โหดยิ่งกว่ามาราธอน! Ski to Sea งานกีฬาประจำปีแบบผสมที่จัดขึ้นที่เมืองเบลลิงแฮม ประเทศสหรัฐอเมริกา แข่งกันตั้งแต่สกีบนเขายันพายเรือลงทะเล ตามชื่อของงาน ที่รวมระยะทางทั้งหมดถึง 150 กิโลเมตร แถมยังแข่งภายในวันเดียวอีก (ถ้าให้ผมไปแข่งก็คงจอดตั้งแต่ด่านแรก ฮ่าๆ)
ซึ่งในปีนี้ ผมได้มีโอกาสไปชมงานนี้อยู่ แต่สนามแข่งยาวตั้ง 150 กิโลเมตร จะไปตามดูได้ยังไง? โชคดีที่ผมรู้จักกับ "แมรี่" (นามสมมุติ) เพื่อนของเพื่อนผม อาสาจะขับรถพาไปถ่ายรูปกันตลอดงาน ผมและเพื่อนอีกคนก็เลยตัดสินใจว่าจะออกเดินทางกันประมาณ 6-7 โมง เพื่อไปชมงานตั้งแต่เริ่มแบบชิลๆ
แต่ทว่า ... พอถึงวันงาน "คนขับไม่ตื่นครับ" ผ่างงง! กลายเป็นว่าแพลนที่วางไว้ก็คลาดเคลื่อน ซึ่งระยะทางจุดเริ่มต้นมันไกลมาก (อยู่บนภูเขา) จะขับรถขึ้นไปก็ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ก็ไม่น่าจะไหว และกว่าจะได้ออกเดินทางจริงก็ราวๆ 8 โมงกว่า เราเลยเปลี่ยนจุดหมายที่เราไปชม เป็นจุดถัดมาคือ จุด Bike to Canoe แทน (จะลงน้ำอยู่แล้ว) แต่ก่อนจะไปชมบรรยากาศงานที่ผมเก็บภาพมา ผมจะอธิบายรายละเอียดของงานนี้ให้ฟังกันก่อนนะครับ
(วิดีโอตัวอย่างงาน Ski to Sea จาก Channel : Anna Rankin)
Ski to Sea เป็นงานกีฬาเก่าแก่ประจำเมือง เบลลิงแฮม สหรัฐอเมริกา โดยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1973 และจะจัดตรงกับวันหยุดประจำชาติ Memorial Day วันรำลึกทหารผ่านศึกของทุกปี (25 พฤษภาคม) ส่วนอารมณ์งานกีฬานี้จะคล้ายๆ งานวิ่งผลัดแบบไตรกีฬาซึ่งไม่ใช่แค่ 3 แต่เป็นกีฬาผสมถึง 7 ประเภทด้วยกัน และทีมผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมจะมี 3-8 คน ผลัดเปลี่ยนกีฬากันในแต่ละจุดจนกว่าจะถึงเส้นชัย ส่วนรายชื่อกีฬาต่างๆ ที่ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ก็จะมีตั้งแต่
ที่เห็นรายชื่อกีฬาเยอะขนาดนี้ ไม่ได้แข่งคนเดียวนะครับ ทางผู้จัดงานมีกฏว่าให้ลงแข่งอย่างต่ำ 3 คนขึ้นไป เพราะบางกีฬาเช่น พายเรือแคนูจะต้องใช้สองคนพาย ส่วนคนที่สาม จะรออยู่ที่จุดเปลี่ยนเพื่อแข่งกีฬาในด่านต่อไป และนอกจากนี้ยังมีการแบ่งกีฬาเป็น 7 รายการดังนี้
รวมทีมนักกีฬาทั้งหมดจะไม่เกิน 500 ทีมต่อปี และโดยเฉลี่ยแต่ละปีจะมีผู้สมัครเข้ามาประมาณ 300-400 ทีม ครับ
งานเริ่ม 7:30 เช้า - 6:00 เย็น
อันดับแรกผู้เล่นจะเริ่มกีฬาสกีพื้นราบ และแข่งขันไปเรื่อยๆ จนถึงจุดเปลี่ยนกีฬาจุดถัดไป ผู้เล่นคนถัดไปจะรอรับเครื่องติดตาม (สมัยก่อนใช้ไม้บาตอง) เพื่อใช้ในการนับเวลาเมื่อวิ่งผ่านจุดเช็คพอยท์ (Check-Point) จากนั้นก็เข้าสู่กีฬาในด่านต่อไป
แผนที่แสดงจุดเปลี่ยนกีฬาทั้ง 7 จุด
ขอบคุณรูปภาพจาก : skitosea.com
