Godzilla หรือ Gojila นามเรียกขานของราชาแห่งสัตว์ประหลาด หนึ่งในไคจูที่มีชื่อเสียงที่สุดตัวหนึ่งของญี่ปุ่น เรียกได้ว่ามันกลายเป็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นไปแล้วก็ไม่ผิด แถมมันยังโด่งดังไปไกลระดับโลก เรียกได้ว่าแค่พูดชื่อไป ใครหลายคนก็ต้องรู้จัก ถึงแม้ไม่รู้จักก็ต้องเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง ถ้าเราย้อนไปแต่แรก ต้นกำเนิดของมันมาจากที่ญี่ปุ่น ถูกสร้างโดย Tomoyuki Tanaka (โทโมยูกิ ทานากะ) ภายใต้บริษัท TOHO มันปรากฏตัวครั้งแรกในปี 1954 จุดมุ่งหมายในการสร้างเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากย้ำเตือนคนญี่ปุ่นให้เห็นถึงความน่ากลัวของการทำลายล้างด้วยอาวุธนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นเคยโดน
ด้วยความยิ่งใหญ่และโด่งดังของมัน จึงได้ถูกนำมาสร้างเป็นหนังสือการ์ตูน อนิเมะ เกม และหนังมากมายหลายเรื่อง เป็นสิบๆ รอบ และล่าสุดที่กำลังจะเข้าโรงในวันที่ 30 พฤษภาคม 2019 นี้ อย่าง Godzilla: King of the Monster ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องที่ 3 ในจักรวาล MonsterVerse ที่มี King Kong จาก Kong: Skull Island อยู่ด้วย! และนับเป็นภาคที่ 2 ต่อจาก Godzilla ในปี 2014 ซึ่งจักรวาล MonsterVerse นี้เราจะได้เห็นการครอสโอเวอร์กันแน่นอนกับการปะทะกันของสองผู้ยิ่งใหญ่ใน Godzilla vs. Kong จริงๆ เรื่องราวของ Godzilla: King of the Monsters ได้ถูกพูดถึงตั้งแต่ฉากหลัง End-Credit ใน Kong: Skull Island แล้ว
ฉากหลัง End-Credit ใน Kong: Skull Island
เรื่องราวใน Godzilla: King of the Monsters จะมีการปรากฏตัวของเหล่า Monster หรือ ไคจูหลากหลายตัวไม่ว่าจะเป็น Mothra, Rodan, King Ghidorah และยังมีตัวอื่นๆ จากตัวอย่างที่เราไม่เห็นแน่ชัดว่าเป็นตัวอะไร แต่มีแน่นอน ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะมีมากกว่านี้ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น เรามาทำความรู้จักกับเหล่า Monster หรือไคจูจากเรื่อง Godzilla: King of the Monsters กันสักหน่อยดีกว่า ถ้าพร้อมแล้่ว ไปลุยกันเลย!
มาเริ่มกันที่ตัวแรก พระเอกของเรื่องอย่าง Godzilla หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Gojira มันได้รับฉายาว่า King of the Monsters “ราชาแห่งสัตว์ประหลาดทั้งปวง”
ซึ่งมันปรากฏตัวครั้งแรกในปี 1954 และปรากฏตัวอีกหลายครั้ง โดยขนาดและความสูงของมันจะถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย ตามตึกรามบ้านช่อง โดยมันมีต้นกำเนิดและเรื่องราวแตกต่างกันออกไปบ้าง เหมือนกันบ้าง ตามแต่ละยุคสมัย
