รีวิว 11 หนัง ภาพยนตร์ ซีรีส์ สุดประทับใจ แห่งปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

11 หนัง ภาพยนตร์ สุดประทับใจ แห่งปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)

จากบทความที่แล้ว ได้บอกถึง 10 หนัง ภาพยนตร์ สุดปวดใจ น่าผิดหวัง แห่งปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ไปกันแล้ว มีผิดหวังก็ต้องมีสมหวัง ประทับใจกันบ้าง และในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 11 หนัง ภาพยนตร์ สุดประทับใจ แห่งปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ซึ่งต้องบอกว่าเลือกยากมาก เลือกยากกว่าหนังน่าผิดหวังอีก รู้สึกว่าปีนี้มีหนังหลายเรื่องที่ถูกจริตเรามากมายเลย และบางเรื่องถือว่าเซอร์ไพรส์มาก จากไม่ได้หวังอะไรกลายเป็นประทับใจเฉยเลย 

ต้องย้ำอีกครั้งว่าการจัดอันดับในครั้งนี้อิงจากความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียนล้วน ๆ หากไม่ตรงใจใครหรือขัดใจใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

อันดับ 11 หนัง THE UP RANK - อาชญาเกม

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ The Up Rank - อาชญาเกม
ที่มาภาพ : majorcineplex.com

เปิดด้วยหนังไทยกันก่อนเลยกับ หนัง ภาพยนตร์ The Up Rank - อาชญาเกม นี่เป็นหนังที่เราไม่ได้หวังอะไรกับมันเลยสักนิด แต่กลายเป็นว่าเป็นหนึ่งในหนังไทยที่ประทับใจเรื่องนึงเลยทีเดียว ด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งเนื้อเรื่อง งานภาพ และนักแสดง

ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นหนังเกี่ยวกับเกมที่ไม่ได้เล่นเกมก็ดูรู้เรื่องได้ เพราะหนังมันไม่ได้โฟกัสการเล่นเกมนั้น ๆ แต่มันใช้เกมเป็นวัตถุดิบในการขับเคลื่อนกับสิ่งที่เรียกว่า "แรงค์" การจัดอันดับในเกมเท่านั้น และหนังเรื่องนี้ก็เอาจุดขายการปั้มแรงค์ที่มัน "ผิดกฏเกมแต่ไม่ได้ผิดกฏหมาย" มาต่อยอดขยายความให้กลายเป็นหนังชีวิต ดราม่า Coming-of-age ที่เล่าออกมาได้สนุก ดำเนินเรื่องรวดเร็วไม่น่าเบื่อเลย บทมีมิติ สมเหตุสมผลในการกระทำของตัวละคร

อาจจะมีติดนิดหน่อยที่หนังไม่ได้ขยายความความเก่งกาจของกลุ่มตัวเอก หรือเจาะลึกเรื่องการปั้มแรงค์ว่ามันไม่ดีต่อวงการเกมนะ หรือประเด็นเรื่องแบบทำไมคนที่จ้างปั้มแรงค์กัน การอยากอยู่บนจุดสูงสุดมันเป็นยังไง ถึงแม้เนื้อเรื่องจะสนุก แต่ช่วงท้ายก็รีบหาทางลงให้มันเร็วเกินไป ถ้าทำตรงนี้ออกมาได้กลมกล่อมมันจะออกมายอดเยี่ยมมาก ๆ 

และสิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดในเรื่องนี้คือทีมนักแสดง คือเลือกแต่ละคนมาได้ตรงคาแรคเตอร์มาก และแต่ละคนก็รับผิดชอบบทบาทตัวเองได้ดีมากเลย ทั้ง กิต Three Man Down ที่บทเข้าปาก แสดงได้ดีมาก สีหน้า ท่าทาง อารมณ์ ผิดกับเรื่องก่อน ๆ ที่เคยแสดงมา หรือจะเป็น เอม คาแรคเตอร์แบบ Mastermind ดูร้าย การควบคุมเสียงในสถานการณ์ต่าง ๆ การปรับสีหน้า ทำได้ยอดเยี่ยมมาก, หรือแจ็ค ตัวละครเอเนอร์จี้ล้น ที่เล่นได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมาก และ มีน ที่ทั้งสวย เซ็กซี่ เหมาะกับบทบาทแบบสุด ๆ คาแรคเตอร์ทุกคนคือชัดมาก 

กิต Three Man Down จากหนัง ภาพยนตร์ The Up Rank - อาชญาเกม
ที่มาภาพ : imdb.com

ทั้งหมดทั้งมวลมันทำให้เราประทับใจ เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์เลยแหละ ที่หนังไทยในแนวที่แตกต่างทำออกมาได้ดีขนาดนี้ น่าชื่นชมสุด ๆ 

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ The Up Rank - อาชญาเกม

อันดับ 10 แอน - FACES OF ANNE

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ แอน - Faces of Anne
ที่มาภาพ : M Pictures

