หลังจากที่ค่ายเพื่อนบ้านในวงการกล้องถ่ายรูป ทยอยส่งกล้อง Full-Frame Mirrorless ลงสนามไปกันเกือบครบแล้ว ในที่สุดค่ายหนอน (ชื่อเล่นของค่าย Canon) ก็ประกาศเปิดตัว Canon EOS R กล้อง Full-Frame Mirrorless ตัวแรกของค่าย ลงสู่สนามกับเขาบ้าง โดยมาพร้อมกับเมาท์เลนส์ตระกูลใหม่ RF ที่ทางค่ายเคลมว่าจับโฟกัสได้รวดเร็ว
ตัวกล้อง Canon EOS R มาพร้อมกับสเปคแบบจัดเต็มไม่มีอั้นทั้ง เซ็นเซอร์ Full-Frame CMOS ความละเอียด 30.3 ล้านพิกเซล ที่พัฒนาประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นในเรื่องการรับแสง, เทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF ที่โฟกัสได้ฉับไวใน 0.05 วินาที มีจุดโฟกัสเลือกได้ 5,655 ตำแหน่ง และการจับโฟกัสในที่แสงน้อยได้ถึง EV -6 ฯลฯ โดยทางค่ายหนอนวางตัวกล้อง EOS R ไว้ให้อยู่ในระดับ Sami-Pro (เทียบเท่า 5D mark iv) สำหรับสู้ศึกสงครามกล้อง Full-Frame Mirrorless ที่ดุเดือด
ทางทีมงาน Thaiware ได้รับเชิญให้ไปทดลองสัมผัสตัวกล้อง EOS R ในวันงานเปิดตัวและเห็นว่าน่าสนใจดี ก็เลยเก็บข้อมูลมาแชร์ให้เพื่อนๆ ผ่านบทความพรีวิวชิ้นนี้ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มารับชมกันเลย
ตามที่เห็นในสเปคด้านบน EOS R มีสเปคที่จัดได้ว่าแจ่มเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ชิปประมวลผลภาพ Digic 8 รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการปรับปรุงเรื่อง ISO ให้สามารถเพิ่มได้มากขึ้น หรือการบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 30p/25p และการถ่ายภาพแบบต่อเนื่อง 8 ภาพ / วินาที, มีเทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF พร้อมกับ Eyes Dtection AF ระบบจับโฟกัสที่ตาใช้ได้ทั้งโหมดภาพนิ่งและวิดีโอ, มีจุดออโต้โฟกัสที่มากถึง 5,655 จุด ครอบคลุมจุดโฟกัสแนวตั้ง 100% และแนวนอน 88% ช่วยให้การจัด Composition ก่อนถ่ายภาพสะดวกขึ้น นอกจากนั้นขนาดตัวบอดี้ก็เล็กลงกว่า DSLR แต่ก็ยังคงความรู้สึกจับถือถนัดมือเหมือนเดิม
หลังจากที่ผู้เขียนได้ทดลองสัมผัสตัวกล้อง EOS R ในวันงานเปิดตัว ก็รู้สึกได้เลยว่าถึงจะเป็น Mirrorless แต่ให้สัมผัสการจับถือเหมือนกับกล้อง DSLR ไม่มีผิด ด้วยขนาดกริปที่ลึก จับกระชับมือมากๆ ทั้ง 4 นิ้ว (ชี้ กลาง นาง ก้อย) เห็นว่าตัวบอดี้ทำจากแมกนีเซียมอัลลอย และซีลกันฝุ่นกันน้ำด้วย น่าจะสมบุกสมบัน พาไปถ่ายงานโหดๆ ได้เลย
