“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” คำนี้เป็นคำที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ทิ้งเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง คงสามารถเปรียบเทียบได้ว่า ความรู้คงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเราไม่เอาจินตนาการใส่เข้าไปในความรู้ เพื่อก้าวต่อไปในอนาคตนั่นเอง
ภาพจากอดีตที่มองอนาคตปี 2012
แม้แต่จินตนาการของนักคิดในอดีตได้มีการคาดคะเนโลกในเวลาปัจจุบันที่เราอยู่ก็มีการคาดเดาที่ถูกต้องอยู่ไม่น้อย หลายคนคงชอบจินตนาการเรื่องในอนาคตว่าโลกเราจะอยู่ในรูปแบบใด รถบินได้, การเที่ยวบนดาวอังคาร ไม่แน่ในอนาคตอันใกล้อาจจะเกิดขึ้นก็เป็นได้
ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วมากทั้งเรื่อง AI, Cloud Computing, Robot ที่จะเข้ามาพลิกวิธีการใช้ชีวิตของคนมากพอสมควร มีแนวโน้มว่าในปี 2020 การสื่อสารระหว่างคนกับอุปกรณ์จะน้อยลง แต่อุปกรณ์จะทำงานก่อนที่เราจะสั่งงานและอุปกรณ์จะคอยช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันมีการผลักดันให้ขอบเขตการใช้งานของคนและอุปกรณ์ให้เกินกว่าจินตนาการของเราจะเกินคาดเดา โดยผ่านเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันทั่วโลกอย่างสมบูรณ์แบบ หรือการมาของดาวเทียม SpaceX ที่จะเปิดให้ใช้ Internet ได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องเสียบสาย หรือระบบ 5G ที่ทาง กสทช กำลังจะเปิดประมูลช่วงต้นปี 2020
แผนที่ของเส้นใยแก้วนำแสงใต้สมุทร
จากใยแก้วนำแสงที่วางไว้ทั่วโลกอีกทั้งเครือข่าย 5G ที่จะกำลังจะเกิดขึ้นจะสร้างมาตรฐานในการเชื่อมต่อระหว่างทุกคนบนโลกหนึ่งพันล้านคนเข้าด้วยกัน แต่การเข้ามาของ 5G จะไม่เข้ามาแทนที่ระบบ 4G ทั้งหมดทั่วโลก แต่ที่แน่ๆ ใครจะใช้เครือข่าย 5G ได้ต้องเตรียมการเปลี่ยนอุปกรณ์ให้รองรับระบบ 5G ที่จะมีขึ้นในไม่ช้าแน่นอน นอกจากนี้ยังมีระบบอินเทอร์เน็ตของ SpaceX ที่พยายามเชื่อมต่อคนโดยผ่านระบบดาวเทียม ให้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในส่วนที่สายสัญญาณยังลากเข้าไปไม่ถึง ระบบดังกล่าวจะเปิดให้บริการในปีหน้าที่จะมาถึงนี้เอง (2020)
สมาชิกไทยแวร์หลายท่านคงเห็นรีวิว Smartphone พับจอได้ของโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง ดูจากข้อมูลแล้วเทรนด์นี้น่าจะไม่ได้รับการนิยมเพราะโทรศัพท์พับจอได้พังคามือคนรีวิวหลายท่านแต่ Smartphone ที่มีกระแสตอบรับดีกลับกลายเป็นโทรศัพท์ที่มีสองจอ และสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันทั้งสองหน้าจอ
Standard battery vs Nanophosphate battery
แนวโน้มที่สำคัญอีกอย่างที่ส่งผลต่อโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คือ Nanobatteries ใช่ครับเอาวัสดุในการทำตัวสำรองไฟให้เล็กลง นั่นหมายความว่าในแบตขนาดเท่าเดิมเราสามารถใช้งานอุปกรณ์ได้นานขึ้น อึดขึ้น ทนขึ้น นอกจากอึดขึ้นแล้ว ตัวแบตเตอรี่นาโนยังใช้เวลาในการประจุไฟน้อยลงอย่างมากอีกด้วย
