ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
ไทยแวร์รีวิว
 

5 เหตุผลที่ Apple ควรเลิกใช้พอร์ต Lightning ได้แล้ว

5 เหตุผลที่ Apple ควรเลิกใช้พอร์ต Lightning ได้แล้ว

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 5,901
เขียนโดย :
0 5+%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88+Apple+%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95+Lightning+%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

พอร์ต Lightning ของ Apple เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2012 มันถูกใช้ในอุปกรณ์หลายอย่าง ซึ่งเราก็ยอมรับว่าตอนที่พอร์ตนี้ถูกเปิดตัวนั้น มันมีความทันสมัยกว่าเพื่อนร่วมยุคอย่างพอร์ต Micro USB เป็นอย่างมาก เพราะพอร์ต Lightning สามารถรับส่งสัญญาณภาพ และเสียงได้ด้วย แถมยังสามารถเสียบด้านไหนก็ได้ 

แต่ปัจจุบันนี้มีพอร์ต USB-C ที่ทำทุกอย่างได้เหมือน หรือดีกว่าพอร์ต Lightning ออกมาแล้ว เราคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ Apple จะเลิกอินดี้ใช้พอร์ตของตนเอง แล้วเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C เหมือนกับผู้ผลิตรายอื่นๆ เหตุผลที่ทำให้เราคิดเช่นนี้มีอยู่ 5 ข้อ คือ

บทความเกี่ยวกับ Apple อื่นๆ

1. ลดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้

เงินที่ลูกค้าต้องจ่ายเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ Apple ควรจะเลิกใช้พอร์ต Lightning ได้แล้ว หลายคนน่าจะเคยสงสัยว่าทำไมพวกสายที่เป็นพอร์ต Lightning มักจะมีราคาสูงกว่าพวกสาย Micro USB หรือ USB-C นั่นก็เป็นเพราะสิทธิบัตรของพอร์ตนี้เป็นของ Apple ซึ่งผู้ผลิตจะต้องจ่ายค่าใช้สิทธิบัตรให้แก่ Apple ด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นโดยปริยาย

ไม่เพียงแค่สายเท่านั้น พวกอะแดปเตอร์ที่ทำพอร์ต Lightning ก็จะต้องเสียค่าสิทธิบัตรด้วย นั่นเป็นสาเหตุให้เราแทบไม่เคยเห็นอะแดปเตอร์ที่รองรับพอร์ต Lightning โดยตรง เนื่องจากผู้ผลิตสามารถเลี่ยงไปใช้พอร์ต USB ที่ต้นทุนต่ำกว่า แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาต้องเพิ่มต้นทุนให้ตนเองล่ะ

แถมเมื่อ Apple ตัดสินใจ ตัดช่องเสียบหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. ออกไป นั่นทำให้ผู้ใช้บางคนที่ต้องการใช้หูฟังเส้นเดิม ต้องเสียเงินซื้อตัวแปลงมาอีก ซึ่งมันก็มีราคาไม่ถูกเลย

5 เหตุผลที่ Apple ควรเลิกใช้พอร์ต Lightning ได้แล้ว

2. เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้

ต่อให้ค่าสาย Lightning ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนแบบว่ารวยซะอย่าง แต่มันก็ยังมีปัญหาเรื่องความสะดวกอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่าคุณไม่ได้ใช้อุปกรณ์ของ Apple อยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ Android สามารถใช้สาย USB-C เส้นเดียวชาร์จทั้งแบตฯ สำรอง, สมาร์ทโฟน, หูฟัง, โน้ตบุ๊ค, กล้องถ่ายรูป, ลำโพงพกพา ฯลฯ แต่สาย Lightning ของ Apple ชาร์จได้แค่ iPhone, iPad และ iPod เท่านั้น หากคุณพกอุปกรณ์นอกเหนือไปจากนี้ คุณต้องพกสายไปเพิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องวุ่นวายที่ไม่สมควรเลย

3. ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์

ใครที่ทันใช้งานมือถือยุคแรกๆ น่าจะรู้ดีว่าในสมัยนั้นที่ชาร์จมือถือไม่สามารถใช้งานข้ามค่ายได้ เพราะแต่ละยี่ห้อก็ทำหัวชาร์จในแบบของตนเอง จนเมื่อประมาณปี 2010 บรรดาผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ได้ตกลงร่วมกันว่าจะใช้หัวชาร์จมาตรฐานเดียวกันเพื่อลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้น

ซึ่งพอร์ตที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ ก็น่าจะเป็นพอร์ต USB-C ที่มีความสามารถ และประสิทธิภาพตอบโจทย์กว่าพอร์ต Lightning อย่างชัดเจน

5 เหตุผลที่ Apple ควรเลิกใช้พอร์ต Lightning ได้แล้ว
ภาพจาก https://www.treehugger.com/clean-technology/universal-phone-charger-approved-could-save-136-million-tons-of-co2.html

4. USB-C ดีพอแล้ว

ในตอนนั้นที่หลายฝ่ายยังให้การสนับสนุนพอร์ต Lightning ก็เพราะว่าประโยชน์ของเทคโนโลยีในเวลานั้น ที่ดีกว่า Micro USB มากในเกือบทุกๆ ด้าน

แต่ตอนนี้ USB-C ทำทุกอย่างได้เหมือน Lightning และทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำในบางเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการจ่ายไฟ, ส่งสัญญาณภาพ, สัญญาณเสียง ความเร็วในการรับส่งข้อมูล แถม USB-C ยังสนับสนุนทั้ง Thunderbolt 3 และ USB 3.1 อีกด้วย หรือแม้แต่การทำหน้าที่แทนพอร์ต HDMI

แม้ว่า USB-C จะยังไม่สมบูรณ์แบบ และมีปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอยู่ แต่เมื่อเทียบกับพอร์ต Lightning ที่ค่อนข้างล้าสมัยแล้ว ก็ต้องบอกว่ามันดีกว่าจริงๆ นั่นแหละ

5 เหตุผลที่ Apple ควรเลิกใช้พอร์ต Lightning ได้แล้ว
ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_devices_with_video_output_over_USB-C

5. อุปกรณ์ของ Apple ใช้พอร์ตหลายชนิดเกินไป

พอร์ต Lightning เริ่มล้าสมัยจนเกินไป จนแม้แต่ตัว Apple เองก็เริ่มเลิกใช้แล้วด้วยซ้ำ แต่ปัญหาคือ Apple ยังคงเลือกใช้พอร์ต Lightning อยู่เหมือนเดิมในอุปกรณ์รุ่นใหม่ ดูอย่างเช่น iPad Pro 2018 ได้เปลี่ยนมาใช้ USB-C แล้ว แต่ iPad Air 2019 กลับยังใช้พอร์ต Lightning ซะงั้น

ยิ่งไปกว่านั้น MacBook, MacBook Pro และ MacBook Air รุ่นใหม่ๆ มาพร้อมกับ USB-C และไม่มีพอร์ต USB-A ให้ หากเราต้องการชาร์จ iPhone กับ Mac ล่ะก็ เราต้องซื้อสายใหม่ หรือไม่ก็ซื้อตัวแปลงมาใช้ ซึ่งไม่สะดวกเลย


เราเชื่อว่า สุดท้ายแล้ว Apple ก็คงจะหันมาใช้ USB-C ในอนาคตอย่างแน่นอน เพียงแต่เมื่อไหร่นี่สิ พอร์ตรุ่นก่อนแบบ 30 พิน Apple ได้มันตั้งแต่ปี 2003-2014 รวมอายุ 11 ปี ส่วน Lightning เริ่มใช้มาตั้งแต่ 2012 ทิ้งช่วงก่อนจะทิ้งพอร์ตเดิมไปประมาณ 2 ปี ก็ไม่แน่นะว่าในปี 2020 อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่ใช้พอร์ต Lightning


ที่มา : www.makeuseof.com

 
0 5+%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88+Apple+%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95+Lightning+%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
ระดับผู้ใช้ : Admin    Thaiware
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ
 
 
 

รีวิวที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น