กลับมาอีกครั้งกับ Rockman 11 (หรือฝั่งอเมริกาจะเรียกว่า Mega Man) เกมส์ภาคล่าสุดของซีรีย์แนวแพลตฟอร์มเมอร์ขวัญใจเกมเมอร์รุ่นเดอะทั้งหลายที่ยังคงอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ที่ห่างหายจากวงการไปนานถึง 8 ปี ซึ่งการหวนคืนสู่วงการในครั้งนี้ก็ซ้ำยังเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของแฟรนไชส์ไปในตัวอีกด้วย
และด้วยอายุที่มากขึ้น แน่นอนว่าตัวเกมส์ในภาคล่าสุดนี้ ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ายุคเข้าสมัย แต่ในขณะเดียวกัน "ความท้าทาย" อันเป็นเสน่ห์ ตัวตนและจิตวิญญาณของ Rockman ตลอดมา ยังคงอยู่เช่นเดิม ซึ่งผู้เขียนยืนยันสิ่งที่กล่าวมาได้ด้วย Demo ของ Rockman 11 (ขอสักหนึ่งวงเล็บถ้วนในการโม้ว่าผู้เขียนเคลียร์แล้วด้วย!)
ฉะนั้นก่อนตัวเกมส์ฉบับเต็มจะวางจำหน่าย เรามาดูสิ่งที่น่าสนใจ และการเตรียมความพร้อมเบื้องต้นผ่านบทความพรีวิวนี้กันเถอะครับ
สิ่งกีดขวางที่อาจปลิดชีพผู้เล่นได้ทุกเมื่อหากไม่ใช้ความรอบคอบและแม่นยำในการรับมือ
จาก Demo ของ Rockman 11 นี้ สิ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้ในทันทีที่เล่น คือความคลาสสิคของเกมเพลย์ ที่เราจะได้หวนกลับไปสนุกกับการเล่นที่ท้าทายไหวพริบเหมือนในอดีตอีกครั้ง ทั้งเหล่าอุปสรรคในรูปแบบของสิ่งกีดขวางที่ต้องอาศัยการกะและคาดคะเนในการกระโดดหรือหลบข้ามไป, บรรดาศัตรูที่จะมีจังหวะในการโจมตีก่อกวนผู้เล่นไม่ให้ข้ามพื้นที่ต่างๆ โดยสวัสดิภาพ และการปะทะกับศัตรูระดับบอสทั้งหลายที่น่าเกรงขาม ที่พวกมันจะยืนพื้นด้วยพลังโจมตีที่รุนแรง ระยะทำการที่กว้างและหลบหลีกได้ยาก ซึ่งเราจะต้องหาช่องโหว่จากท่าของพวกมัน "ด้วยการจดจำจังหวะและอ่านท่าทาง" ทั้งอาจจะด้วยสัญชาติญาณเกมเมอร์ที่ประสบพบผ่านเกมส์แนวแพลตฟอร์มเมอร์หรือซีรีย์นี้มาแล้วในอดีต และจากการเรียนรู้ด้วยการตายซ้ำตายซากจนชำนาญในที่สุด (ผู้เขียนเป็นอย่างหลังนะ ฮ่าๆ)
ได้อาวุธบอสเมื่อล้มได้ เอกลักษณ์ของ Rockman ที่ทรงอิทธิพลต่อวงการเกมส์!