เป็นยุคต้นกำเนิด Godzilla ตัวแรกสุดของ Godzilla ทั้งปวง ถือว่าเป็นต้นฉบับให้กับภาคหลังๆ ต่อมาอีกหลายภาค เพราะมันรวมทุกการปรากฏตัวของคู่ปรับ Godzilla ทุกตัว แถมก็ยังเป็นยุคที่มีการสร้างและทำหนัง ซีรีส์ ออกมาเยอะที่สุดในทุกยุคเลยก็ว่าได้ โดย Godzilla ในยุคนี้จะเป็นสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ที่จำศีลอยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิก แต่ก็ตื่นขึ้นมาอาละวาดจากเงื้อมมือมนุษย์จากการทดลองนิวเคลียร์ จนมันออกมาอาละวาดที่ญี่ปุ่นจนราบเป็นหน้ากอง
Godzilla ในยุคนี้จะมีต้นกำเนิดแตกต่างจากยุคแรกตรงที่ มันเป็นไดโนเสาร์ที่มีชื่อพันธุ์ว่า Godzillasaurus และโดนนิวเคลียร์ทำให้กลายมาเป็น Godzilla ซึ่งในยุคนี้ได้ชื่อยุคว่าเป็นยุคแห่งการ VS เพราะในยุคนี้จะมีการต่อสู้ของ Godzilla เยอะมาก เนื้อเรื่องจะไม่เกี่ยวข้องกับทุกภาคที่ผ่านมา ยกเว้นต้นฉบับในปี 1954 เท่านั้น ในยุคนี้นับว่าเป็นภาพจำของ Godzilla ที่ดีที่สุดจากทั้งหมดทุกยุคเลยก็ว่าได้ ซึ่งหลายๆ คนรู้จักเห็นหน้าตามันก็น่าจะมาจากยุคนี้นี่แหละ อีกทั้งเราจะได้เห็นการต่อสู้ของ Godzilla กับคู่ปรับมากมาย ทั้ง Biollante, King Ghidorah, Mothra, Mechagodzilla, SpaceGodzilla และ Destoroyah
ด้วยความโด่งดังและประสบความสำเร็จมากๆ ของ Godzilla ในประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้ทางอเมริกาติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเป็นหนังในปี 1998 ในบ้านตัวเองบ้าง และก็สำเร็จ สุดท้ายหนัง Godzilla ก็ถูกทำขึ้นมา นับว่าเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ Godzilla ในอเมริกา ด้วยฝีมือการกำกับของ Roland Emmerich ที่เคยฝากผลงานไว้ในเรื่อง Independence Day โดยเรื่องราวในภาคนี้มีต้นกำเนิดแตกต่างจากภาคอื่นพอสมควร เพราะมันคืออีกัวน่ากลายพันธุ์ที่โดนกัมตภาพรังสี และมันสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการวางไข่ เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้เราจึงเห็นมันมีหลากหลายตัวเหลือเกิน ซึ่งในเรื่องนี้รูปลักษณ์ภายนอกมันแตกต่างจาก Godzilla ภาคอื่นๆ พอสมควร เพราะมันมีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์เสียมากกว่า ในตอนแรกมันถูกวางไว้เป็นไตรภาค แต่หลังจากหนังถูกฉายออกไปแล้ว มันไม่ค่อยถูกใจแฟนๆ สักเท่าไหร่ จนเหล่าแฟนๆ ขอเรียกมันว่า Zilla พอ มันแย่ถึงขนาดที่ผู้สวมชุด Godzilla ในยุคแรกอย่าง
Haruo Nakajima (ฮารุโอะ นากาจิมะ) ถึงกับเอ่ยปากออกมาว่า “เจ้านี่มันไม่ใช่ Godzilla” ด้วยเหตุนั้นทำให้ความเป็นไตรภาคของมันถูกยกเลิกไปโดยปริยาย แต่มันก็ยังมีเวอร์ชันการ์ตูนทางทีวีออกมาฉายถึง 2 ซีซั่นด้วยกัน
โดยในยุคนี้เรื่องราวจะไม่ต่อกันและเกิดขึ้นคนละไทม์ไลน์ โดยจะมีทั้งหมด 6 เรื่อง แต่ละเนื้อเรื่องจะไม่ต่อกัน ยกเว้น (Godzilla Against Mechagodzilla และ Godzilla: Tokyo S.O.S.) ซึ่ง Godzilla ในยุคนี้ถือกำเนิดขึ้นต้องขอขอบคุณ Godzilla จากทางฝั่งอเมริกาเลยก็ว่าได้ เพราะจากความล้มเหลวไม่เป็นท่านั้น ทำให้ TOHO ต้องเอากลับมาทำใหม่เองซะเลย โดยหลังจากจบ Godzilla: Final Wars ในปี 2004 กับการต่อสู้กับเหล่าศัตรูของ Godzilla ทาง TOHO ก็บอกจะไม่สร้างแฟรนไชส์ Godzilla อีกแล้ว
