แชร์หน้าเว็บนี้ :
iOS 10 มีอะไรใหม่บ้าง ? อุปกรณ์รุ่นไหนที่รองรับ และ มีกี่เวอร์ชัน ? รู้จักกับ iOS 10 ได้ที่นี่ บทความนี้รวบรวมทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับ iOS 10 มาย้อนดูกันว่า ฟีเจอร์ต่างๆ มีอะไรใหม่บ้าง เปิดตัวเมื่อไหร่ มีกี่เวอร์ชัน และอุปกรณ์ไหนบ้างที่รองรับในปัจจุบัน จากอดีตมาสู่ตอนนี้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรจาก iOS 10 กันบ้างที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน มาดูกันเลย
บทความเกี่ยวกับ Apple อื่นๆ
แนะนำให้รู้จักกับ iOS 10 ระบบ iOS 10 ถูกประกาศ เปิดตัววันแรกในงาน WWDC 2016 วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) และ เผยแพร่ในวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) ซึ่งในเวอร์ชันนี้มีความเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงของ 3D Touch, ระบบการล็อกหน้าจอ (Lock Screen) แบบใหม่, จัดหมวดหมู่แอปพลิเคชัน Photos ด้วยอัลกอริทึมใหม่ ที่เรียกว่า Memories รวมถึงเพิ่มความสามารถต่างๆ ของ Siri และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งในเวอร์ชันนี้ เป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่รองรับอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันที่มีการใช้ 32-bit processor อีกด้วย
เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรเจ๋งๆ ซึ่งรายละเอียดมันอาจเยอะมากนิดนึงและ เราคงรวบรวมได้ไม่หมด แต่จะพยายามรวบรวมมาให้ได้มากที่สุด
อุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน iOS 10 iPad iPhone iPod iPad (4th generation) iPhone 5 iPod touch 6th generation iPad Air iPhone 5c iPad Air 2 iPhone 5s iPad (2017) iPhone SE iPad Mini 2 iPhone 6 iPad Mini 3 iPhone 6 Plus iPad Mini 4 iPhone 6s Plus iPad Pro (12.9-inch 1st generation) iPhone SE (1st generation) iPad Pro (12.9-inch 2nd generation) iPhone 7 iPad Pro (9.7-inch) iPhone 7 Plus iPad Pro (10.5-inch)
เวอร์ชันที่มีการอัปเดตทั้งหมดใน iOS 10 รวมแล้วมีทั้งหมด 11 เวอร์ชัน สำหรับ iOS 10 ประกอบด้วย
iOS 10.0.1 iOS 10.0.2 iOS 10.0.3 iOS 10.1 iOS 10.1.1 iOS 10.2 iOS 10.2.1 iOS 10.3 iOS 10.3.1 iOS 10.3.2 iOS 10.3.4 iOS 10 มีความสามารถอะไร ที่เปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันก่อนบ้าง ?
System features ความเปลี่ยนแปลงของระบบ เปลี่ยน Slide to Unlock เป็น Press Home to Open Control Center ออกแบบใหม่เพิ่มลูกเล่น และแบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่ สำหรับตั้งค่า เช่น เปิดโหมดเรื่องบิน ล็อกหน้าจอไม่ให้หมุน เป็นต้น สำหรับปุ่มควบคุมเสียง และส่วนของ AirPlay, AirDrop ไฟฉาย นาฬิกา ควบคุมกล้อง เพิ่มการควบคุม HomeKit ช่วยสั่งการเทคโนโลยีในบ้านผ่านแอปพลิเคชัน หรือ Internet of Thing (IoT) ที่หลายคนรู้จัก AirPlay บน Control Center จะแยกระหว่าง Audio และ Video Widgets ไม่แสดงผลบนหน้า Notification Center มันถูกย้ายไปที่หน้า Spotlight เสียงคลิกเวลาจิ้มคีย์บอร์ดเสียงใหม่ App Switcher จะแสดงผลเป็นแถบบนหน้า Home Screen ได้
สามารถใช้ 3D Touch ปรับความสว่างของแสงไฟฉายได้ ด้วยการแตะค้างที่ไอคอน
เพิ่มเซ็นเซอร์ของหน้าจอ แค่ยก iPhone ขึ้นก็เปิดหน้าจอเองอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น 6s ขึ้นไปเท่านั้น)
อนิเมชัน (Animation) ในการเคลื่อนไหวต่างๆ บนหน้าตา (User Interface) ถูกปรับปรุงใหม่ การ Setup ต่างๆ รองรับการแสดงผลแบบ Landscape เข้าโหมดกล้องได้ง่ายๆ ด้วยการเลื่อนหน้าจอที่ล็อกอยู่ไปด้านขวา
เข้าถึง Battery, Cellular Data, Wi-Fi controls, Bluetooth ได้ง่ายขึ้น เพียงกด 3D Touch บนแอป Setting