และหากเราเอาชนะมันได้ ความพยายามและมุ่งมานะของเราก็ยังคงไม่เสียเปล่าเหมือนในภาคที่แล้วๆ มาเพราะเราจะยังคงได้รางวัลตอบแทนค่าเหนื่อยจากการโค่นบอสสุดหินทัั้งหลาย เป็น "พลังและความสามารถของบอสตัวนั้นๆ (แต่ใน Demo ยังมีแค่ Blockman นะ)" ที่ก็จะเป็นตัวช่วยการเล่นในรูปแบบของอาวุธเสริมเช่นเดิม
โดยจากใน Demo ตัวเกมได้ให้เราได้ทดลองอาวุธของบอส 2 ชิ้น เพื่อให้เห็นว่าอาวุธเสริมเหล่านี้ ยังคงมีประโยชน์ในการรับมือกับอุปสรรคและช่วยเหลือการเล่นดั่งที่แล้วๆ มา ทั้ง Scramble Thunder อาวุธที่ได้จากบอส Fuse Man ที่จะสร้างความเสียหายด้วยไฟฟ้า ไล่ไปตามขอบของพื้น และหากทางข้างหน้ามีผนังกั้นปรากฎอยู่ อาวุธชิ้นนี้ก็จะไต่ขึ้นไปตามขอบและทำลายสิ่งกีดขวางในบริเวณนั้น ซึ่งรูปแบบการโจมตีของอาวุธชิ้นนี้ ก็ยังจะเหมาะสมในการนำไปใช้กำจัดศัตรูตัวหนึ่งในฉาก ที่จะมีเกราะป้องกันครอบคลุมเกือบทั้งตัวหมุนรอบตัวของมันที่มีช่องว่างเดียวให้เราสามารถทำความเสียหายใส่มันได้ ซึ่งจริงๆ วิธีการรับมือกับเจ้าตัวนี้ เราจะโดดข้ามก็ได้ กะจังหวะหรือกดชะลอเวลาด้วย Speed Gear แล้วยิงเข้าช่องว่างเดียวนั้นก็ได้ (เดี๋ยว Speed Gear ไว้ไปพูดต่อในระบบใหม่ของภาคนี้) แต่ท่านี้จะสามารถฆ่ามันได้ในทันทีโดยไม่ต้องกะเล็ง
ตายซะ Blockman!
Pile Driver จาก Impact Man ที่จะเป็นการพุ่งโจมตีไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมสร้างความเสียหายจำนวนมากที่ก็ยังสามารถใช้บนกลางอากาศได้ ก็จะมีประโยชน์กับจังหวะที่เราอยากจะเคลื่อนที่ข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเคลียร์อุปสรรคที่อยู่ข้างหน้าไปในตัว ซึ่งผู้เขียนก็ใช้ท่าของอาวุธนี้ในการเข้าประชิดตัวบอส Blockman และปราบมันลงในจังหวะการต่อสู้ช่วงสุดท้าย
และจริงๆ ใน Demo ตัวนี้ เราจะได้ทดลองอาวุธบอสอีกหนึ่งชิ้น นั่นคืออาวุธที่ได้จากบอส Blockman ที่แน่นอนว่าเงื่อนไขการได้มา ก็ต้องทำตามธรรมเนียมของซีรีย์ คือต้องโค่นมันลงให้ได้ ซึ่งอาวุธที่เราได้จาก Blockman จะมีชื่อว่า Block Dropper ที่จะเป็นการสร้างบล็อกหินลงมาเหนือฉากและตกลงมาทำการโจมตีในระยะกว้าง
Speed Gear ที่สามารถชะลอเวลาให้ช้าลงได้
จากองค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวไป จะเห็นได้ว่า Rockman 11 เป็นการกลับมาทั้งในแง่ของการนำเสนอภายนอกที่มีกลิ่นอายของซีรีย์และความท้าทายของเกมส์ที่ถูกใจเกมเมอร์รุ่นเดอะทั้งหลายอย่างครบครัน แต่ทั้งนี้ตัวเกมส์ก็ได้พยายามผูกมิตรกับเกมเมอร์ยุคใหม่ด้วย "Double Gear" ระบบช่วยเหลือการเล่นใหม่ที่ยืดหยุ่นและพลิกแพลงใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์ที่มีติดตัวรอคแมนมาตั้งแต่เริ่มต้นไม่ต้องไล่ล่าหามาจากบอส