โทรศัพท์จะรองรับการดาวน์โหลดและอัปโหลดความเร็วสูง (10Gbps) อีกทั้งตัวเทคโนโลยีที่รองรับอุปกรณ์ที่เยอะขึ้น ความถี่ที่ครอบคลุมมากกว่า ด้วยโครงข่ายที่รวดเร็วขนาดนี้เราจะได้เห็นความสามารถของโทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้น หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกเยอะแยะแน่นอน รวมทั้งอุปกรณ์ IoT ที่คุยกันระหว่างอุปกรณ์ ทั้งการควบคุมรถระยะไกล (ความหน่วงน้อยมาก) ดูหนัง 4K หรือ 8K ในโทรศัพท์ เมื่อการเชื่อมต่อความเร็วสูงเข้ามาการทำงานก็สามารถเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้แม้แต่กระทั่งที่บ้านตัวเอง มีหลายบริษัทพยายามทำระบบ Work at Home และจะเป็นขั้นตอนต่อไปในการทำงานในอนาคต มีงานวิจัยระบุว่าการทำงานที่บ้าน ช่วยเพิ่มคุณภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น แนวโน้มมาจากการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นมีจุดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจากทุกที่ ประหยัดเวลาในการเดินทาง, การเก็บข้อมูลที่รวดเร็วปลอดภัยจะที่ไหนก็ได้ จึงสามารถทำงานที่ไหนก็ได้เวลาไหนก็ได้
จอนูนขึ้นรองรับนิ้วเวลาใช้แป้นพิมพ์บนคีย์บอร์ด
คงเป็นที่ทราบกันดี เวลาเราใช้คีย์บอร์ด บนหน้าจอมือถือหรือแท็ปเล็ต ความรู้สึกเวลาพิมพ์คงไม่เหมือนเวลาเราใช้ คีย์บอร์ดจริง งานนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดไป เพราะ อนาคตหน้าจอจะมีปุ่มคีย์บอร์ด นูนขึ้นมาให้เราวางนิ้วเวลาที่ใช้เมื่อใช้เสร็จก็จะกลับไปเรียบตามเดิม คนที่คิดคีย์บอร์ดตัวนี้ออกมาสามารถพัฒนาให้ปุ่มที่นูนขึ้นมา กลายเป็นอักษรเบรลล์สำหรับคนตาบอดได้อีกด้วย ทางไทยแวร์ได้ทำบทความเจาะลึกเรื่องนี้ไว้ด้วยครับ >อ่านที่นี่<
Wi-Fi 802.11ax (Wi-Fi 6)
Wi-Fi 6 (802.11ax) จะเข้ามาเป็นมาตรฐานใหม่ของ โทรศัพท์รุ่นปี 2020 (ปลาย 2019 ก็เริ่มมีเข้ามาบางรุ่นแล้ว) โดย Wi-Fi 6 จะมีความเร็วกว่า Wi-Fi 5 40% มีการเข้ารหัสแบบใหม่ที่เชื่อมทั้งคลื่น 2.4 GHz และ 5 GHz ได้พร้อมกัน ทำให้เกิดสัญญาณรบกวนได้น้อยลง ส่งผลให้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 4.8Gbps มีฟังก์ชันที่ช่วยเปิด ปิด Wi-Fi ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ (ตัดการเชื่อมต่อเวลาที่ไม่ใช้งาน) สามารถเฉลี่ยความเร็วให้อุปกรณ์อย่างแม่นยำ และสามารถรองรับอุปกรณ์ได้เยอะมากเมื่อใช้อุปกรณ์ IoT ทางไทยแวร์ได้ทำบทความแบบละเอียดไว้ >อ่านที่นี่< ครับ
Smartphone
มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่บอกได้ว่าการอุปกรณ์ที่จะเปิดตัวในปีหน้า จะมีการปรับเปลี่ยนตัวระบบปฏิบัติการอย่างแน่นอน ทั้งทางฝั่ง Android มีการบังคับให้ใช้ Android 10 ทั้งหมด หรือฝั่ง Apple ได้มีการวางแผนเปิดตัวมือถือใหม่อีก 4 รุ่น มีทั้งรุ่นที่รองรับระบบ 5G และรุ่นประหยัดที่ตัด 5G ออก การมาของรุ่นดังกล่าวต้องมีการเปิดตัวของ SiriOS แน่นอน อีกทั้งบริษัท หัวเว่ย เปิดตัวระบบปฏิบัติการ ArkOS (บางแหล่งข่าวบอกว่าในประเทศจีน ใช้ชื่อว่า Hongmeng OS)
Smart Home
แนวโน้มจะมีการต้องการอุปกรณ์ Smart Home มากขึ้นการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ IoT จะมีความเร็วมากขึ้นและมีการนำ AI เข้ามาจัดการบริหาร มาดูทีละตัวกันครับ ว่าจะเป็นแนวทางไหน
เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะหรือบางคนเรียกว่า เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ เป็นเครื่องทำความสะอาดโดยชุดคำสั่งที่สามารถวิ่งไปดูดฝุ่นตามเส้นทางที่ตัวอุปกรณ์เรียนรู้เอง เมื่อแบตเตอรี่จะหมดอุปกรณ์จะเข้าไปชาร์จไฟด้วยตัวเอง อีกทั้งฆ่าเชื้อโรคที่อยู่บนพื้นด้วยแสง UV บางรุ่นสามารถสั่งงานได้ด้วยเสียงและสามารถนำ AI มาร่วมสั่งการผ่านผู้ให้บริการ บางรุ่นสามารถไต่กระจกหรือลงไปดูดฝุ่นในสระว่ายน้ำก็สามารถทำได้อีกด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ยอดขายทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น
จากการสำรวจของ Fortune Business Insights พบว่าขนาดของตลาดเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ทั่วโลก มีขนาด 6.5 พันล้าน ในปี 2018 และอาจจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อัตราการเจริญเติบโตอยู่ที่ 25.3% (CAGR) ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้อยู่อาศัยต้องการประหยัดเวลาและพลังงานที่ใช้ โดยนอกจากความสามารถข้างต้น บางรุ่น มีการผสมเครื่องฟอกอากาศเข้าไปด้วยทำให้นอกจากดูดฝุ่นแล้วยังฟอกอากาศอีกด้วย ส่วนปัญหาที่ทำให้การเติบโตของยอดขาย คือพฤติกรรมของผู้บริโภคเอง ที่ยังต้องการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่สามารถใช้ในเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ และความทนทานของแบตเตอรี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเลือกซื้อ
ส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ
โดยเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะแบ่งยอดขายตามชนิดได้ตามรูป (ส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ) จะเห็นได้ว่า เครื่องดูดฝุ่นที่ดูดฝุ่นบนพื้นขายดีที่สุด ตามมาด้วยเครื่องดูดฝุ่นในสระ และตัวที่สามารถเช็ดกระจกตามลำดับ โดยถ้าแบ่งตามภูมิภาค จุดที่ขายดีที่สุดคือ เอเชียแปซิฟิกจะเป็นส่วนที่ครองตลาดเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะมากที่สุดในโลก
ภูมิภาคที่ยอดขายเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะเยอะที่สุด
หลายสถานที่บนโลกเกิดภาวะโลกร้อน ทำให้มลพิษในอากาศเกิดการสะสมบางพื้นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่นสถานที่อุตสาหกรรมในเอเชีย, ไฟไหม้ป่าที่ฟิลิปปินส์ อีกทั้งสภาวการณ์ผันกลับของอุณหภูมิ (Temperature Inversion) ที่ชั้นความเย็นถูกกักอยู่ภายใต้ชั้นความร้อน กักกันให้ฝุ่นไม่สามารถลอยสูงได้ที่ประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น และที่ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
จาก Mega Trend เรื่องมลพิษในอากาศ ส่งผลให้เกิดความต้องการเครื่องฟอกอากาศเพิ่มสูงขึ้น จากผลสำรวจ การเติบโตของตลาดเครื่องฟอกอากาศ เติบโตถึง 5.38% (CAGR) โดยการคาดการณ์คือปี 2020-2025
