หลังจากที่สมาร์ทโฟน iPhone SE รุ่นที่ 2 เปิดตัวบนเว็บไซต์ Apple อย่างเงียบๆ ก่อนที่จะถึงวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จับรุ่นนี้มาเปรียบเทียบกับรุ่นพี่ของมันอย่าง iPhone 11 สักหน่อยดีกว่าว่า ระหว่าง iPhone สองรุ่นนี้ ด้วยราคาที่ห่างกันถึง 10,000 บาท ถ้าหากซื้อ iPhone SE รุ่นที่ 2 จะได้ฟีเจอร์ใดกลับไปบ้าง และเป็นการเปรียบเทียบว่า เลือกรุ่นไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน
iPhone ทั้งสองรุ่นใช้วัสดุกระจกและอลูมิเนียม แต่ iPhone SE รุ่นที่ 2 มีขนาดตัวเครื่องเล็กกว่า และน้ำหนักที่เบากว่า iPhone 11 อย่างเห็นได้ชัด ส่วนสีสันตัวเครื่อง iPhone SE รุ่นที่ 2 มีให้เลือกเพียง 3 สีเท่านั้น แต่ iPhone 11 มีให้เลือกเยอะถึง 6 สีด้วยกัน
- iPhone SE 2 : มีขนาด 138.4 x 67.3 x 7.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 148 กรัม
- iPhone 11 : มีขนาด 150.9 x 75.7 x 8.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 194 กรัม
หน้าจอของ iPhone SE รุ่นที่ 2 Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว อัตราส่วน 16:9 ส่วน iPhone 11 ใช้หน้าจอ Liquid Retina HD ขนาดใหญ่ 6.1 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 มีความไวต่อการสัมผัสหรือ Touch-Sensing 120Hz แสดงความสว่างสูงสุด 625 nits ทั้งคู่ แต่หน้าจอของ iPhone 11 จะมี Notch หรือแถบรอยบากด้านบนขอบจอ iPhone SE รุ่นที่ 2 จะเป็นหน้าจอทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบไม่มีรอยเว้าใดๆ
- iPhone SE 2 : หน้าจอ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว อัตราส่วน 16:9
- iPhone 11 : หน้าจอ Liquid Retina HD ขนาด 6.1 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9
นับว่าเป็นเรื่องดีที่ iPhone ทั้งสองรุ่นใช้ชิปประมวลผลใหม่ล่าสุด Apple A13 เหมือนกัน การันตีได้ถึงความแรง ความลื่นไหลขณะใช้งาน เล่นเกม รวมถึงระบบปฏิบัติการ iOS 13, ความจุตัวเครื่องที่มีให้เลือกทั้ง 64, 128 และ 256GB เท่ากัน หากเน้นเรื่องความจุของเครื่อง ถ้าเลือก iPhone SE รุ่นที่ 2 ความจุ 256GB ก็ยังประหยัดกว่า iPhone 11 256GB ถึง 10,000 บาท
- iPhone SE 2 : ชิปประมวลผล Apple A13 ระบบปฏิบัติการ iOS 13 มีความจุตัวเครื่อง 64GB/ 128GB และ 256GB
- iPhone 11 : ชิปประมวลผล Apple A13 ระบบปฏิบัติการ iOS 13 มีความจุตัวเครื่อง 64GB/ 128GB และ 256GB
ข้อแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง 2 รุ่นนี้ก็คือ iPhone SE รุ่นที่ 2 ใช้กล้องหลังแบบเดี่ยว แต่เสริมด้วยโหมดถ่ายภาพบุคคล QuickTake และการถ่ายวิดีโอ 4K หากต้องการกล้องอัลตร้าไวด์ (Ultrawide Camera) ที่ได้ภาพมุมกว้าง iPhone 11 จะรองรับในส่วนนี้ได้มากกว่า
- iPhone SE 2 : กล้องหลัง Wide 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F1.8, แฟลช Dual-LED Dual-tone และ กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล
- iPhone 11 : กล้องหลัง Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.8+Ultrawide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4, แฟลช Quad-LED Dual-tone และ กล้องหน้า Wide 12 ล้านพิกเซล
ในส่วนของระบบเสียง ทั้ง iPhone SE รุ่นที่ 2 และ iPhone 11 ใช้ลำโพงสเตอริโอและไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. ในตัว ยังคงต้องใช้หูฟังร่วมกับตัวแปลงพอร์ต Lightning หรือเปลี่ยนไปใช้หูฟังไร้สายแทน ส่วนไมโครโฟนมีทั้งที่ท้ายตัวเครื่องและลำโพงสนทนาเหมือนกัน
- iPhone SE 2 : ไมโครโฟนที่ลำโพงสนทนา 1 ตัว, ท้ายเครื่อง 2 ตัว ลำโพงสเตอริโอ และไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. (ใช้ร่วมกับพอร์ต Lightning)
- iPhone 11 : ไมโครโฟนที่ลำโพงสนทนา 1 ตัว, ท้ายเครื่อง 2 ตัว ลำโพงสเตอริโอ และไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. (ใช้ร่วมกับพอร์ต Lightning)
iPhone SE รุ่นที่ 2 และ iPhone 11 รองรับการเชื่อมต่อ Lightning, Bluetooth 5.0, NFC, Wi-Fi dual-band รองรับการใช้งาน Siri ผ่านคำสั่งเสียง แต่ iPhone SE รุ่นที่ 2 ยังคงใช้วิธีการปลดล็อกหน้าจอด้วยการสแกนลายนิ้วมือผ่าน Touch ID บนปุ่มโฮม ส่วน iPhone 11 ใช้ Face ID หรือการสแกนใบหน้า
- iPhone SE 2 : ปลดล็อกหน้าจอด้วยลายนิ้วมือ (Touch ID) รองรับ Wi‑Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax พร้อม MIMO แบบ 2x2, พอร์ต Lightning, Bluetooth 5.0, NFC
- iPhone 11 : ปลดล็อกหน้าจอด้วยการสแกนใบหน้า (Face ID) รองรับ Wi‑Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax พร้อม MIMO แบบ 2x2, พอร์ต Lightning, Bluetooth 5.0, NFC
iPhone SE รุ่นที่ 2 มีความน่าสนใจในแง่ของฟีเจอร์ที่ครอบคลุมการใช้งานหลักๆ และราคาเปิดตัวที่สามารถจับจองกันได้ง่ายๆ แต่ต้องถามก่อนว่าซีเรียสกับขนาดหน้าจอแสดงผล กล้องหลังแบบเดี่ยว การสแกนลายนิ้วมือ Touch ID และความจุเครื่องสูงสุด 256 GB หรือไม่ หากไม่ได้ต้องการ iPhone หน้าจอใหญ่ กล้องคู่พร้อมเลนส์ Ultrawide Face ID ระบบสแกนใบหน้า จาก iPhone 11 iPhone SE รุ่นที่ 2 ก็ตอบสนองความต้องการทั่วไปได้ ทั้งการถ่ายภาพ ความเร็วจากชิป Apple A13 ตัวเครื่องกันน้ำ เชื่อมต่อและใช้งานความบันเทิงได้ครบครัน
|
Web Content Editor ท่านหนึ่ง นิยมการเล่นมือถือเป็นชีวิตจิตใจ |