หนัง ภาพยนตร์ แอน - Faces of Anne ซื้อเราได้ตั้งแต่โปสเตอร์ที่มาด้วยคำโปรยที่ว่า "ทุกคนชื่อแอน" พร้อมด้วยเหล่านักแสดงหญิงที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น เจนนิษฐ์, มิวสิค, ออกแบบ-ชุติมณฑน์, วี-วิโอเลต, ปันปัน-สุทัตตา, ก้อย-อรัชพร, นาน่า-ศวรรยา, มินนี่-ภัณฑิรา และ คูมอิ้งค์ เนี่ยแค่นี้ก็อยากดูแล้ว และพอได้ดูจริง ก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังเลย

ด้วยชื่อชั้นของผู้กำกับอย่าง คงเดช จาตุรันต์รัศมี ที่ฝากผลงานเอาไว้มากมาย ที่หนังของเขามักแฝงความหมายหลายอย่างลงไปด้วย เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ที่ตัวหนังสอดแทรกถึงปัญหาสังคมต่าง ๆ ทั้งการยอมรับ, Social Media, โรคทางจิตเวช หรือแม้กระทั่งประเด็นการเมือง และต้องสารภาพตามตรงว่าตัวผู้ดูอย่างเราเองอาจจะไม่ได้เข้าใจทั้งหมดที่ผู้กำกับต้องการสื่อ หรืออาจจะเข้าใจผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ถ้ามองให้ตื้นกว่านั้น มันก็ยังเป็นหนังที่สนุกเรื่องนึงอยู่ดี

ฉากจากหนัง ภาพยนตร์ แอน - Faces of Anne
ที่มาภาพ : imdb.com

นี่คือหนังที่มีความเป็นหนังจิตวิทยาระทึกขวัญที่ร้อยเรียงเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้ขบคิดแทบทุกจุดนับตั้งแต่หนังเริ่มจนภาพดำขึ้นเลยทีเดียว ทั้งเรื่องราวของตัวละคร สถานที่ การกระทำ สัญญะต่าง ๆ ระหว่างดูจะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังต่อจิ๊กซอว์ หนังค่อย ๆ โยนชิ้นส่วนมาให้เราไปต่อเอง แถมยังไม่บอกด้วยว่ามันคือส่วนไหน ภาพใหญ่เป็นยังไง นั่นแหละคือความสนุกอย่างนึงที่ทำงานกับเราเวลาดูหนังเรื่องนี้ มันอาจฟังดูสับสน แต่มันไม่ได้เข้าใจยากขนาดนั้น เพราะหนังยังมีจุดเฉลยเรื่องราวที่เพียงพอต่อความเข้าใจเหมือนกัน

ฉากจากหนัง ภาพยนตร์ แอน - Faces of Anne
ที่มาภาพ : imdb.com

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยความที่หนังนักแสดงเยอะ จึงทำให้แบ่งแอร์ไทม์ของตัวละครได้ไม่เท่ากันแน่นอน และมันก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะว่าการที่ตัวละครเปลี่ยนหน้าแต่ยังเป็นคนเดียวกัน มันต้องแสดงให้เหมือนกัน พอเป็นคนอื่นแสดงไม่เหมือน เลยทำให้เกิดความรู้สึกเอ๊ะนิดหน่อย 

ส่วนงานด้านภาพเข้าขั้นยอดเยี่ยม คุมโทนและมู้ดของภาพได้อย่างดี เทคนิคการตัดต่อเนียนไม่สะดุด การเปลี่ยนหน้าต่าง ๆ ก็แพรวพราวและสร้างสรรค์ไม่ใช่เล่น

แอน - Faces of Anne จึงเป็นหนังที่น่าประทับใจเรื่องนึงในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ แอน - Faces of Anne

อันดับ 9 หนัง EVEN IF THIS LOVE DISAPPEARS TONIGHT - คืนฝันก่อนฉันลืมเธอ

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ Even if This Love Disappears Tonight - คืนฝันก่อนฉันลืมเธอ
ที่มาภาพ: imdb.com

หนัง ภาพยนตร์ Even If This Love Disappears Tonight - คืนฝันก่อนฉันลืมเธอ เป็นผลงานการกำกับของ Takahiro Miki ที่เคยฝากผลงานที่เราชื่นชอบเอาไว้มากมาย ทั้ง Tomorrow I Will Date With Yesterday You, Kids on the Slope เลยทำให้ตัดสินใจอยากดูเรื่องนี้แบบสุด ๆ ผลก็คือประทับใจ หลังจบก็ยังติดอยู่ในหัว

ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ฮิโนะ มาโอริ หญิงสาวที่ประสบอุบัติเหตุจนทำให้ "สูญเสียความทรงจำข้างหน้า" นั่นคือเธอจะจำเรื่องราวก่อนเกิดอุบัติเหตุได้ทุกอย่าง แต่เธอจะจำความทรงจำหลังจากนั้นไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่เธอหลับ ตื่นขึ้นมาความทรงจำของเมื่อวานจะหายไป ทำให้ทุกวันเธอต้องอ่านไดอารี่ที่เธอจดบันทึกเรื่องราววันเมื่อวานเอาไว้ มีเพียงพ่อแม่และอิซึมิ วาตายะ เพื่อนของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แต่แล้ววันหนึ่ง คามิยะ โทรุ ก็มาขอเธอเป็นแฟน และเธอก็ดันตอบรับคำขอนั้น โดยที่โทรุไม่รู้เลยว่าเธอจำเขาได้จากตัวอักษรในไดอารี่เท่านั้น แล้วความรักครั้งนี้ของทั้งคู่จะลงเอยเช่นไร...หรือมันจะหายไปจากความทรงจำ

