6 เหตุผลที่ทำไม American Assassin ถึงคุ้มค่าแก่การรับชม!

แม้ช่วงเวลาแห่งซัมเมอร์ มหกรรมมัดรวมหนังแอคชั่นถล่มบล็อกบัสเตอร์จะจบลงไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ภาพยนตร์แอคชั่นหลายเรื่อง กลับเลือกที่จะปลีกตัวจากสงครามระเบิดภูเขาเผากระท่อมในฤดูดังกล่าว และมาเข้าฉายในวันเวลาที่เพียบพร้อมแทน ซึ่ง American Assassin ภาพยนตร์แอคชั่นระลึกขวัญสุดมันส์! ที่ดัดแปลงจากนิยายชุดที่ขายดีในปี 2008 ของ Vince Flynn (วินซ์ ฟลินน์) นี้ คือหนึงในภาพยนตร์ที่เลือกจะปลีกวิเวกออกมา เพราะตัวหนังเอง มีศักยภาพหลายอย่างและหลายสิ่งที่น่าสนใจดึงดูดในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่มันจะอะไรบ้างนั้น เชิญตามไปอ่านกันต่อพร้อมๆ ได้เลยครับผม!

1. การันตีคุณภาพด้วยนิยายต้นฉบับที่ขายดีอันดับหนึ่งของสำนักพิมพ์นิวยอร์กไทมส์

American Assassin เป็นผลงานการประพันธ์ของ Vince Flynn (วินซ์ ฟลินน์) นักเขียนนิยายสัญชาติอเมริกันอันมีบ้านเกิดเมืองนอนที่มินิโซต้า ที่เพิ่งเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งและอำลาโลกไปในวัย 47 ปี ในวันที่ 19 มิถุนายน ปี 2013 ที่ผ่านมา แต่ก่อนจะละสังขารจากโลกนี้ไป Vince ได้ทิ้งผลงานนิยายระทึกขวัญแอคชั่นที่ว่าด้วยการปฏิการณ์ชิงไหวชิงพริบของหน่วยงาน CIA หรือซีรีย์ Mitch Rapp จำนวน 14 เล่ม และ American Assassin นิยายและภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายนี้ คือปฐมบทของซีรีย์ดังกล่าวครับ อีกทั้ง ตัวเขายังเคยได้มีบทบาทในวงการภาพยนตร์มาก่อนนี้ ด้วยการเป็นที่ปรึกษาในการปรับแต่งเนื้อเรื่องของทีวีซีรีย์สุดระห่ำอย่าง 24 อีกด้วย 

2. Lionsgate ค่ายจัดจำหน่ายที่รับประกันความดิบ เถื่อน และโหด! 

คงจะไม่มีค่ายจัดจำหน่ายให้ทุนสร้างภาพยนตร์ค่ายใด จะเหมาะสมกับ American Assassin ไปกว่า Lionsgate แล้วละครับ เพราะหากดูจากตัวอย่างภาพยนตร์แล้ว เรียกได้ว่าค่อนข้างมีฉากความรุนแรงถึงเลือดถึงเนื้ออยู่พอสมควร ซึ่งนับตั้งแต่ที่ค่ายนี้ ได้ถือกำเนิดและสร้างผลงานขึ้นมาตั้งแต่ปี 1996 จวบจนปัจจุบัน และกว่า 209 เรื่องจาก 391 ผลงาน ก็มีเรตรับชมอยู่ที่เรต R หรือบุคคลที่อายุต่ำกว่า 17 ปีควรได้รับคำแนะนำ และ American Assassin นี้เอง ก็ได้เรตดังกล่าวมาครอง ฉะนั้นวางใจได้เลย ว่าตัวหนังได้อยู่กับผู้ดูแลถูกคนและมันจะต้องออกมาดิบเดือดสะใจแน่นอน!