ตัวปุ่มกดต่างๆ ก็อยู่ในระยะของนิ้วโป้งและนิ้วชี้ มีวงแหวนเปลี่ยนโหมด / ปรับรูรับแสง และจอแสดงการตั้งค่ากล้อง ที่ฝั่งขวาบน ทำให้ถือกล้องพร้อมกับปรับการตั้งค่าได้ด้วยมือขวามือเดียว
นอกจากนี้สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว่ามันแจ่มมากเลยก็คือ Multi-Function Bar แถบสัมผัสซ้ายหรือขวา สำหรับเรียกใช้ฟังก์ชั่นที่ตั้งไว้ได้สะดวกมากๆ แค่เอานิ้วแตะแล้วเลื่อนไปเลื่อนมาเท่านั้น
สัดส่วนตัวกล้องผู้เขียนว่าค่อนข้างใหญ่ไปสักนิด ถ้าเล็กลงอีกนิดน่าจะดีมากเลย ส่วนน้ำหนัก EOS R ก็อยู่ที่ 660 กรัม หากเทียบกับตัว DSLR ที่ทางแคนอนจัดไว้ให้อยู่ในระดับเดียวกันอย่าง 5D mark IV ก็ถือว่าเบากว่ามาก เพราะ 5D mark IV หนัก 890 กรัม ซึ่งห่างกันอยู่ที่ 230 กรัม (หนักเท่ากับผักกาดดองตรานกพิราบ 1 กระป๋อง) แน่นอนว่าน้ำหนักที่หายไป ช่วยลดภาระของแขนและไหล่ได้มากสำหรับช่างกล้องที่ต้องสะพายกล้องทั้งวัน
ส่วนการโฟกัสก็รวดเร็วตามที่เขาเคลมไว้ จากที่ลองใช้ก็รู้เลยว่าจุดโฟกัสที่เขาบอกว่ามีมากถึง 5,655 จุด ครอบคลุมแนวตั้ง 100% และแนวนอน 88% เนี่ย มันช่วยให้เวลาเราจัด Composition ง่ายขึ้น อยากให้โฟกัสตรงไหนก็จิ้มไปเลย โดนทุกจุดแน่นอน และไวมากด้วยนะ
เรื่องการโฟกัส EOS R มีระบบโฟกัสที่ดวงตาสำหรับการถ่ายแนว Portrait ทั้งโหมดภาพนิ่งและวิดีโอ มันจะทำงานเฉพาะครึ่งตัวเท่านั้น ถ้าเป็นแบบเต็มตัวมันจะเป็นการจับโฟกัสที่หน้าแทน ซึ่งการโฟกัสก็เข้าเป้าในระดับดีเลย ทั้งแบบที่ตัวแบบยืนเฉยๆ หรือตัวแบบกำลังขยับตัว
สำหรับเรื่องของคุณภาพไฟล์ของ EOS R ทางพนักงานเขาไม่อนุญาตให้เสียบเมมโมรี่การ์ดกับตัวกล้องด้วยเหตุผลบางอย่าง จึงทำให้ไม่มีรูปภาพนิ่งหรือวิดีโอมาให้รับชมกัน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
หน้าเมนูการตั้งค่าของ EOS R ก็คล้ายๆ หน้าเมนูของกล้องรุ่น 5D Mark IV ที่ดูสะอาดตา แบ่งตามหมวดหมู่หลัก และหน้าเมนูย่อย
คนที่เคยใช้งานกล้อง Mirrorless มาคงจะเข้าใจกันดีว่าเวลาเปลี่ยนเลนส์ต้องระวังเรื่องฝุ่นเข้าไปเกาะที่เซ็นเซอร์ แต่เจ้าตัวนี้แตกต่างกัน เพราะว่าเวลาถอดเลนส์ออกม่านชัดเตอร์จะถูกปิดลงมาทำให้ไม่เห็นเซ็นเซอร์ภายใน ซึ่งนี่ช่วยป้องกันฝุ่นได้ในระดับหนึ่งเลย