เนื้อเรื่องมันดูธรรมดาไม่ได้แปลกแหวกแนวใช่มะ เหมือนหนังรักที่มีเงื่อนไขต่าง ๆ เช่นอย่าง 50 First Dates ที่นางเอกเสียความทรงจำเหมือนกัน พระเอกจึงต้องทำให้นางเอกตกหลุมรักใหม่ในทุกวัน นั่นแนวรอมคอม แต่กับเรื่องนี้คือโรแมนติกดราม่าเรียกน้ำตาเลย

หนังไม่ได้ซับซ้อน เน้นขับอารมร์สุขสลับเศร้าผ่านเหตุการณ์ที่นางเอกต้องเจอในแต่ละช่วง ขยี้อารมณ์จนน้ำตาซึม อาจไม่ได้ร้องไห้ฟูมไฟ แต่ขยี้ได้ลงตัวจริง ๆ 

หนังมีประเด็นให้จับต้องอีกมากมาย ทั้งเรื่องความสำคัญของความทรงจำ ความรักหนุ่มสาว ความสัมพันธ์ของเพื่อน ครอบครัว ความฝัน และมีความเป็นหนัง coming-of-age อีกด้วย 

ต้องบอกว่านักแสดงแคสมาดีมาก ทั้งด้านหน้าตาและการแสดง ไม่ว่าจะ ฟุคุโมโตะ ริโกะ ในบทนางเอก ฮิโนะ มาโอริ ที่โคตรจะน่ารัก บทดราม่าก็น่าสงสารและน่าเห็นใจ ทางด้านพระเอกอย่าง มิจิเอดะ ชุนสุเกะ ในบท คามิยะ โทรุ ก็หล่อ ซึ่งเคมีของทั้งคู่ก็เข้ากันเหลือเกิน รวมถึงตัวละครประกอบต่าง ๆ ที่เติมเต็มเรื่องราวได้ดีมาก

ภาพจากหนัง ภาพยนตร์ Even if This Love Disappears Tonight - คืนฝันก่อนฉันลืมเธอ
ที่มาภาพ: justwatch.com

Even If This Love Dissappears Tonight - คืนฝันก่อนฉันลืมเธอ เป็นหนังรักโรแมนติกดราม่าที่ทำงานกับเราสุด ๆ ทั้งในแง่ของความน่ารักจนยิ้มตาม และในแง่ของความเศร้าจนน้ำตาซึม หนังกลมกล่อมมากในแต่ละห้วงอารมณ์ มันซึมซับมาผ่านคนดูได้อย่างพอดี

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ Even if This Love Disappears Tonight - คืนฝันก่อนฉันลืมเธอ

อันดับ 8 หนัง DETECTIVE CONAN : THE BRIDE OF HALLOWEEN - ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน : เจ้าสาวฮาโลวีน

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ อนิเมะ Detective Conan : The Bride of Halloween
ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน : เจ้าสาวฮาโลวีน
ที่มาภาพ : imdb.com

หนัง ภาพยนตร์ อนิเมะ Detective Conan : The Bride of Halloween - ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน : เจ้าสาวฮาโลวีน เป็นเรื่องที่คิดอยู่นานว่าจะอยู่ในลิสต์ดีไหม แต่คิดไปคิดมาก็หาเหตุผลที่จะตัดออกไม่ได้จริง ๆ เพราะมันเต็มไปด้วยความประทับใจในหลายส่วนเลย เรียกได้ว่านี่เป็นโคนันเดอะมูฟวี่ภาคที่สนุกสุด ๆ ในช่วงหลัง ๆ มานี้

คือสำหรับแฟนไอ้หนูตัวซวยอย่างโคนันก็คงจะไม่พลาดกันอยู่แล้วแหละ แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ตามมานานแล้ว อยากกลับมาดูก็สามารถพอจะจับต้นชนปลายได้ เพราะหนังก็ยังใจดูเล่าเรื่องราวให้เราฟังอย่างคร่าว ๆ ว่าใครเป็นใคร เกิดอะไรขึ้นบ้าง และมันไม่ใช่แค่เป็นหนังอนิเมะที่สนุกด้วยความเป็นโคนันนะ ในความเป็นหนังสักเรื่องมันก็ยังสนุกเลย มันคือหนังครบรสที่แอ็คชันดี ดราม่ามี ซึ้งก็มา พาร์ทสืบสวนก็ลุ้น จังหวะการเล่ามันลงตัว ไม่น่าเบื่อเลย

