|
|
อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับใครที่อยากเล่นมือถือกล้องหน้าป๊อปอัพ แต่อยากลดค่าตัวจาก Vivo V15 Pro ลงมาหน่อย ซึ่ง Vivo V15 รุ่นตัดสเปคลงมาก็น่าสนใจไม่น้อย ด้วยราคาที่ถูกลงมาอีก 4,000 บาท (10,990 บาท) แต่ก็ได้ดีไซน์เดียวกับรุ่นท็อปอย่าง Vivo V15 Pro เลย พร้อมหลายๆ ฟีเจอร์ที่ยังคงมีให้ใช้งานกันอยู่
อุปกรณ์ภายในกล่องของ Vivo V15 ก็จะเหมือนกับ Vivo V15 Pro ซึ่งประกอบไปด้วย
Vivo V15 ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่ถูกตัดสเปคลง แต่ก็มีดีไซน์แบบเดียวกับ Vivo V15 Pro เลย ทั้งหน้าจอแบบไร้รอยบากด้วยกระจก Gorilla Glass 5 (ที่มีขนาดใหญ่กว่า V15 Pro อีกด้วย) กล้องหน้าแบบป๊อปอัพ กล้องหลัง 3 เลนส์ ผิวบอดี้ด้านหลังสี Topaz Blue เล่นกับแสง ที่ซ่อนลวดลายเอาไว้ (ในส่วนของเครื่องสีแดง ในรุ่น V15 จะมีสีที่สว่างกว่า V15 Pro) มีปุ่มซอฟต์คีย์ต่างๆ รวมทั้งปุ่มเรียกผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi ให้ใช้งานกัน ส่วนที่แตกต่างกัน ก็จะประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์สแกนนิ้วด้านหลังตัวเครื่องที่มาแทนการสแกนบนหน้าจอ ช่องเสียบรูหูฟัง 3.5mm และถาดซิม ที่ถูกยุบรวมเหลือถาดเดียว 3 ช่อง (2 nanoSIMs + 1 microSD)
จอ Gorilla Glass 5 แบบไร้รอยบาก ช่วงล่างหนาหน่อย แต่โดยรวมก็ดูเต็มตา สวยดี
บอดี้ด้านหลังดีไซน์เดียวกับ V15 Pro ต่างที่มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วหลังตัวเครื่อง
พอร์ต microUSB และช่องเสียบหูฟังอยู่ด้านล่างตัวเครื่อง
ถาด nanoSIMs และ microSD รวมอยู่ในช่องเดียว
Vivo V15 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9 บนพื้นฐาน Android 9.0 Pie เช่นเดียวกับรุ่น V15 Pro มีรูปแบบการใช้งานที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น การเรียกดูแจ้งเตือน เมนูลัด ปุ่ม Navigation Keys มีผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi มีระบบชาร์จด่วน Dual-Engine Fast Charging รวมทั้งฟังก์ชั่น Game Cube สำหรับจัดสรรทรัพยากรเครื่องให้สามารถเล่นเกมส์ได้ไหลลื่นขึ้น ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
สำหรับกล้องหน้าป๊อปอัพของ Vivo V15 จะมีความละเอียด 32 ล้านพิกเซลเท่ากับรุ่น Pro ส่วนกล้องหลังก็มีลูกเล่นต่างๆ รวมทั้งการใช้งานเหมือนกับรุ่น Pro จะต่างกันตรงที่ รุ่นนี้รองรับความละเอียดสูงสุดเพียง 24 ล้านพิกเซลเท่านั้น (แต่ก็มีโหมดการถ่ายภาพ 48MP ให้เปิดใช้งาน) ส่วนฟังก์ชั่นอื่นๆ ก็มีให้ใช้งานไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายมุมกว้าง ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ปรับแต่งรูปร่าง (AI Shaping) หรือโหมดช่วยจัดองค์ประกอบ (AI Portrait Framing) ซึ่งรูปที่ถ่ายออกมา ก็ค่อนข้างน่าประทับใจ ในสมาร์ทโฟนระดับราคานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกล้องเซลฟี่
ภาพตัวอย่างจากกล้องของ Vivo V15
เลนส์มุมกว้าง นำมาถ่ายวิวต่างๆ ก็ดูมีพลังกว่าเลนส์ระยะปกติ ส่วนการถ่ายภาพในที่แสงน้อย อย่างเช่นภาพวัว ในสภาพแสงจริง จะอยู่ในร่ม ซึ่งทำให้เกิดเงาบนพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาพ ก็ถูกกล้องเพิ่มขึ้นมาให้แสงพอดีและมีรายละเอียดครบถ้วน ส่วนภาพเซลฟี่ก็มีโหมดบิ้วตี้ ที่ถ่ายยังไงก็สวยหน้าเนียนใสกิ๊ก สีสันของทุกภาพก็ดูสดใส
ถึงแม้ว่า Vivo V15 จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต MTK Helio P70 แต่จากการที่เราได้ทดสอบกับทั้งเกมส์ฮิตอย่าง ROV และ PUBG Mobile ก็พบว่าเล่นได้ดีในระดับหนึ่งเลย (ถึงอาจจะไม่ดีมากเท่ากับสมาร์ทโฟน CPU แรงๆ หลายรุ่น แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร) โดยทั้ง 2 เกมส์อาจจะใช้เวลาโหลดสักพักหนึ่ง อย่างใน PUBG Mobile ที่เกาะตอนเริ่มเกม จะมีอาการค้างอยู่พักหนึ่ง อาจเป็นเพราะตัวละครผู้เล่นในด่านมีจำนวนมากเกินไป แต่ระหว่างการเล่นกลับไม่พบปัญหานี้ (อาจเพราะไม่ค่อยเจอตัวละครเยอะๆ พร้อมๆ กัน) ส่วน ROV เวลาเข้าทีมไฟต์ ก็ไม่พบปัญหาตัวเกมส์ค้างอะไร
สำหรับการตั้งค่า ROV สามารถตั้งภาพ HD และเปิดโหมดเฟรมเรตสูงได้ ส่วน PUBG Mobile สามารถเปิดความละเอียดสูงสุดได้ที่ HD และเปิดเฟรมเรตสูงได้เช่นกัน
ถึงสเปคจะต่างกันเล็กน้อย แต่โดยส่วนตัวเราว่าทั้งดีไซน์ การใช้งานต่างๆ กลับไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่สำหรับทั้ง 2 รุ่นนี้ น่าจะอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนเสียมากกว่า เช่น ชอบ CPU ค่ายไหน?, อยากได้สแกนนิ้วบนจอมั้ย? หรือถนัดช่องหูฟังฝั่งไหน? เป็นต้น สำหรับใครที่กำลังเล็ง Vivo V15 series นี้อยู่ ผมก็หวังว่ารีวิวนี้ จะช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
|
... |