ใช้ 3D Touch ดู แจ้งเตือนแอปพลิเคชันในโฟลเดอร์ แยกแต่ละแอปฯ ได้ Keyboard มีการใส่ QuickType คาดเดาการพิมพ์ได้เร็วขึ้น และคำที่แนะนำยาวขึ้น เพิ่มความฉลาดในการแนะนำคำตอบ มีการเพิ่มสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าลงบน Maps Application Features ความเปลี่ยนแปลงของแอปพลิเคชัน ไอคอน Siri แบบใหม่ในเมนู Settings หากเราลบแอปฯ FaceTime ไปแล้ว เรายังคงสามารถโทร FaceTime ได้ผ่านการสั่งงานด้วย Siri และยังคงสามารถรับสาย FaceTime ได้อยู่เหมือนเดิม สามารถสั่งให้ส่งข้อความผ่านแอปแชทต่างๆ ได้ เช่น WhatsApp (แต่ดันไม่รองรับ LINE ซะอย่างนั้น)
สามารถใช้ Siri สั่งจองแท็กซี่ผ่านแอปฯ Uber ได้ Siri App Suggestions มีเป็นตัวเลือกใน Spotlight Widget และ Apple News ถูกมาแทนที่ Spotlight Proactive News จัดหมวดหมู่แอปพลิเคชัน Photos ด้วยอัลกอริทึมใหม่ ที่เรียกว่า Memories Live Photo สามารถแก้ไขแต่งฟีลเตอร์ให้รูปได้ต่างๆ ได้ เพิ่มสัญลักษณ์ในรูปภาพได้ เช่น วงกลมตัวหนังสือ หรือทำลูกศรชี้ แอปพลิเคชัน Swift Playgrounds มีให้ลองเล่นแล้วใน iOS 10 แอปพลิเคชัน มาตรฐานบน iOS สามารถลบได้แล้ว (แต่บางตัวไม่สามารถลบได้) รายชื่อแอปฯ ที่สามารถลบได้
Calculator Calendar Compass Contacts1 FaceTime Find My Friends Home iBooks iCloud Drive iTunes Store Mail Maps Music2 News3 Notes Podcasts Reminders Stocks Tips Videos Voice Memos Watch app4 Weather แท็บ Categories บน App Store ถูกนำกลับมาให้ใช้งานอีกครั้ง New Face Gallery ถูกเพิ่มเข้าไปในแอปพลิเคชัน Apple Watch
แอปพลิเคชัน Music รองรับการใช้งานแบบ Split View
Apple Airport Utility แสดงผลบน App Store เมื่อกดค้นหา
แอปพลิเคชัน Healthหน้าตา UI/UX ถูกออกแบบใหม่
หากเราค้นหาแอปพลิเคชัน ผ่าน Spotlight แล้วแอปฯ นั้นไม่ถูกติดตั้งบนเครื่องแล้ว มันจะแจ้งเตือนให้เราดาวน์โหลดจาก App Store ได้อัตโนมัติ
Mail สามารถตรวจสอบได้ว่ามีอยู่ใน Mailing lists และมีเพิ่มปุ่ม Unsubscribe อีเมลล์ที่เราไม่ต้องการ หน้า Favorites list สามารถเพิ่มรายชื่อได้ทั้งเบอร์และข้อความ Notes Collaboration สามารถเชิญคนเข้ามาเพิ่มและแก้ไขข้อความได้ Split View สามารถใช้งานกับแอปพลิเคชัน Safari บน iPad Safari สามารถทำ Unlimited tabs ได้แล้ว สร้างอีเมลล์แบบ Side-by-side บน iPad ได้ มีระบบแจ้งเตือนเวลาที่ควรเข้านอน แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางรถติดบน Maps แสดงข้อมูลมลภาวะเป็นพิษของอากาศบนแผนที่ประเทศจีน สามารถใช้ได้ Messages ทำให้เราติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างเราได้สนุกและสบายมากขึ้น Invisible Ink - จะเป็นคล้ายๆ การพิมพ์ข้อความแล้วเบลอไว้ ถ้าผู้รับอยากอ่านต้องกดเข้าไปดู ตัวหนังสือถึงจะขึ้น Slam การทำให้ข้อความที่ส่งไปเป็น Bubble Loud - ทำให้ข้อความตัวใหญ่ Gentle - ทำให้ข้อความตัวเล็ก Calendar หรือปฎิทินสามารถแนะนำเวลาในการออกเดินทางได้ เมื่อคุณเขียนกำหนดการไว้ เช่น ไปบ้านเพื่อน 6 โมง มันจะแนะนำให้ออกจากบ้านเผื่อเวลารถติด เป็นต้น โดยทำงานร่วมกับแอปฯ Map บทสรุปเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ iOS 10 จริงๆ สำหรับ iOS 10 นั้นยังมีการอัปเดตอีกมากมาย ที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย เช่น การปรับปรุงหรือพัฒนา ฟีเจอร์ต่างๆ ให้ใช้งานได้ลื่นไหลมากขึ้นในแต่ละเวอร์ชัน หรือแก้ข้อบกพร่องการใช้งาน เช่น กรณีที่ผู้ใช้ iOS 10.1.1 พบปัญหาเครื่องดับขณะที่แบตเตอรี่เหลือ 30 % จากนั้น Apple ก็อัปเดตปรับปรุงใน iOS 10.2.1 เป็นต้น ซึ่งในกรณีแบบนี้เราคงไม่ต้องพูดถึงมาก ดังนั้นสำหรับข้อมูลทั้งหมดของ iOS 10 ที่เราได้มาย้อนรอย และรวบรวมให้ทุกคนได้อ่านกัน ก็มีเพียงเท่านี้
ที่มา : 9to5mac.com , www.cnet.com , en.wikipedia.org