แอร์ไทม์ตัวละครถือว่าแบ่งได้น่าสนใจ ทั้งพาร์ทของฝั่งโคนัน และพาร์ทของฟุรุยะ เรย์ แต่แอบน่าเสียดายที่บทของรันและโมริน้อยกว่าที่คิดเยอะเลย

ฟุรุยะ เรย์ และ มัตสึดะ จิมเปย์ จากหนัง ภาพยนตร์ อนิเมะ Detective Conan : The Bride of Halloween
ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน : เจ้าสาวฮาโลวีน
ที่มาภาพ : imdb.com

นี่เป็นเดอะมูฟวี่ภาคนึงที่งานภาพสวย คือไม่ละเลยดีเทลเล็ก ๆ ในภาพ ไม่ได้มีจุดไหนที่วาดเส้นแบบลวก ๆ ถือว่าน่าชื่นชมมาก และดนตรีประกอบมาได้ถูกที่ถูกจังหวะ ส่งเสริมเรื่องราวเป็นอย่างดี 

ฉากจากหนัง ภาพยนตร์ อนิเมะ Detective Conan : The Bride of Halloween
ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน : เจ้าสาวฮาโลวีน
ที่มาภาพ : imdb.com

เรียกได้ว่าเราประทับใจโคนันเดอะมูฟวี่ 25 ภาคนี้มาก เป็นเดอะมูฟวี่ที่คุ้มค่าสมราคาเดอะมูฟวี่สุด ๆ มันคือหนังสืบสวนสนุกเรื่องนึงเลย หากใครไม่ได้ติดตามมานาน มาดูภาคนี้อาจอยากทำให้ติดตามเรื่องราวของโคนันต่อก็เป็นได้

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ อนิเมะ Detective Conan : The Bride of Halloween
ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน : เจ้าสาวฮาโลวีน

อันดับ 7 หนัง THE BATMAN - เดอะ แบทแมน

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ The Batman - เดอะแบทแมน
ที่มาภาพ : imdb.com

หนัง ภาพยนตร์ The Batman - เดอะ แบทแมน จะว่าอวยก็ได้ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบ Batman และเฝ้ารอการมาของหนังที่เกี่ยวข้องกับจักรวาล Batman มาตลอด โดยเฉพาะหนังที่ไม่ได้มาจากจักรวาล DCEU ยิ่งก่อนหน้านี้มีหนัง ภาพยนตร์ Joker ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม และเป็นเวลากว่า 10 ปีเลยทีเดียวที่เราไม่ได้เห็นหนังเดี่ยวของ Batman มานานแล้ว พอ The Batman ออกมา ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

ความประทับใจแรกคืองานภาพอันงดงาม หนังใช้แสงและเงาดีไซน์ออกมาได้สวยมาก มุมกล้องต่าง ๆ ก็เหมาะสม ถึงแม้ฉากส่วนมากจะมึดและฝนก็ตกแทบจะตลอดเวลาก็ตาม

ฉากจากหนัง ภาพยนตร์ The Batman - เดอะ แบทแมน
ที่มาภาพ : imdb.com

ความประทับใจต่อมาคือหนังเลือกนำเสนอแบบหนังสืบสวนสอบสวน ที่ล้อไปกับฉายา The World's Greatest Detective ของตัว Batman เอง เราจะไม่ได้เห็น Batman ลงไปบู๊แหลกเหมือนอย่างหนังที่ผ่าน ๆ มา มันคือหนังอาชญากรรมสืบสวนสอบสวนที่กลิ่นอายความเป็นหนัง ภาพยนตร์ Se7evn ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ถูกบอกเล่าแบบละเมียดละไม ค่อยเป็นค่อยไป มีความ Slow Burn แต่ไม่น่าเบื่อ มีแอ็คชันแทรกมาบ้างประปราย ถึงแม้ตัวพาร์ทการไขคดีมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเท่าไหร่ และเราก็รู้ตัวฆาตกรตั้งแต่แรก ความสนุกของการดูเรื่องนี้คือการตามติด Batman ว่าจะหาคำตอบของสิ่งที่ตัวฆาตกรอย่าง The Riddler ต้องการได้หรือไม่

ทีมนักแสดงก็น่าประทับใจยกชุดเลย ทั้ง Robert Pattinson ที่หลายต่อหลายคนปรามาสเอาไว้ ก็เหมาะสมกับบทบาทนี้แบบปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ, Paul Dano ในบท The Riddler เล่นโคตรดี จิต บ้า น่ากลัว การแสดงทรงพลัง, Colin Farrell ในบท Oswald Cobblepot หรือ The Penguin ที่ถึงแม้ไม่ได้ออกเยอะ แต่ดูมีความน่าเกรงขาม ทั้งแต่งหน้าและการแสดงเล่นเอาจำแทบไม่ได้ว่าเป็น Farell, Zoë Kravitz ในบท Selina Kyle ก็มีเสน่ห์ เย้ายวน ดึงดูด เคมีเข้ากับ Pattinson มาก, รวมถึงคนอื่น ๆ อย่าง John Turturrro ในบท Carmine Falcone, Jeffrey Wright ในบท James Gordon หรือ Andy Serkis ในบท Alfred ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย

Zoë Kravitz และ Robert Pattinson จากหนัง ภาพยนตร์ The Batman - เดอะ แบทแมน
ที่มาภาพ : imdb.com

ประทับใจแนวทาง เนื้อเรื่อง การนำเสนอ งานภาพ นักแสดง คืออวยขนาดนี้ไม่อยู่ในลิสต์ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเหมือนกัน 555+

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ The Batman - เดอะ แบทแมน

อันดับ 6 หนัง อนิเมชัน BELLE - เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ อนิเมชัน Belle - เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง
ที่มาภาพ : imdb.com

หนัง ภาพยนตร์ อนิเมชัน Belle - เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวผู้เสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก กลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่มีความมั่นใจ ถึงภายนอกจะเป็นเช่นนั้น แต่เธอชื่นชอบการร้องเพลงแบบสุด ๆ จนกระทั่งเธอได้ก้าวเข้ามาสู่โลกเสมือนและสร้างตัวตนใหม่ที่ชื่อว่า Belle พร้อมเปล่งเสียงขับร้องอันไพเราะจนทำให้มีชื่อเสียงแบบสุด ๆ แต่บุคคลปริศนาที่ดูอันตรายก็ปรากฏขึ้นมาทำให้เธอเริ่มสงสัยและเห็นใจจนอยากตามหาตัวตนที่แท้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ นี่แหละคือเรื่องราวที่สร้างความประทับใจจนทำให้เราหยิบมันมาติดในลิสต์แห่งปีนี้

หนังอนิเมชันเรื่องนี้มีความเป็น Beauty and the Beast แห่งโลกเสมือน ด้วยเค้าโครงสาวแสนสวยกับอสูร ความเข้าอกเข้าใจภายใต้ใบหน้าอันดุร้าย แต่เรื่องราวไม่ใช่การดัดแปลงจากการ์ตูนคลาสสิคเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะตัวหนังได้บอกเล่าสะท้อนสังคมออนไลน์ออกมาในหลากหลายแง่ ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์, อิทธิพลทางความคิด, SEO, อัตลักษณ์ แถมตัวหนังยังมีความเป็น Coming-of-age, ประเด็นครอบครัว, ความรักกุ๊กกิ๊กแบบพอหอมปากหอมคอ ทั้งหมดถูกร้อยเรียงอย่างกลมกล่อม ไม่มากไปไม่น้อยไป ประเด็นเรื่องมันแข็งแรง น่าสนใจและน่าติดตามไปพร้อม ๆ กัน 

ฉากจากหนัง ภาพยนตร์ อนิเมชัน Belle - เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง 
ที่มาภาพ : imdb.com

อย่างที่ชื่อเรื่องบอกว่าคือ "เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง" ระหว่างเรื่องดำเนินไปเราก็จะได้ฟังบทเพลงอันไพเราะ แถมเนื้อหาในเพลงยังสะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องด้วย 

เพลงประกอบหนัง ภาพยนตร์ อนิเมชัน Belle - เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง

ส่วนงานด้านภาพก็งดงามตามที่อนิเมชันเรื่องนึงควรจะเป็น ทั้งในพาร์ทของโลกเสมือนก็ล้ำเหนือจินตนาการ หรือในพาร์ทโลกแห่งความจริงก็ยังใส่ใจรายละเอียดไม่แพ้กัน 

Belle - เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง ได้สร้างความประทับใจให้กับเราตั้งแต่ต้นปี ที่มันทั้งดูสนุก เพลิดเพลิน สอดแทรกประเด็นได้อย่างลงตัว ถูกหล่อเลี้ยงด้วยเสียงเพลงอันไพเราะและงานภาพสุดงดงาม 

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ อนิเมชัน Belle - เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง

อันดับ 5 หนัง SCREAM - หวีดสุดขีด

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ Scream - หวีดสุดขีด
ที่มาภาพ : imdb.com

ด้วยความที่เป็นแฟนของแฟรนไชส์ Scream อยู่แล้ว แน่นอนว่าการมาของภาคต่อ เป็นภาคที่ 5 ของแฟรนไชส์นี้นับว่าตื่นเต้นมาก แต่ใจก็แอบหวั่น เพราะภาคต่ออย่าง Halloween Kills ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ก็ทำได้น่าผิดหวังเหลือเกิน (และภาค Ends ก็น่าผิดหวังตามมา) แต่พอได้ดูหนัง ภาพยนตร์ Scream - หวีดสุดขีด ภาคนี้จบ แทบอยากจะลุกขึ้นมายืนปรบมือในโรงเลยทีเดียว เพราะมันคือภาคต่อที่โคตรสมศักดิ์ศรีดีงามมากจริง ๆ