ผ่านมา 10 ปี และครบรอบ 60 ปีของการกำเนิด Godzilla พอดี ทำให้ทางฮอลลีวู้ด กับค่าย Legendary Pictures คิดจะสร้างจักรวาล Monster ขึ้นมา ก็เลยหยิบนำเจ้า Godzilla เนี่ยแหละมาเป็นตัวเปิดจักรวาลมันซะเลย โดยได้ Gareth Edwards มารับหน้าที่กำกับ
เรื่องราวใน Godzilla ในเวอร์ชัน 2014 ได้ถูกบอกเล่าต้นกำเนิดเอาไว้ว่า Godzilla ถูกทำให้ตื่นขึ้นมาโดยอุบัติเหตุของทางทหารรัสเซียในปี 1954 และในช่วงกลางปีนั้นเอง ทางอเมริกากับรัสเซียก็ร่วมมือกันทดลองขีปนาวุธนิวเคลียร์ในทะเล แต่แท้จริงแล้วมันคือแผนการเพื่อฆ่า Godzilla แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้า Godzilla มันก็รอดชีวิตและหลบซ่อนอยู่ภายใต้ทะเลนับตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งในปี 2014 มันกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากองค์กร Monarch ได้ทำการทดลองปลุกสัตว์ประหลาดสองตัวขึ้นมาโดย 2 ตัวนั้นถูกเรียกว่า M.U.T.O. (Massive Unidentified Terrestrial Organism) จึงเกิดศึกการต่อสู้ของ Godzilla กับ Muto ขึ้น ซึ่งในเวอร์ชันนี้เจ้า Godzilla ดูอ้วนท้วนสมบูรณ์แบบ จนหลายๆ คนอาจเรียกเขาว่าพี่หมีเลยก็ว่าได้ ณ ตอนนั้น มันถือว่าเป็น Godzilla ที่ตัวใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และแน่นอนว่าในการทำใหม่นี้ถึงมันจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันก็ไม่โดนด่าเละเทะเหมือนตอนครั้งแรกในปี 1998 ที่อเมริกาเอามาทำ เพราะเวอร์ชันนี้ยังมีรูปลักษณ์ภายนอกและความสามารถที่เหมือน Godzilla ต้นฉบับด้วย ที่สำคัญคือมีท่า Atomic Breath สุดเท่อันเป็นเอกลักษณ์ให้เหล่าสาวก Godzilla ได้กรี๊ดอีกต่างหาก!
Godzilla vs MUTOs
เนื่องด้วยการประสบความสำเร็จของทางฝั่งอเมริกา ทำให้ค่ายผู้ให้กำเนิด Godzilla อย่าง TOHO ขอหยิบนำแฟรนไชส์ Godzilla กลับมาทำใหม่ ในปี 2016 จึงเกิดหนังที่ชื่อว่า Shin Godzilla ขึ้น หรืออีกชื่อหนึ่ง Godzilla Resurgence โดยให้คำนิยามหนังเรื่องนี้สั้นๆ ว่า่ “ญี่ปุ่น ปะทะ Godzilla” เพราะมันแสดงให้เห็นเลยว่า Godzilla คือภัยพิบัติอย่างแท้จริง โดยเรื่องนี้จะเป็นจุดกำเนิดใหม่ของ Godzilla ที่มาบุกญี่ปุ่นครั้งแรก เราจะเห็นต้นกำเนิดของมันตั้งแต่ยังเล็กๆ จนมันเติบโตไปเป็น Godzilla ที่น่าเกรงขาม ซึ่งเจ้า Godzilla ในเวอร์ชันนี้มันเป็นเวอร์ชันที่น่าเกลียดน่ากลัวที่สุดตั้งแต่เคยมีมา
แต่เท่านั้นยังไม่พอ ทาง TOHO ก็ได้สร้างมันมาเป็นเวอร์ชันการ์ตูน และถูกนำมาฉายทาง Netflix ด้วย มันถูกแบ่งออกเป็น 3 ตอน (Godzilla: Planet of the Monster, City on the Edge of Battle และ The Planet Eater) โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกที่ถูก Godzilla ยึด และมนุษย์ต้องทวงคืนโลกจากมัน!
และล่าสุดมันกำลังจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง และมันต้องมาต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดในตำนานตัวอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ความเป็นราชา ใน Godzilla: King of the Monsters
โดย Godzilla ในแต่ละยุคแต่ละสมัยก็มีลักษณะที่แตกต่างกันพอสมควร บวกกับความสูงและน้ำหนักที่แตกต่างกันด้วย โดย
- Godzilla ในยุค โชวะ สูง 50 เมตร หนัก 20,000 ตัน
- Godzilla ในยุค เฮเซย์ สูงตั้งแต่ 80 เมตร หนัก 50,000 ตัน ไปจนถึง สูง 100 เมตร หนัก 60,000 ตัน
- TriStar Godzilla สูง 60 เมตร หนักประมาณ 50,000 ตัน
- Godzilla ยุค Millennium สูงตั้งแต่ 55 เมตร หนัก 25,000 ตัน ไปจนถึง สูง 100 เมตร หนัก 55,000 ตัน
- Godzilla 2014 (MonsterVerse) สูง 108 เมตร หนัก 90,000 ตัน (เป็น Godzilla ที่อวบอ้วนที่สุด)
- Godzilla 2019 (MonsterVerse) เนื่องจากอยู่มาสักพักก็ต้องสูงขึ้นเป็นธรรมดา เพราะมันสูง 119.8 เมตร หนัก 99,634 ตัน
- TOHO Godzilla Reboot ใน Shin Godzilla สูง 118.5 เมตร หนัก 92,000 ตัน
- และในอนิเมะทาง Netflix มันจะสูงตั้งแต่ 50 เมตร หนัก 10,000 ตัน จนมันอายุ 20,000 ปี ทำให้มันสูง 318 เมตรและหนัก 100,000 ตัน! ทำให้มันเป็น Godzilla ที่ตัวใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยสร้างมา
- ตัว Godzilla เปรียบเสมือนสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สามารถอยู่ในน้ำได้ตลอด และสามารถอยู่บนบกได้สบาย
- ร่างกายของมันสามารถทนต่อการโจมตีทุกรูปแบบได้ดีมากถึงมากที่สุด แม้กระทั่งระเบิดนิวเคลียร์ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งร่างกายของมันยังสามารถรักษาตัวเองได้อีกด้วย
- แทบจะทุกส่วนของร่างกายมันสามารถใช้เป็นอาวุธได้หมด ไม่ว่าจะกรงเล็บ ฟัน หาง หรือหนามที่กลางหลัง
- มันยังมีประสาทสัมผัสที่ไวอย่างน่าเหลือเชื่ออีกต่างหาก
- Atomic Breath เป็นลำแสงสุดทรงพลังสีฟ้า ที่ Godzilla พ่นออกมาจากปาก มันมีพลังทำลายล้างสูงและที่สำคัญมันเท่ด้วยนะ 5555
- Spiral Atomic Ray แต่มันก็มีลำแสงที่ทรงพลังกว่า เมื่อ Godzilla อยู่ในภาวะความเครียดมากๆ มันจะปล่อยลำแสงสีแดงออกมา เป็นพลังทำลายล้างศัตรูที่ทรงอนุภาพที่สุด
มาพูดถึงสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ที่จะมาปรากฏตัวใน Godzilla: King of the Monsters กันดีกว่า จากในตัวอย่างเราจะเห็นการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดหรือไคจูเหล่านั้นที่ชัดๆ เลยก็มี Mothra, Rodan และ King Ghidorah และที่ยังไม่แน่ชัดอีกสองตัวจากฉากทะเลทรายและตัวภูเขา
เรามาเริ่มกันที่ Mothra หรือ Mosura (モスラ) ในภาษาญี่ปุ่น มันได้รับฉายาว่า Queen of the Monster “ราชานีแห่งเหล่าสัตว์ประหลาด”
Mothra มีลักษณะเป็นผีเสื้อ มันโด่งดังพอๆ กับ Godzilla เลยก็ว่าได้ และถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดหรือไคจูฝ่ายดี ที่เป็นมิตรกับมนุษย์ โดยมันปรากฏตัวครั้งแรกในหนังเดี่ยวของตัวเองในปี 1961 ก่อนจะไปปรากฏตัวอยู่ในทุกยุคของ Godzilla
ตามประวัติดั้งเดิม Mothra เป็นเทพธิดาผีเสื้อโบราณที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ชาวพื้นเมืองบนเกาะนั้น และสื่อสารผ่านนักบวชหญิงฝาแฝดที่ถูกเรียกว่า Shobijin มันช่วยปกป้องโลกไว้หลายครั้งจากการรุกรานจากสัตว์ประหลาดหรือไคจูตัวอื่นๆ เช่น King Ghidorah และบางครั้งมันก็ได้ปะทะกับ Godzilla บ้าง โดยมีหลายครั้งที่มันก็ช่วย Godzilla ร่วมกันต่อสู้ด้วยเช่นกัน
- Mothra สามารถบินด้วยความเร็วตั้งแต่ 1-5 มัคในเวลาอันรวดเร็ว
- มันสามารถปล่อยละอองจากปีกของมัน เพื่อทำให้เกิดกระจกแบบ 3 มิติต่อคู่ต่อสู้ของมัน แถมมันยังเป็นพิษอีกด้วย
- มันมีร่างกายที่ทนทาน มันสามารถต้านทานลำแสง Gravity Beams ของ Ghidorah ได้
- สามารถยิงลำแสงเลเซอร์บีมออกจากหนวดของมันได้
- มันสามารถปล่อยกระสุนพิษจากร่างกายของมันได้ด้วย
- Kamikaze Attack มันสามารถเข้าไปเกาะศัตรูแล้วระเบิดตัวเองได้
- อมตะ มันเปรียบเสมือนนกฟีนิกส์ ที่ไม่ว่ามันจะตายกี่ครั้ง มันก็สามารถฟื้นกลับมาในไข่ที่มันวางเอาไว้ได้
Rodan หรือญี่ปุ่นเรียกว่า Radon (ラドン) มันได้รับหลากหลายฉายา ไม่ว่าจะเป็น Fire Demon หรือ The One Born of Fire และ King of the Skies “ราชาแห่งท้องนภา”
Rodan มีลักษณะเป็นนกยักษ์ เป็นสัตว์ที่มาตั้งแต่ในยุคปัจจุบัน มันนอนหลับไหลอยู่ภายในลาวา และถูกปลุกขึ้นจากการขุดเจาะเหมืองแร่ของมนุษย์ มีพฤติกรรมเป็นนักทำลายล้าง และมีความก้าวร้าว ซึ่งไม่แน่ว่ามันอาจจะแค่ป้องกันตัว หรือแท้จริงแล้วอาจเป็นนิสัยตามธรรมชาติของมัน
- ตัวของมันมีไฟลาวาไหลอยู่ภายใน ทำให้มันสามารถทนต่อการโจมตีหลากหลายชนิด
- มันสามารถบินด้วยความเร็วเหนือเสียง
- การกระพรือปีกของมันสามารถสร้างคลื่นพลังทำลายล้างได้
- และแน่นอนมันพ่นไฟได้
King Ghidorah หรือญี่ปุ่นเรียกว่า Kingu Gidora (キングギドラ) มันได้รับฉายาว่า “The one who is Many” และถูกเรียกว่า “Monster Zero” หรือในอีกชื่อหนึ่ง The Devil "ปีศาจ"
King Ghidorah คือคู่ปรับตัวฉกาจของ Godzilla มีลักษณะเป็นมังกรสามหัว สองหาง มีปีกคล้ายค้างคาวขนาดใหญ่ และมีร่างกายเป็นเกร็ดสีทอง
ตามประวัติดั้งเดิม มันเป็นสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่นอกโลกมันจะเดินทางไปทำลายดาวเคราะห์ทุกดวงทั่วทั้งจักรวาล และมันเดินทางมาเพื่อเป้าหมายเดียว “ทำลายโลก” แต่บังเอิญโลกแห่งนั้นมี Godzilla อยู่ เลยทำให้ทั้งสองต้องมาปะทะกัน
- ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยทองซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวนำไฟฟ้าชั้นดี แค่มันบินผ่านก็สามารถสร้างพายุได้เลยทีเดียว อีกทั้งมันยังสามารถยิงกระแสไฟฟ้าจากปลายปีกของมันได้อีกต่างหาก
- และด้วยเหตุนั้น ร่างกายของมันก็ยังทนทานต่ออาวุธทุกรูปแบบ รวมไปถึง Atomic Breath ของ Godzilla ด้วย
- ด้วยปีกของมัน มันสามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงเป็นระยะเวลานาน
- หัวของมันมีความว่องไวมาก สามารถจู่โจมได้เหมือนงูฉก
- Gravity Beams มันสามารถปล่อยลำแสงพลังทำลายล้างสูงสีทองจากปากของมันที่ถูกเรียกว่า Gravity Beams มันมีพลังพอที่จะสามารถทำลายสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนั้น มันอาจจะมีการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดหรือไคจูตัวอื่นๆ อีกก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะได้เห็นการปะทะกันของเหล่าสัตว์ประหลาดหรือไคจูอย่างแน่นอน เมื่อเหล่าสัตว์ประหลาดไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนาน เมื่อสัตว์แต่โบราณกลับมามีลมหายใจ เมื่อราชันมีได้เพียงหนึ่ง มาร่วมเป็นสักขีพยานการต่อสู้สุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ได้ใน Godzilla: King os the Monster
|
สบายสบายให้มันสมายเวลาสบายแล้วจะได้สบายสมาย... :) |