3. "Mentor" ภาพยนตร์แอคชั่นแนว "ศิษย์มีครู"

น่าจะเป็นแนวภาพยนตร์ลูกสูตรที่มีมาแต่ช้านานหลายทศวรรษ แต่เมื่อหยิบจับนำมาเสนอสักกี่ครั้ง ก็ยังคงสนุกสนานและมากไปด้วยเสน่ห์เช่นเดิม และองค์ประกอบของแนวหนังดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนหรือเข้าใจยากแต่อย่างใดครับ โดยพล็อตเรื่องนั้น ก็มักจะเริ่มต้นด้วยตัวละครระดับอาวุโสหรือฝีมือฉกาจทั้งหลายได้มีเหตุการณ์อะไรสักอย่างพัวพันกับเด็กหนุ่มหรือหญิงสาววัยขบเผาะ และเมื่อผ่านเรื่องราวไปได้สักพัก ตัวละครไม้แก่ก็จะมองเห็นคุณค่าอะไรสักอย่างในตัวละครวัยเจริญพันธุ์ที่ว่านี้และฝึกสอนทักษะหรือโอนถ่ายวิชาความรู้ที่มีทั้งหมด เพื่อให้กับพวกเขากลายเป็นตัวแทนความหวังครั้งใหม่ของเขา หรือในบางเรื่องอาจเป็นการแก้ไขอดีตในสิ่งที่พวกเขาเคยทำพลั้งพลาดไป เป็นต้น

และดูเหมือน American Assassin นี้เอง ก็ยังดำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมของภาพยนตร์แนวดังกล่าว เพราะตัวเนื้อเรื่องเบื้องต้นของภาพยนตร์นั้น ว่าด้วย Mitch Rapp (มิช แรปป์) นักศึกษาหนุ่มที่สูญเสียแฟนสาวจากเหตุการณ์ก่อการร้าย ทำให้เขาต้องการล้างแค้นด้วยทักษะการต่อสู้ที่ได้รับการฝึกฝนจาก Stand Hurley (สแตน เฮอร์รี่) อดีตทหาระดับพระกาฬในยุคสงครามเย็นที่ได้ผันตัวมาเป็นครูฝึกเจ้าหน้าที่หน่วยงาน CIA สุดโหดในภายหลัง

4. Michael Cuesta ผู้กำกับที่ผ่านผลงานภาพยนตร์ที่นำเสนอด้านมืดของมนุษย์มาแล้วมากมาย

หากเอ่ยถึงชื่อ Michael Cuesta (ไมเคิล คูเอสต้า) หลายคนอาจไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่หากยกตัวอย่างทีวีซีรีย์ที่เขาเคยฝากฝีมือไว้ทั้งหลาย อย่าง Dexter ฆาตกรต่อเนื่องผู้ปลิดชีพเพียงฆาตกรเท่านั้น, Homeland ซีรีย์สืบสวนสอบสวนที่ว่าด้วยการเฟ้นหาความจริงจากนาวิกโยธินที่ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ จับเป็นเชลยถึง 8 ปีว่าเขานั้นได้แปรพักเป็นสายลับให้กับอริของอเมริกาหรือไม่ และ Billions การต่อสู้ชิงไหวชิงพริบเพื่อกอบโกยอำนาจทางการเมืองของทนายความชื่อดัง และมหาเศรษฐี สองผู้ทรงอิทธิพลแห่งนิวยอร์ก เป็นต้น

และจริงๆ ก็ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่ Cuesta ได้นั่งแท่นกำกับ แต่แค่เครดิตของ 3 ซีรีย์ที่ว่ามานี้ ก็มากพอที่ทางค่ายจัดจำหน่าย จะไฟเขียวและให้เขาได้กุมบังเหียนกำกับภาพยนตร์ฟอร์มหนาเรื่องนี้แล้วละครับ 

5. "ดีแลน โอไบรอัน" ผู้รับบทนำในเรื่อง ตัวเลือกสุดท้ายจากนักแสดงชั้นนำมากมาย

ในช่วงแรกเริ่มต้นโปรเจคท์ภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขามีความคิดที่จะเล่าเรื่องราวตัวละครหลักของอย่าง Mitch Rapp (มิช แลปป์) ให้อยู่ในช่วงอายุวัยกลางคน โดยชื่อของนักแสดงที่ได้วางตัวในช่วงแรกทั้งหลายที่จะมารับบทนั้น แต่ละคนเรียกได้ว่าระดับท็อปของวงการครับ ไล่ตั้งแต่ Gerard Butler (เจอราร์ด บัตเลอร์), Colin Farrell (โคลิน ฟาร์เรล) และ Matthew Fox  (แมทธิว ฟ็อกซ์) 