คือถ้าใครเป็นแฟนคลับอยู่แล้วก็น่าจะชื่นชอบภาคนี้ เพราะมันยังคงสไตล์ความเป็น Scream คารวะต้นฉบับของ Wes Craven และผสมผสานความเป็นหนังสมัยใหม่อีกด้วย มีความเป็นหนังเชือด Slasher ที่ผสมผสานแนว Whodunit ตามหาตัวฆาตกร ที่ยังคงโหด มันส์ ฮา จิกกัดหนังเชือดเรื่องอื่นและหนังตัวเองเต็มไปหมด จังหวะหนังเป๊ะ หลอกคนดูให้ตกใจ สงสัย เดาไม่ถูกกันเลยทีเดียว หนังมันทำงานกับเราและเล่าสนุกมากจริง ๆ

ฉากจากหนัง ภาพยนตร์ Scream - หวีดสุดขีด
ที่มาภาพ : imdb.com

หาก Halloween Ends คือหนังที่ควรศึกษาว่าภาคต่อที่ไม่ควรทำเป็นยังไง Scream ภาคนี้ก็คือหนังที่ควรศึกษาว่าภาคต่อที่ควรทำต้องเป็นยังไง และหวังว่าภาคต่อไปจะยังคงทำได้ดีเหมือนเคย 

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ Scream - หวีดสุดขีด

อันดับ 4 หนัง BULLET TRAIN - ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ Bullet Train - ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า
ที่มาภาพ : imdb.com

หนัง Bullet Train - ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า คือหนังที่นิยามได้สั้น ๆ เลยว่า สนุก ตลก เพลิดเพลิน บันเทิง มันส์ กวนตีน หนังมีความกวนตีนแบบ Quentin Tarantino สไตล์การเล่าแบบ Guy Ritchie ฉากแอ็คชันแบบ John Wick มันคือหนังแอ็คชันบนรถไฟของเหล่านักฆ่ากับการแย่งชิงกระเป่าที่ผสมผสานความวายป่วงชิบหายวายวอดที่เต็มไปด้วยความฮา ตลอด 2 ชั่วโมงหนังจะเสิร์ฟแต่ความหฤหรรษ์มาให้คุณ

นี่คือหนังที่กวนเส้นตั้งแต่บท การดำเนินเรื่อง การแสดง กวนทุกภาคส่วน เป็นหนังที่พล่ามกันตลอดทั้งเรื่อง แทบจะไม่มีซีนเงียบ ๆ เลย และแต่ละบทสนทนาที่พลั่งพลูออกมามันเต็มไปด้วยความฮา คือไม่ต้องต่อยตีกันก็ได้ แค่ไปดูตัวละครพ่นบทใส่กันก็สนุกแล้วอะ ดำเนินเรื่องสนุก กระชับ ฉับไว ฉากแอ็คชันจากฝีมือของ David Leitch ก็การันตีคุณภาพสุด ๆ

Brad Pitt ในบท Ladybug หนัง ภาพยนตร์ Bullet Train - ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า
ที่มาภาพ : imdb.com

หนังใช้วัตถุดิบที่มีอยู่คุ้มมาก หยิบจับนั่นจับนี่มาเล่าเรื่อได้หมด แล้วก็ยังผูกทุกอย่างที่หยิบมาเล่าได้อย่างยอดเยี่ยม เน้นว่าทุกอย่างที่หนังพูด หนังบอก หนังเล่า ถูกหยิบมาใช้ในการเล่าเรื่องหมดเลย แม้กระทั่ง "ขวดน้ำ" ถ้าใครดูจะเข้าใจ ถ้าใครไม่ได้ดูลองไปดูแล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้โกหก

หนังโคตรของโคตรทำงานกับเราเลย โคตรชอบหนังอะไรแบบนี้ ประทับใจแบบสุด ๆ 

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ Bullet Train - ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า

อันดับ 3 หนัง DECISION TO LEAVE - ฆาตกรรมรักหลังเขา

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ Decision to Leave - ฆาตกรรมรักหลังเขา
ที่มาภาพ : imdb.com

หนัง ภาพยนตร์ Decision to Leave - ฆาตกรรมรัก หลังเขา นี่คือหนังรัก ที่มีการสืบคดีคอยขับเคลื่อนเรื่องราว ตัวหนังคือเรื่องราวการสืบคดีของตำรวจรายหนึ่ง ที่ได้รับมอบหมายให้สืบคดีของชายนักปีนเขาที่เสียชีวิต ผู้ต้องสงสัยคือภรรยาของนักปีนเขา แต่การสืบสวนในครั้งนี้ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะอธิบายขึ้นมา

บทในเรื่องนี้ถูกเขียนออกมาอย่างชาญฉลาดและละเมียดละไมมาก บทมันโคตรเจ๋งเลย ตอนแรกมันก็เหมือนหนังสืบสวนทั่วไป แต่พอหนังยิ่งดำเนินไปคุณจะสัมผัสได้ว่าแท้จริงแล้วมันคือหนังรักโรแมนติก ที่มันปูเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครของนักสืบหนุ่มและผู้ต้องสงสัยสาวได้เป็นอย่างดี แบบดีมาก ๆ เราจะเห็นการพัฒนาตัวละครตลอดเวลาอย่างชัดเจน ตัวหนังได้สร้างมวลความกระอักกระอ่วน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ชวนหมวดคิ้วอยู่ไม่น้อย 

เอาจริง ๆ ในแง่ของการสืบสวนมันไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรขนาดนั้น มันเดาง่ายด้วยซ้ำว่าใครก่อเหตุ แต่มันก็เดาไม่ง่ายว่าเรื่องราวจะไปลงเอยที่จุดไหน หนังยังมีลูกล่อลูกชนเหมือนจะคลี่คลายและจบลง แต่ยังพลิกสานต่อเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยม 

ฉากจากหนัง ภาพยนตร์ Decision to Leave - ฆาตกรรมรักหลังเขา
ที่มาภาพ : imdb.com

การแสดงของ ถังเหว่ย ในบทนางเอก และ พัคแฮอิล ในบทพระเอกเล่นได้โคตรดีไร้ที่ติทั้งคู่ ทั้งซีนปกติก็ดูธรรมชาติ ซีนอารมณ์ก็เอาอยู่ เรียกได้ว่าแบกหนังทั้งเรื่องไว้เลยทีเดียว

ลูกเล่นในถ่ายทำก็หวือหวา มุมกล้องเอย การจัดแสงเอย แถมยังตัดต่อได้ล้ำในซีนทรานซิชั่นต่าง ๆ ร้อยเรียงเรื่องราวได้ไม่สะดุดเลย

นี่คือหนังเหลี่ยมรักแบบลึกซึ้ง เต็มไปด้วยความหมุกมุ่น ลุ่มหลง และแน่นอนว่าน่าประทับใจสุด ๆ

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ Decision to Leave - ฆาตกรรมรักหลังเขา

อันดับ 2 หนัง TOP GUN : MAVERICK 

โปสเตอร์หนัง ภาพยนตร์ Top Gun : Maverick
ที่มาภาพ : imdb.com

เป็นเวลา 36 ปี นับตั้งแต่ภาคแรกในปีค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) มันเป็นหนังที่ใครต่อใครหลายคนไม่คิดว่าจะมีภาคต่อ (รวมถึงเราด้วย) แต่มันก็ได้ปรากฏออกมาแถมยังเป็นนักแสดงนำคนดีคนเดิมอย่าง Tom Cruise ในบท Pete 'Maverick' Mitchell มันคือหนังภาคต่อที่ทำได้ดีกว่าภาคแรก ยกระดับทุกอย่างในภาคแรก และทำได้ดีกว่าที่คาดหวังไว้เยอะเลย

เนื้อเรื่อง ไม่มีอะไรซับซ้อน เข้าใจง่าย ใครไม่เคยดูภาคแรกก็เข้าใจภาคนี้ได้ไม่ยาก ยึดแนวทางการดำเนินเรื่องเหมือนภาคแรกเลย แถมยังเซอร์วิสแฟน ๆ ของภาคแรกด้วย ฉากโรแมนติกก็มีพอให้หอมปากหอมคอ และฉากสำคัญคือการขับเคลื่อนบิน มันสมจริงมาก อาจเพราะนักแสดงขับกันเองจริง ๆ ด้วย เราจะได้เห็นรายละเอียดภายในและนอก Cockpit มากขึ้น คือในภาคแรกมันจะมุมแคบ ๆ ECU หน้าคนขับเสียส่วนใหญ่ ตัดสลับกับภายนอกไกล ๆ ไม่ต่อเนื่อง แต่ในภาคนี้คือเห็นมุมกว้างใน Cockpit สีหน้า แววตา ได้ยินเสียงหายใจของคนขับอย่างชัดเจน มีมุมจากภายนอกเครื่อง คือมันต้องมีกล้องติดเครื่องบิน ทีมขับเคลื่อนบินที่ตามถ่ายใกล้ ๆ และต้องมีทีมภาคพื้นดินเก็บภาพอีก คิดดูมันสุดยอดแค่ไหน แถมในภาคนี้เรายังเห็นทองฟ้าข้างหลังดูรู้เรื่อง ต่อเนื่อง ชัดเจน ว่าทำอะไรที่ไหนอยู่ มันเลยส่งให้ฉากขับเคลื่อนบินต่าง ๆ มันตื่นเต้น สนุก ระทึก Dog Fight โคตรมันส์ ดีไซน์ฉากแอ็คชันบนฟ้าได้โคตรสนุก ไร้ที่ติมาก 

ฉากจากหนัง ภาพยนตร์ Top Gun : Maverick
ที่มาภาพ : imdb.com

และการได้ไปดูเรื่องนี้ในโรง ความยอดเยี่ยมของมันอีกอย่างคือคุณภาพด้านเสียง นี่ขนาดเราดูโรงธรรมดา เสียงเครื่องบินนี่กระหึ่ม เพลงประกอบที่คุ้นหูจากภาคแรกก็มีมาให้เราคิดถึง ดนตรีประกอบก็เข้ากับสถานการณ์และขับอารมณ์ของเรื่องได้เป็นอย่างดี 

Top Gun : Maverick คือหนังที่ดีงามที่ส่วน ติดเรื่องประเด็นความสัมพันธ์ของ Maverick กับ Goose นิดเดียว นิดแบบนิดเดียวเท่านั้น นอกนั้นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เป็นหนังที่โคตรประทับใจที่สุดแห่งปีค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) เลยทีเดียว

ตัวอย่างหนัง ภาพยนตร์ Top Gun : Maverick

อันดับ 1 ซีรีส์ WEDNESDAY

โปสเตอร์ซีรีส์ Wednesday
ที่มาภาพ : imdb.com

ที่ต้องมี 11 เรื่องในลิสต์นี้ก็เพราะว่าต้องแทรกให้ซีรีส์เรื่องนี้เลย ซีรีส์ Wednesday ที่เข้าฉายทาง Netflix เป็นซีรีส์ที่ดูแล้วถูกจริตมาก เพลิดเพลินจนหยุดไม่ได้เลยทีเดียว

Wednesday Addams คือตัวละครจากแฟรนไชส์ Addams Family ที่เคยถูกทำเป็นการ์ตูน อนิเมชัน หนัง มาหลายรอบแล้ว แต่คราวนี้หยิบเอาตัวละครอย่าง Wednesday มาชูโรงนำเรื่องราวต่าง ๆ โดยมีตัวละครอื่น ๆ จากแฟรนไชส์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมด้วยตัวละครใหม่ ๆ ที่สร้างสีสันให้เรื่องราวได้เป็นอย่างดี 

Jenna Ortega ในบท Wednesday Addams จากซีรีส์ Wednesday
ที่มาภาพ : imdb.com

สิ่งที่ทำให้โคตรประทับใจเรื่องนี้อย่างแรกคือตัวละคร Jenna Ortega ผู้รับบท Wednesday Addams น้องทำให้เราตกหลุมรักตั้งแต่ Ep แรก และยิ่งยกระดับความน่ารักขึ้นไปภายใต้ฟิลเตอร์อันดำมืดของเธอจนทำให้เราตกหลุมรักไปจนจบซีซั่นเลยทีเดียว รวมถึงตัวละครอย่าง Enid Sinclair ที่แสดงโดย Emma Myers ขั้วตรงข้ามสุด ๆ กับ Wednesday ก็สาดสีสันฉูดฉาดด้วยความน่ารักล้น ๆ มาให้คนดูอย่างเรายิ้มได้ตลอดทั้งเรื่องเช่นกัน และความต่างกันสุดขั้วนี่แหละ ทำให้เคมีของทั้งสองคนเข้ากันได้เป็นอย่างดี แถมยังสร้างรอยยิ้มให้เรื่องได้ดีมาก ๆ เช่นกัน

Jenna Ortega และ Emma Myers จากซีรีส์ Wednesday
ที่มาภาพ : imdb.com

ความประทับใจต่อมาคือบทพูดต่าง ๆ ที่คงเอกลักษณ์ความเป็นตระกูล Addams ได้เป็นอย่างดี เช่น ตอนแรกที่ Morticia Addams ถาม Wednesday ว่าประวัติจะเป็นยังไงถ้าโดนคดีพยายามฆ่า เธอก็ตอบกลับไปว่า "ด่างพร้อย ทุกคนจะรู้ว่าหนูปิดจ๊อบไม่สำเร็จ" หรือคำพูดอะไรพวกนี้ที่มีตลอดทั้งเรื่อง นับว่าเป็นเสน่ห์ของซีรีส์นี้จริง ๆ เพราะมันคงความดาร์คแบบเรียกเสียงหัวเราะได้ และยังมาถูกที่ถูกเวลาถูกจังหวะ คงสไตล์ความเป็น Addams Family ได้เป็นอย่างดี

ความประทับใจต่อเนื้อเรื่องก็ทำให้เราอยากติดตามต่อ กับการตามหาความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตามหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังการจ้องเล่นงาน Wednesday, ตัวจริงของสัตว์ประหลาด, นิมิตที่ตัวเธอเห็น, การผูกมิตรสานสัมพันธ์ของตัวละคร, ปัญหาครอบครัว และอีกมากมายที่หล่อเลี้ยงทำให้เราอยากดูต่อจนจบ

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา มันจะมีอะไรให้ไม่ประทับใจล่ะ เนี่ยต้องเพิ่มมา 11 เรื่องเพราะซีรีส์นี้เลยจริง ๆ และหวังว่าจะมีซีซั่นต่อนะอยากดูมากถึงมากที่สุด แต่ในตอนจบเหมือนก็มีแยป ๆ ให้คนดูดีใจเล่นเหมือนกันนะ กับฉากที่ Xavier ถาม Wednesday ว่า "เทอมหน้าจะกลับมาไหม" แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตอบ แต่ Xavier ก็พูดออกมาว่า "กลับ ไม่กลับ ไม่แน่" พูดเอาไว้ได้น่าลุ้นดีเหมือนกัน แต่ก็มีการประกาศยืนยันออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่ามีต่อในซีซั่น 2

ตัวอย่างซีรีส์ Wednesday