เทคโนโลยีของการกรองอากาศจะแบ่งได้หลายแบบ ทั้งยิงประจุไปในอากาศให้ฝุ่นหรือพิษตกลงพื้น ใช้แก๊สกรองสารพิษในอากาศ เครื่องกรองอากาศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Mechanical Filters ที่ใช้แผ่นกรองเพื่อกรองมลพิษในอากาศที่เป็น PM2.5 และ PM10 ได้ถึง 99.9% (ไส้กรองแบบ HEPA 0.3 ไมครอน) ลดกลิ่นในอากาศได้ดี แถมมีอายุการใช้งานนานที่สุด (ตัวเครื่อง) ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมซื้อเครื่องกรองอากาศชนิดนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าทวีปเอเชียแปซิฟิกจะมีความต้องการเครื่องกรองอากาศมากที่สุด
Smartwatch เป็นอุปกรณ์สำหรับสวมใส่ (Wearable) ลักษณะคล้ายนาฬิกาข้อมือมีเซนเซอร์ตรวจจับชีพจรวัดการเต้นของหัวใจ แม้มีการระบุว่าเซนเซอร์ดังกล่าวไม่สามารถใช้ในทางการแพทย์แต่จากการใช้งานจริงก็สามารถวัดได้ใกล้เคียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ เรียกว่าต่างกันนิดเดียว อุปกรณ์ตัวนี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้คนรู้จักและใช้งานอุปกรณ์ IoT ข้อดีนอกจากสามารถทำงานได้ด้วยตัวเองแล้ว ก็ยังสามารถมีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น Smartphone เพื่อต่อยอดในการทำงานของ Smartwatch อีกด้วย
แนวโน้มของ Smartwatch จะไปในทิศทางการดูแลสุขภาพ และการส่งเสริมทางการแพทย์ นอกจากการดูแลรักษาสุขภาพผ่านการวัดคลื่นหัวใจตอนออกกำลังกาย คำนวณพลังงานที่เสียไป ตัวอุปกรณ์ยังสามารถ ส่งข้อมูลให้แพทย์เพื่อติดตามผลกระทบของการเปลี่ยนตัวยา ติดตามการหยุดหายใจระหว่างตอนหลับ ติดตามการฟื้นตัวของผู้ป่วยผ่าตัด หรือคอยดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจเพื่อการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ยอดขายของ Smartwatch ทั่วโลกอยู่ที่ 43.87 ล้าน (USD) ที่ปี 2018 ตามการคาดการณ์ของ Mordor Intelligence ตลาดนี้จะเติบโตประมาณ 14.5% (CAGR) ในปี 2024 โดยภูมิภาคที่มีความต้องการมากที่สุดจะเป็นอเมริกาเหนือ โดยปัจจัยการเกิดของเทคโนโลยี Visual Sim จะช่วยสนับสนุนให้ Smartwatch มีความต้องการมากขึ้น นอกจากเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ปัญหาอีกเรื่องที่เกิดขึ้นคือ โรคอ้วนในประชากรภูมิภาคนี้ มีมากถึง 60% ทำให้ส่งผลให้มีแนวโน้มว่ามีความต้องการ Smartwatch จำนวนมากในอนาคตอันใกล้
จะช้าไปไหมถ้าจะบอกว่า AI และ Robot มันอยู่รอบตัวเรามาสักพักแล้ว แต่ในอนาคตอันใกล้ AI และ หุ่นยนต์จะสามารถรู้อนาคตที่คิดแล้วทำก่อนที่คนเราจะสั่งงานเตรียมพร้อมให้คุณทุกอย่าง เทคโนโลยีนี้จะรู้จักตัวคุณได้ดีกว่าตัวคุณรู้จักตัวคุณเองด้วยซ้ำ ด้วยความสามารถที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก (Big Data)โดยการหาความสัมพันธ์ของข้อมูลเพื่อตอบในคำถามที่ยังไม่มาถึงจึงถูกใส่ลงไปในอุปกรณ์หลายรูปแบบที่อยู่ใกล้ตัวเรา ลองนึกถึงรถที่ไร้คนขับที่ในขณะที่ขับ ที่ระวังวัตถุรอบทิศทางตลอดเวลาและเรียนรู้พฤติกรรมผู้นั่งไปพร้อมกัน
โลกเสมือนจริงจะเข้ามาทับซ้อนโลกแห่งความเป็นจริง ฟังดูแล้วเหมือนกำลังดูหนังวิทยาศาสตร์สักเรื่องอยู่แต่จากข้อมูล Headset (แว่นตา VR) จะกลายเป็นของประจำบ้าน เพราะมียอดขายอุปกรณ์เหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าแว่นตา VR เหล่านี้ให้ประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้ จนมีผู้ผลิตหลายเจ้าประดิษฐ์อุปกรณ์เหล่านี้ออกมาขายอย่างมากมายใครยังไม่มีติดตัวไว้ รีบหามาใช้เลยครับ รับรองไม่ตกเทรนด์