Double Gear จะให้เราได้เลือกสับเปลี่ยนความสามารถเสริมทั้งสองระหว่าง Speed Gear ที่จะเป็นการชะลอเวลาทุกอย่างในฉากรวมทั้งตัวละครของเราแบบชั่วขณะ ที่มันจะเป็นเหมือนช่วงเวลาให้เราได้พักหายใจและตัดสินใจว่าจะแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าแบบไหน เช่น เราอาจจะเลือกใช้ในการหลบหลีกท่าโจมตีแรงสูง หรือใช้การกะจังหวะกระโดดข้ามไปยังพื้นที่ต่อไป ในขณะที่ Power Gear จะเด่นชัดด้านการสร้างความเสียหายที่จะให้จำนวนของท่าโจมตีออกมาเป็นสองเท่าและหรือแรงขึ้นเป็นสองเท่า และหากผู้เล่นมีพลังชีวิตอยู่ในขั้นต่ำ เราจะสามารถใช้ความสามารถทั้งสองได้พร้อมกันเพื่อแก้ตัวและพลิกสถานการณ์ในตอนนั้นได้
การที่อาวุธและระบบเหล่านี้ เห็นผลและเกื้อกูลการเล่นอย่างชัดเจน พร้อมกับที่ซีรีย์ Rockman ได้ให้อิสระกับเราในการตัดสินใจเลือกเคลียร์บอสตัวใดก่อนก็ได้ตามใจเรา จะเคลียร์บอสที่เรารู้สึกว่าง่ายสุดไปหาตัวที่ยากสุด เลือกไล่เคลียร์เอาพลังบอสที่ตัวต่อไปแพ้ทาง หรือหากเราจำจดและเรียนรู้ทุกอย่างในเกมส์จนชำนาญมากพอ การใช้เพียงการโจมตีเริ่มต้นอย่างเมกาบัสเตอร์ ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเล่นจนจบได้ (แต่ผู้เขียนทำไม่ได้นะบอกไว้ก่อน ไม่ได้เซียนขนาดนั้น ฮ่าๆ)
การผสมกันที่ลงตัวของอิฐหินและสิ่งปลูกสร้างชาวอิยิปต์ของฉากบอส Blockman
แม้แฟรนไชส์ Rockman จะมีอายุอานามมามากกว่า 30 ปี แต่นี่คือภาคแรกของซีรีย์ Rockman ที่เปลี่ยนงานภาพจาก 8 bit เป็นกราฟิก 2.5 มิติ ที่เพิ่มความนูนของพื้นผิววัตถุหรือเอฟเฟคของวัตถุต่างๆ แสงเงาที่ไล่น้ำหนักได้สวยตามประเภทของกราฟฟิก แต่การเล่นยังคงเป็นไซด์-สกอร์ (Side-Scroll) "ที่มีการบังคับสมบูรณ์แบบตามเดิม" (หรือว่าเขาเข็ดจาก Rockman X7...)
การควบคุมและ Hitbox ที่แม่นยำ นี่แหละคือเสน่ห์ของ Rockman และเกมส์ในอดีต
เพราะจากที่ได้ทดสอบในตัว Demo เกมส์ภาคนี้ยังมีการควบคุมตัวละครไปจนถึง Hitbox ของวัตถุในเกมส์ที่แม่นยำและเถรตรงเช่นเดิม เรายังจะได้เฉียดฉิวจากการกระโดดหลบการโจมตีของศัตรูเช่นเดิม ได้รอดตายจากการกระโดดไปยังพื้นที่ชันสูงขั้นต่อไปแบบหวุดหวิด หรือแม้แต่การตายในจุดที่ไม่ควรจะต้องมาตายเพียงเพราะเราเผลอเรอหรือคาดคะเนผิดเพียงพื้นที่ไม่กี่เซนต์
นอกจากนี้การออกแบบฉากก็ยังเป็นอะไรที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของความเป็น Rockman ที่ทั้งฉากจะเป็นมีคอนเซปต์ที่สอดคล้องกับบอสใหญ่ของด่านนั้นๆ ยกตัวอย่างที่ชัดเจนเลยคือด่านของ Blockman ที่เป็นการนำอิฐหินมาผสมเข้ากับสิ่งก่อสร้างของชาวอียิปต์ ไล่ตั้งแต่วัตถุประกอบฉากทั้งพื้นที่ที่เราใช้ในการข้ามผ่าน กลไกกับดักที่เราต้องหนีให้ทันในฉาก ศัตรูและฉากการเล่นของเกมส์ที่มีส่วนประกอบของอิฐที่มีลวดลายเป็นอักขระโบราณของชาวอียิปต์
ความยากของอุปสรรคที่ต้องใช้ความอดทนในการเรียนรู้จดจำ ทางเลือกในการเล่น ดีไซน์ของฉาก ทั้งหมดที่กล่าวมาคือเสน่ห์และจุดเด่นของซีรีย์ Rockman ที่ภาค 11 นี้ ก็ยังคงถูกประจุไว้อยู่ในสุญญากาศที่รอให้เราได้เปิดฝาของวันวานความสนุกและความท้าทายผ่านความอิสระนี้อีกครั้งในวันที่ 2 ตุลาคมที่จะถึงนี้ทุกแพลตฟอร์มคอนโซลของยุคอย่าง PlayStation 4, Xbox One, Nintendo Switch และ PC
|
ทำไมไม่เรียกแมว! รักหนัง รักเกม ร๊ากกทุกคนนน ~ <3 |