แต่แล้วทางค่าย ก็ได้เปลี่ยนแปลงบทใหม่ และมองว่า การเล่าเรื่องของ Rapp ให้เป็นวัยรุ่นตอนปลาย ดูจะเข้าถึงคนดูได้หลายอายุมากกว่า ตัวเต็งเพียงหนึ่งเดียวคนใหม่จึงกลายเป็นพ่อหนุ่มธอร์หรือ Chris Hemsworth ที่ดูเหมือนเขา ก็มีความสนใจในระดับหนึ่งที่จะอยากรับบทบาทสายลับทวงแค้นนี้ แต่แล้วในกรกฎาคม ปี 2016 Chris กลับต้องบอกปัดบทดังกล่าวไป ด้วยเหตุผลที่ว่าติดการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Thor: Ragnarok ที่กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2017 นี้นี่เอง

ทางค่ายภาพยนตร์จึงต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาและช่วงอายุของตัวละครหลักอีกครั้ง ให้กลายมาเป็นวัยรุ่นตอนกลาง และในท้ายที่สุดนั้น ก็ได้ Dylan O'Brien (ดีแลน โอ'ไบรอัน) นักแสดงวัย 26 ปีที่มีอายุใกล้เคียงกับตัวละครหลักของเรื่อง มารับทบาทดังกล่าวในที่สุดครับ

6. "ไมเคิล คีตัน" และนักแสดงสมทบยอดฝีมืออีกมากมาย

แน่นอนละว่า ภาพยนตร์แนวแอคชั่นศิษย์มีครู ตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเรื่องไม่น้อยไปกว่าตัวเอก ย่อมเป็นผู้ให้คำแนะนำและพร่่ำสอน ซึ่งใน American Assassin นี้เอง บทบาทของตัวละครรูปแบบที่ว่ามา ก็ดูจะมีความสำคัญในระดับหนึ่ง และผู้รับบทบาทดังกล่าวนั้น ก็ดูจะฝากฝีมือการแสดงได้อีกเช่นกันครับ เพราะเขาคือ Micheal Keaton (ไมเคิล คีตัน) นักแสดงเจ้าบทบาทระดับตำนานที่เป็นมาแล้วตั้งแต่ ผีตลกหัวเราะสยองอย่าง Beetlejuice อัศวินรัตติกาลยุค 90 อย่าง Batman เป็นต้น

แต่กระนั้น นักแสดงท่านอื่นๆ ในเรื่องเอง ก็มีฝีมือที่พอฟัดพอเหวียงไม่น้อยไปกว่ากันครับ ไล่ตั้งแต่ Taylor Kitsch (เทเลอร์ เคิร์ธ) หรือที่คุ้นหน้าคุ้นตาในเรื่อง John Carter ที่มาในเรื่องนี้ เขาได้รับบทเป็น Ghost ตัวละครนิรนามที่มีแผนจะก่อสงครามโลกในทวีปตะวันออกกลาง Sanaa Lathan ซาน่า ลาธาน (ซาน่า ลาธาน) ผู้ที่เคยฝากผลงานมาแล้วหลายเรื่องทั้ง Blade, Alien vs. Predator, Out of Time และ Now You See Me 2 โดยในเรื่องนี้ เธอได้รับบทเป็น Irene Kenedy รองผู้อำนวยการของ CIA เลยทีเดียว

หวังว่าคงจะเต็มอิ่มกัน กับ "6 เหตุผลที่ทำไม American Assassin ถึงคุ่มค่าแก่การรับชม!" หากมีข้อมูลส่วนไหนที่ผิดพลาดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยละกันนะครับ ปิดท้ายนี้ ก็ขอให้ทุกคนที่ได้รับรู้ข้อมูลดังกล่าวที่ผู้เขียนนำเสนอไป ทำให้สนุกสนานไปกับภาพยนตร์ได้มากยิ่งขึ้นนะครับผม ^^