เส้นทางเริ่มจาก เมาท์เบเกอร์ ผ่านเมืองเกลเซียร์, เมเปิ้ลฟอลส์, เคนดัล, เอเวอร์ซอน, ลินเดน, และเฟิร์นเดล จนสิ้นสุดที่เส้นชัยที่สวนมารีนพาร์ค ในเมืองแฟร์ฮาเว่น ที่อยู่ใกล้เมืองเบลลิ่งแฮม เป็นระยะทางกว่า 93 ไมล์ (150 กิโลเมตร) ในหนึ่งวัน
ในตอนสุดท้าย ผู้แข่งขันคนสุดท้ายจะเป็นคนพายเรือคายัก (พายคนเดียวข้ามอ่าวทะเลจากอีกเมืองนึง) มาจนถึงสวนมารีนพาร์ค และสั่นระฆังเพื่อเป็นการสิ้นสุด ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดที่ผู้ชมและทุกคนภายในงานมารอดูผู้ชนะเข้าเส้นชัย
เอาล่ะทีนี้เราได้ฟังรายละเอียดงานคร่าวๆ กันแล้ว
"ทีนี้เราไปดูงานจริงกันเลย"
(เครื่องหมายนั้นคือจุดครึ่งหลังเส้นทางจากภูเขา)
ขอขอบคุณแผนที่จาก : Google Maps
ผมมาถึงที่นี่ประมาณ 10 โมงกว่าๆ ที่จุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนจักรยานเป็นเรือแคนู พอผมเดินตามถนนมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นคนยืนรอกับนักกีฬาแต่ละทีมก็ปั่นจักรยานมาตามทางจนมาถึงป้ายเส้นชัย เสร็จแล้วจะมีนักกีฬาอีกคนวิ่งมารับเครื่องติดตาม (เรียกว่า Chip Timing) วิ่งไปยังจุดเช็คพอยท์ที่เราเห็นตามภาพ
นักกีฬาปั่นจักรยานกว่า 42 ไมล์ (67 กิโล) ปั่นขาลากเลยทีเดียวกว่าจะมาถึง
มีเต้นท์ Aid Station ดูแลเรื่องปฐมพยาบาล ป้องกันไว้ก่อน
ทีมแข่งขันยืนพูดคุยกันระหว่างรอเพื่อนในทีม
เดินต่อลงมาอีกหน่อยก็จะเป็นจุดปล่อยเรือแคนู
ขอขอบคุณแผนที่จาก : Google Maps
มีคุณลุงเดินจูงน้องหมาสองตัวมาดูงานด้วย (พุดเดิ้ลหรือเปล่านะ?)
ทีม 270 (ชื่อทีม Something Ridiculous) กำลังขนเรือแคนูไปรอที่แม่น้ำ
ผมและเพื่อนขับรถและเดินมายังสะพานห่างจากจุดปล่อยเรือแคนู มาดักรอถ่ายภาพเรือที่พายแข่งกันในแม่น้ำ
ซึ่งเรือแต่ละลำที่เห็นนั้นอยู่ไกลมากกก ต้องรอเข้ามาใกล้ๆ และซูมดูถึงจะถ่ายได้
ขอขอบคุณแผนที่จาก : Google Maps
ชายสองคนจากทีม 119 (ชื่อทีม Past Performance Is No Guarantee) กำลังพายเรือแคนู
หญิงสาวสองคนจากทีม 407 (ชื่อทีม We'll Be Fine) กำลังพายเรือแคนูแจกยิ้มให้คนดูที่ยืนอยู่บนสะพาน
ขอขอบคุณแผนที่จาก : Google Maps
ถัดมาเป็นจุดเปลี่ยนจากแคนูเป็นจักรยานเสือหมอบ พอจอดรถเสร็จก็เดินมาริมตลิ่งจะเห็นว่ามีผู้ชมคนอื่นๆ เฝ้าดูนักกีฬาที่พายเรือแคนูมา เห็นมาแต่ไกลๆ ผมก็วิ่งเข้ามาถ่ายจนไม่สามารถเข้าใกล้ได้ บางทีมก็พายแข่งกันแทบเป็นแทบตายเลยทีเดียว พายเสร็จไม่พอแบกเรือกลับขึ้นบนบกอีก
นักกีฬาชายเฝ้ารอทีมตัวเองและกำลังมองทีมอื่นขึ้นฝั่งไปยังจุดถัดไปอย่างเงียบๆ
จังหวะแลกเครื่องติดตามก่อนจะวิ่งไปปั่นจักรยาน Cyclocross Bike
จักรยาน จักรยาน จักรยานเต็มไปหมดเลย
ขอขอบคุณแผนที่จาก : Google Maps