โดรนที่จะเข้ามาในปีหน้า จะมีขนาดเล็กลง กล้องที่ดีขึ้น แบตเตอรี่ที่เล็กลงแต่ใช้งานได้นานขึ้นในราคาที่ถูกลง โดยมีการพัฒนากล้องสำหรับโดรนออกมาโดยเฉพาะ เพื่อให้โดรนได้ปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ไม่ต้องมัดมือชกให้บังคับซื้อตามรุ่นที่วางขายอีกต่อไป
หลังคาที่ดึงพลังงานจากแดดมาเป็นพลังงานไฟฟ้า, ระบบปลูกต้นไม้ในบ้านขนาดเล็ก, หลอดดูดน้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่, ไฟทางเดินที่ไม่ต้องใช้สายสัญญาณเชื่อมต่อ, เสื้อที่ไม่เลอะและทำความสะอาดตัวเองได้ การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่ได้เป็นจุดขาย แต่จะกลายเป็น มาตรฐานใหม่ให้กับวงการเทคโนโลยี ในปี 2020 เราจะได้เห็นวัสดุที่แข็งแกร่งที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิล อีกทั้งระบบที่ทำให้บ้านเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น
อุปกรณ์หลายอย่างในปัจจุบัน มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือแนวคิดในการออกแบบสินค้าด้านเทคโนโลยีอนาคตจะใช้ความต้องการของผู้ใช้เป็นที่ตั้ง เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานอย่างสูงสุด หลายบริษัทจะทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้มากขึ้น เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้ใช้ เมื่อสินค้าโดนใจการระดมทุนเพื่อผลิตก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ในปี 2020 เราจะเห็นการออกแบบที่ล้ำหน้า แต่ตรงความต้องการขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น โดรน ที่ออกแบบมาให้ต้องพับเก็บแล้วกางออกตอนที่จะใช้งาน การออกแบบรูปแบบใหม่คือดึงออกจากฐานที่มีสายรัดตัวผู้ใช้ แล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องจับกางใบพัดให้เสียเวลา
ในปี 2020 เราจะเห็นการชาร์จแบบไร้สาย เป็นมาตรฐานในอุปกรณ์อย่างแท้จริงทั้งเร็วขึ้นใช้ได้นานขึ้น ปัจจุบันการชาร์จโดยสายเคเบิลจะใช้เวลา 30 นาทีได้ 50% ในระบบไร้สาย จะอยู่ที่ 4 ชั่วโมง ผู้พัฒนาจะพัฒนาระบบชาร์จแบบไร้สายให้ดีเท่าระบบชาร์จแบบมีสาย ในปีหน้านี้ถ้าระบบนี้ทำได้ระบบชาร์จแบบไร้สายจะเข้ามาเป็นมาตรฐานอย่างแน่นอน
การมาของเทคโนโลยีที่เรารอคอยในปีหน้าเราไม่สามารถฟันธงให้ชัดเจนทั้งหมด แต่ดูจากแนวโน้มยอดขายและพฤติกรรมของผู้บริโภคแล้วก็คาดคะเนได้ประมาณนี้ครับ แล้วคุณอยากให้มีอะไรเกิดขึ้นในปี 2020 นี้พิมพ์บอกเราสักนิดครับ
|
Review...Every thing |
ความคิดเห็นที่ 1
4 กุมภาพันธ์ 2563 12:34:58
|
||
nice blog
Yahoo Account Recovery Wizard Here are "Easy to resolve Yahoo account recovery I ssue.You may need Yahoo email customer support team via Yahoo customer service. related to yahoo mail forgot password . <a href="https://www.mail-customer-support.com/"> Yahoo account recovery</a> |
||