สำหรับแบตเตอรี่ของ EOS R ก็มีขนาดความจุเท่าๆ กับกล้อง DSLR เลย นั่นก็คือ LP-E6N 1865 mAh ที่ใช้กับกล้อง EOS ตระกูล Sami-Pro ทั้งหลาย เช่น 5D, 6D, 7D, 70D, 80D ฯลฯ เรื่องความอึดของแบตฯ ก็ใช้ได้นานพอสมควรเลย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ก็มีให้ทั้ง ช่องเสียบไมค์, ช่องเสียบหูฟังมอนิเตอร์, ช่อง Mini HDMI, micro USB, และช่องเสียบสายลั่นชัดเตอร์
เมาท์เลนส์รุ่นใหม่ในตระกูล RF ที่เปิดตัวพร้อมกันมีทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ RF 24-105mm f/4L IS USM มีกันสั่น 5 stop ในตัว, เลนส์ฟิคระยะนอลมอลรูรับแสงกว้าง RF 50mm f/1.2L USM, เลนส์ซูมรูรับแสงไม่ไหล RF 28-70 f/2L USM และเลนส์ฟิคมาโคร ค่าตัวย่อมเยาว์ RF 35 f/1.8 MARCRO IS STM โดยทั้งหมดมีราคาค่าตัวดังนี้
เลนส์ที่มีรหัส L (Luxury) ในตระกูล RF มาพร้อมกับเทคโนโลยี Control Ring หรือวงแหวนปรับการตั้งค่าต่างๆ ผ่านตัวเลนส์ เช่น ถ้าตั้งไว้ให้เป็นการปรับ ISO แค่เราบิดมันก็เปลี่ยนค่าให้ทันที หรือจะเป็นค่าสปีดชัดเตอร์ก็ได้ ซึ่งสะดวกสุดๆ สำหรับการถ่ายรูปในสภาพแสงที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ตามภาพที่เห็นด้านบน
โดยตำแหน่งของ Control Ring อยู่ในจุดนอกสุดของตัวบอดี้เลนส์ (ใกล้ๆ กับวงแหวนขอบแดง) ซึ่งจะทำให้ตัวเลนส์มีวงแหวนมากขึ้น 1 วง เท่ากับว่าเลนส์ซูม (Zoom) และคิท (Kit) จะมี 3 วง ส่วนเลนส์ไพรท์มหรือเลนส์ฟิคจะมี 2 วง เวลาใช้งานจริงก็ค่อนข้างสะดวกเลย เพราะมือซ้ายต้องจับเลนส์อยู่แล้ว แค่เลื่อนไปทางด้านหน้าเลนส์นิดหน่อยก็ปรับได้
แต่สำหรับคนที่มีเลนส์ตระกูล EF อยู่แล้ว แต่ไม่อยากเปลี่ยนเป็นเลนส์ RF ใหม่ หรือเลนส์ระยะเลนส์ RF ยังไม่ตอบโจทย์ ค่ายหนอนก็มี Mount Adapter สำหรับแปลง EF เป็น RF มาวางจำหน่ายพร้อมกัน 3 รุ่น 3 ราคา 3 ความสามารถ ได้แก่
จะเห็นว่านอกจากตัวแปลง Mount Adapter EF-EOS R ธรรมดาแล้ว ยังมีอีกสองรุ่นนั่นก็คือ Control Ring Mount Adapter ที่มีวงแหวน Control Ring อยู่ในตัวทำให้สามารถใช้งานฟังก์ชั่นได้ และ Drop-in Filter Mount Adapter ที่ถอดเปลี่ยน Filter ภายในตัว Adapter ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Battery Grip และ Flash อีกด้วย ไปดูราคากันเลย
สำหรับการพรีวิวกล้อง EOS R ฟูลเฟรมมิลเลอร์เลสตัวแรกของค่าย Canon ก็คงจะจบลงแต่เพียงเท่านี้ หากมีโอกาสทางไทยแวร์จะมารีวิวการใช้งานจริงให้ดูอีกทีนะครับ คงต้องขอตัวลากันไปก่อน สวัสดีครับ
|
How to .... |