ในจุดนี้นักกีฬาที่ปั่นจักรยานเสือหมอบจะเปลี่ยนเป็นเรือคายัก (เรือพายเดี่ยว) ข้ามอ่าวจากชายหาดนึงไปยังอีกฝั่งนึง ส่วนบนพื้นที่โล่งก็มีเรือคายักของแต่ละทีมจอดรออยู่ (เป็นร้อยๆ ลำ) เต็มไปหมด และผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมก็นั่งเฝ้ารอนักกีฬามาเปลี่ยนตัวอยู่ ในจุดนี้จะเป็นจุดรองสุดท้ายก่อนที่จะเข้าเส้นชัย
เรือคายักไม่รู้กี่ร้อยลำ แต่ละทีมนั่งรอด่านสุดท้ายนี้ก่อนจะแข่งกันเข้าเส้นชัย
เหมือนเธอคนนี้จะปั่นไปรอบๆ เพื่อวอร์มดาวน์ ให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายหลังจากใช้งานหนัก
ขอขอบคุณแผนที่จาก : Google Maps
หลังจากอยู่ที่ลานคายักสักพักผมและเพื่อนก็แวะไปหาอะไรทานกัน ก่อนที่จะแวะมาที่สวนมารีนพาร์ค ซึ่งอยู่ในเมืองแฟร์ฮาเว่น กว่าจะเดินไปถึงก็ราวๆ 20 นาทีเลยล่ะ ทั้งทางไกลเพราะปิดถนนและคนเยอะมากกกก มาถึงที่นี่ประมาณห้าโมงครึ่ง
ระหว่างเดินทางไปยังเส้นชัยที่ชายหาด (สีฟ้าด้านขวาคือห้องน้ำนะ)
แต่นี่! คือผู้เข้าร่วมงานและผู้ชมในครั้งนี้ มีทั้งเรือและคนเต็มหาดเลย
นักกีฬาที่พายเรือมาจากอีกด้านของอ่าวกำลังขึ้นฝั่งโดยมีเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยคอยช่วยจับเรือให้ก่อนจะวิ่งขึ้นฝั่งไปสู่เส้นชัย
ถึงเส้นชัยแล้ววว! นักกีฬาคนสุดท้ายของแต่ละทีมได้เข้าสู่เส้นชัยหลังจากพายเรือคายักสู่ชายฝั่งของหาดที่สวนมารีนพาร์ค พวกเข้าก็วิ่งมาตามเส้นทาง เพื่อมาลั่นระฆังด่านสุดท้ายและบันทึกเวลาเข้าเส้นชัยในตอนจบ
ยืนถ่ายอยู่นานมาก น้องเขาไม่หลบจากกล้องเลยได้รูปนี้มา
กลุ่มฝูงชนยืนรอประกาศทีมที่ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ และ ทีมที่ชนะในการแข่งขัน Ski to Sea 2019 ครั้งนี้
ก็คือ ทีมเบอร์ 15 ชื่อทีมว่า Boomer's Drive-In
ทั้งหมดนี้ก็เป็นภาพบางส่วนจากงานกีฬา Ski to Sea (สกีสู่ทะเล) ในปี 2019 นี้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา ไม่งั้นคงมีภาพสกีและหิมะ มาฝากเพื่อนๆ กัน ถึงแม้จำนวนทีมที่เข้าแข่งขันจะมีถึง 400 ทีม แต่ด้วยระยะทางที่ไกล ทำให้แต่ละทีมทิ้งช่วงห่างกันไป หากเราจะตามดูนักกีฬาทั้งหมด ก็ต้องขับรถไปแวะดูในแต่ละจุด ส่วนใหญ่ที่ผมพบคือ บางกลุ่มจะมาเชียร์ทีมใดทีมนึงโดยเฉพาะ เขาก็จะขับรถตามๆ กันไปจนกว่าจะถึงเส้นชัย
ส่วนพวกผมที่แวะมาดูงานเหมือนคนทั่วไป ก็เลือกขับรถไปในจุดที่อยากไปดูได้เลย จนใกล้ถึงช่วงประกาศผล 5 โมงเย็น เราก็แวะไปถ่ายภาพนักกีฬาที่กำลังเข้าเส้นชัย เสร็จแล้วก็รอประกาศผลรางวัล ก่อนที่จะปลีกตัวกลับบ้านกัน ต้องขอขอบคุณเพื่อนของเราที่พาขับรถตะลอนไปถ่ายงานในแต่ละจุด ทำให้เราได้ภาพบรรยากาศงานกีฬาในครั้งนี้มาแบ่งปันให้ได้ชมกันครับ
|
It was just an ordinary day. |