเชื่อมต่อตัวเครื่องแบบ Auto Scan ก็ได้เช่นกัน จากนั้นกด "ปุ่ม Reset" ที่ตัวเครื่องเพื่อให้สัญลักษณ์ Wi-Fi ปรากฏขึ้นแล้วก็ Reset อีกครั้งจนสังเกตว่าสัญลักษณ์ Wi-Fi เริ่มกระพริบช้าลงและกรอกรหัส Wi-Fi เข้าไปก็เป็นอันสำเร็จ
เมื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชันเข้ากับตัวเครื่องแล้วกดเข้าไปที่อุปกรณ์ที่ทำการเชื่อมต่อก็จะเห็นได้ว่าในหน้า Data จะมีการแสดงผลคุณภาพอากาศ กับอายุการใช้งานฟิลเตอร์และแท่ง Titanium Pro UV
ส่วนหน้า Control ก็จะมีลักษณะคล้ายรีโมทที่ผู้ใช้จะสามารถเลือกกดปรับค่าต่าง ๆ ได้ตามต้องการ โดยภายในแอปพลิเคชันจะสามารถตั้งค่าเวลาการเปิด - ปิดการใช้งานเครื่องตามวันเวลาที่ต้องการได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Child Lock สำหรับล็อกการทำงานของปุ่มกดบริเวณด้านบนตัวเครื่องอีกด้วย
และหากมีอุปกรณ์ของ Airgle หลายเครื่อง ก็สามารถจัดกลุ่มเพื่อสั่งการพร้อม ๆ กันได้โดยการไปที่หน้า My Device แล้วเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการ จากนั้นกดไอคอนดินสอและไปที่ Create Group แล้วเลือกอุปกรณ์เครื่องอื่นเพิ่มเติมเพื่อสร้างกลุ่ม ซึ่งหลังจากสร้างกลุ่มแล้วก็จะสามารถควบคุมการเปิด-ปิดหรือการทำงานอื่น ๆ ได้แบบพร้อม ๆ กัน
หรือสร้าง Shortcuts สำหรับจัดการอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ที่หน้า Smart → + Launch tap to run → Run The Device → เลือกอุปกรณ์ → เลือกคำสั่งที่ต้องการ (เปิด-ปิดเครื่อง, ปรับความแรงลม, เปิด-ปิด Titanium UV, เปิด-ปิด Child lock) แล้วกดบันทึก ก็จะสามารถแตะเพื่อเปิดใช้งานคำสั่งนี้ในแถบ Smart ได้แล้ว หรือไปที่ Automation แล้วเลือกคำสั่งที่ต้องการได้เลย
เครื่องฟอกอากาศ Airgle AG300 นี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีการซีลสุญญากาศรอบตัวเครื่อง จึงทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีความชื้นเล็ดรอดเข้าไปในตัวเครื่องเลยแม้แต่น้อย ส่วนการดูแลตัวเครื่องภายนอกก็สามารถใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคำความสะอาดได้ตามปกติ
สำหรับการ ถอดเปลี่ยนฟิลเตอร์และแท่ง Titanium Pro UV ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย และแนะนำให้ทำการเปลี่ยนพร้อมกันทั้งชุด โดยเมื่อแถบฟิลเตอร์ลดเหลือ 1 ขีดและกระพริบถี่ก็ให้ปิดเครื่องและหมุนตัวล็อกด้านหลังทั้ง 2 จุด จากนั้นเปิดฝาปิดด้านหลังตัวเครื่องแล้วดึงโบว์จับทั้งสองฝั่งเพื่อถอดฟิลเตอร์ออกมา แล้วกดตัวล็อกแท่ง Titanium Pro UV เพื่อถอดเปลี่ยนอันใหม่ จากนั้นเปลี่ยนฟิลเตอร์อันใหม่และปิดตัวเครื่อง หมุนล็อกให้แน่นแล้วเปิดตัวเครื่องขึ้นมาใหม่ และกด "ปุ่ม Reset" ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
หลังจากที่ได้ใช้งาน เครื่องฟอกอากาศ Airgle AG300 ก็รู้สึกว่ามันสามารถฟอกอากาศภายในห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากรุ่น AG600 เลยทีเดียว ซึ่งถ้าเปิดโหมด Auto เอาไว้แล้วมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศก็มีการประมวลผลและปรับระดับความแรงลมได้อย่างรวดเร็ว แถมดีไซน์ตัวเครื่องก็ดูมินิมอลและมีขนาดเล็ก ทำให้วางในห้องได้อย่างไม่เกะกะ อีกทั้งยังสามารถยกตัวเครื่องด้านบนเพื่อหิ้วไปยังที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |