จุดเด่น | จุดสังเกต | |
1. ตัวละครทุกตัวมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและทางจิตใจ เติบโตขึ้นจากภาคแรกอย่างสมเหตุสมผล | 1. มีบางจังหวะที่เราเข้าหาคลิกเกอร์จากข้างหน้า เข้าแบบเบาที่สุด แต่คลิกเกอร์ที่ตาบอดดันพุ่งเข้ามาจัดการ ทั้งๆ ที่เสียงเงียบและมองไม่เห็น | |
2. การอัปเกรดสมจริงขึ้น สายการอัปเกรดดีขึ้น มีทั้งการอัปเกรดอาวุธและการอัปเกรดทักษะการเอาตัวรอดที่สามารถอัปให้เข้ากับสายการเล่นของตัวเองได้ตามชอบ | 2. บางครั้ง AI เพื่อนร่วมทางที่ไปด้วยกันก็ไม่ฉลาดเท่าที่ควร เช่น เราซุ่มอยู่ยังไม่เผยตัวออกไป แต่เพื่อนร่วมทางชิงเปิดฉากสู้ก่อนแล้ว ทำให้เราต้องออกไปสู้ด้วยโดยปริยาย | |
3. สามารถทำให้ศัตรูที่เป็นมนุษย์และผู้ติดเชื้อตีกันเองได้ (ประหยัดแรงไปเยอะ) | 3. เสียงในบางจุดยังไม่สมจริงเท่าที่ควร เช่น การที่เพื่อนกระโดดตามลงมาเสียงดังมาก แต่คลิกเกอร์ไม่ได้ยินอะไรเลยทั้งที่อยู่ในบริเวณนั้น | |
4. กราฟิกเนียนขึ้นสมจริงขึ้น แม้กระทั่งนิ้วที่ดีดกีตาร์ก็ดูไม่ลอยแล้ว | 4. เลี่ยง Jumpscare (การโผล่มาให้ตกใจ) ไม่ได้ในฉากบังคับ แม้จะกดใช้การฟังเสียงเพื่อตรวจดูก่อนแล้วก็ไม่เห็น ใครเป็นโรคหัวใจอาจไม่เหมาะที่จะเล่นเกมนี้ | |
5. การเซฟอัตโนมัติดีขึ้น ไม่ทำร้ายผู้เล่นให้ต้องไปเริ่มกำจัดศัตรูใหม่ในจุดที่ต้องรับมือกับศัตรูจำนวนมาก | ||
6. มีอะไรให้ทำนอกเหนือจากการผจญภัยไปตามฉากเพิ่มเติมมา ทำให้ผู้เล่นได้พักรบผ่อนคลายกันบ้าง (ใบ้ให้ว่าเกี่ยวกับเสียงเพลง) | ||
7. ซับไตเติลไทยดีงามมาก เป็นภาษาที่เราพูดกันจริงๆ ตรงไหนหยาบได้หยาบ ตรงไหนหยาบเกินไปมีเปลี่ยนพยัญชนะเซนเซอร์ให้เองด้วย (ฮา) แถมฟอนต์ก็อ่านง่ายไม่ขัดตา |
The Last of Us Part II ถือเป็นหนึ่งในเกมฟอร์มยักษ์ระดับ AAA ที่หลายคนรอคอยมากที่สุดในปีนี้ เพราะผลงานของภาคแรกนั้นทำไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่มีความเข้มข้น พล็อตเรื่องชวนติดตาม และความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของการเอาตัวรอด ทั้งในแง่ของการต่อสู้ และการทำอุปกรณ์ รวมถึงบรรดาอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้เพื่อจัดการกับศัตรูหลากหลายรูปแบบ เราจะพาคุณผู้อ่านไปดูพร้อมๆ กันว่าทำไมเราถึงให้คะแนนเต็มสิบไม่หักแบบนี้ค่ะ
เกมเพลย์ในภาคนี้ยังคงรูปแบบการ Stealth แบบภาคเก่า และการเปิดฉากรบแบบดุเดือดไว้ได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่มีเพิ่มเข้ามาให้เห็นชัดขึ้นคือรูปแบบความ "ดิบ" ของตัวละคร แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของโลกที่ทุกคนต้องต่างคนต่างเอาตัวรอด ไม่ใช่แค่เพียงการทำให้หมดทางสู้ แต่ต้องเลือกที่จะฆ่าทิ้งเพื่อความปลอดภัยไม่ให้ถูกย้อนมาทำร้ายในภายหลัง
รูปแบบการต่อสู้ใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภาคนี้คือการทำให้ศัตรูสองรูปแบบตีกันเอง นั่นก็คือบรรดาผู้ติดเชื้อและศัตรูที่เป็นคน ในเทรลเลอร์ของ State of Play ที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้าจะบอกไว้อย่างชัดเจนเลยว่า เราสามารถเลือกวิธีนี้ในการต่อสู้ได้ แถมยังมีประสิทธิภาพเอามากๆ เลยด้วย ดังนั้นแล้วถ้าสบโอกาสเมื่อไหร่ อย่าลืมปาของที่อยู่ในมือเข้าดงศัตรูแล้วทำให้พวกมันตีกันเอง ประหยัดแรงไปได้เยอะ
ส่วนการต่อสู้แบบดั้งเดิมก็ไม่หนีไปไหน การใช้ "โหมดการได้ยิน" เพื่อจับทิศทางและจำนวนศัตรูที่อยู่บริเวณรอบๆ ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นลำดับต้นๆ เสมอในเวลาที่เราไม่แน่ใจว่าห้องที่กำลังจะเข้าไปมีใครหรือตัวอะไรดักซุ่มรออยู่หรือเปล่า อีกทั้งยังทำให้เราสามารถวางแผนกำจัดศัตรูได้ง่ายขึ้นเยอะเวลาที่พวกมันปูพรมกระจายกำลังเพื่อค้นหาเรา
การแก้ปริศนาต่างๆ อย่างเช่น รหัสตู้เซฟ หรือการทำทางใหม่ให้เกิดขึ้นเพื่อไปต่อ ยังคงมีอยู่ในภาคนี้ให้ผู้เล่นได้ขบคิดกันสักหน่อย การมีซับไทยเข้ามาช่วยเวลาที่เราต้องอ่านเบาะแสหรือบรรดากระดาษโน้ตต่างๆ ก็ช่วยให้เราสามารถไขปริศนาได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมด้วยว่า ปริศนาจำพวกวันเวลาต่างๆ ยังคงใช้แพทเทิร์นตามแบบประเทศตะวันตก เพราะฉะนั้นก็ต้องไล่เรียงให้ถูกต้องตามแบบที่ว่าด้วย
ในการผจญภัยของเอลลี่ บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่า "หาทางไปต่อไม่เจอ" ในส่วนนี้ทาง Naughty Dog ก็ได้รับรู้ว่า บางทีฉากที่ถูกทำออกมาก็เนียนเกินไปเหมือนกัน ทำให้ในภาคนี้มีฟีเจอร์หนึ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาให้เพื่อการนี้โดยเฉพาะในชื่อ "Traversal Audio Cue" ซึ่งจะทำให้เวลาที่ตัวละครของเราไปอยู่ในบริเวณที่มีสิ่งของที่เก็บได้ กระจกที่สามารถทำลายได้ ขอบที่สามารถไต่ขึ้นไปได้ ช่องว่างที่สามารถเบียดตัวเข้าไปได้ ก็จะเสียงขึ้นมาบอกด้วย
ในเรื่องของผังการอัปเกรดอาวุธ ถูกปรับปรุงและออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและปรับได้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการติดลำกล้อง เพิ่มแม็กกาซีนกระสุน เสริมพานท้ายเพิ่มความแม่นยำ ฯลฯ และการอัปเกรด "สกิลชีวิต" ของเอลลี่ที่ทำให้เราสามารถเล่นได้ง่ายขึ้น หลบหลีกและสู้กลับได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้นด้วย
สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการเซฟ ใครที่เคยเล่นภาคหนึ่งมาแล้วคงจำกันได้ดีว่า การที่จุดเซฟอัตโนมัติเริ่มเซฟไว้ที่จุดเริ่มต้นก่อนเข้าฉากปะทะ แล้วตัวเราดันแค่พลาดท่าให้ศัตรูตัวสุดท้ายหลังผ่านการต่อสู้กับตัวอื่นมาแล้วเป็นสิบๆ ตัว ในตอนที่โหลดเซฟกลับต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่นี่เป็นอะไรที่ทำให้ถอดใจจนถึงขั้นต้องพักการเล่นไปสักพักเลยก็มี (พูดง่ายๆ ก็คือหัวไหม้ไปละ)
แต่ดูเหมือนว่าฟีดแบคจากภาคแรกจะทำให้ผู้พัฒนาเห็นใจผู้เล่นอย่างเราๆ แล้ว เพราะการเซฟอัตโนมัติในภาคนี้ดีขึ้นมาก เช่น สมมติว่าเราต้องเข้าฉากต่อสู้อย่างต่อเนื่องถึงสองห้อง หากเราตายเพราะคลิกเกอร์ในห้องที่สอง เกมจะไม่โหลดเรากลับไปยืนที่ทางเข้าห้องแรกแล้ว แต่จะโหลดมาให้เราอยู่ในห้องที่สองเลย แถมบางฉากยังเซฟดีถึงขั้นที่เหลือเพียงคลิกเกอร์ตัวเดียวไว้ให้เลยด้วย
เนื่องจากเกม The Last of Us ภาคแรก เดิมถูกผลิตเพื่อเล่นบนเครื่อง PlayStation 3 และถูกรีมาสเตอร์ในภายหลังเพื่อภาพที่สวยงามขึ้น ดังนั้น เราก็จะได้เห็นภาพกราฟิกแบบที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อให้ภาพคมชัดขึ้นและดูมีรายละเอียดขึ้นเท่านั้น แต่การออกแบบกราฟิกในภาคนี้ ถูกปรับปรุงและพัฒนาให้แสดงผลได้ดีเป็นพิเศษบนเครื่อง PlayStation 4 Pro ฉะนั้นแล้วย่อมมีดีแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน
เวลาที่เราสำรวจหาสิ่งของในร้านค้าหรือบริเวณที่ไม่ได้เป็นจุดสนใจมากสักเท่าไหร่เช่นบรรดามุมมืด ก็จะไม่ค่อยรู้สึกถึงความพิเศษที่ว่านัก แต่ถ้าตัวเอกของเรากำลังเดินทาง หรือยืนอยู่ริมระเบียงแล้วกำลังรับลมชมวิวอยู่ล่ะก็ จุดนี้จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า กราฟิกมีความละเอียดละเมียดละไมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์ภูเขา ชุมชนที่อยู่ห่างไกลออกไป ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่สองข้างทางที่เขียวชะอุ่มอุดมสมบูรณ์สุดๆ อีกทั้งยังมีเรื่องของทิศทางแสงเงา ระยะการมองเห็น และทิศทางของลมเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้มีความสวยงามมากๆ เลยทีเดียว
การคงไว้ซึ่ง Photo Mode หรือโหมดถ่ายภาพ จากภาคแรก ถือเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ภาพงานศิลป์ของเกมนี้มีดีมาตั้งแต่ภาคแรกยันภาคสอง แต่โหมดถ่ายภาพคราวนี้มีดีกว่าเดิมอยู่ตรงที่ นอกเหนือจากจะมีการเพิ่มลูกเล่นต่างๆ เช่น ฟิลเตอร์ โลโก้ และกรอบรูป เข้ามาให้แล้ว อินเตอร์เฟซการใช้งานโหมดถ่ายภาพก็เป็นซับไทยแล้วด้วยเช่นกัน ดังนั้น ใครที่ไม่สันทัดภาษาอังกฤษย่อมใช้งานง่ายขึ้นแน่นอน
ในภาคนี้เอลลี่มีการพัฒนาทั้งทางร่างกายและจิตใจที่คนเล่นสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นสายตาที่แสดงออกถึงความรู้สึกต่างๆ เช่น ความเคียดแค้น ความเศร้า ความรู้สึกผิด ที่ผสมปนเปกันอยู่ภายในจิตใจ หรือจะเป็นท่าทางและอิริยาบถที่แสดงออกต่อผู้คนตรงหน้า ที่สามารถสื่อออกมาได้ชัดเจนและสมจริงมากขึ้น
การเล่าเรื่องผ่านตัวละครต่างๆ ที่มีส่วนร่วมภายในเกมนั้นสามารถทำให้คนดูแยกฝ่ายได้ดี ไม่สับสนหรือเกิดอาการงงว่า คนนั้นคนนี้เป็นใคร เป็นคนของฝ่ายไหน ดีหรือร้ายกับเรา และสร้างการรับรู้ร่วมกันระหว่างคนเล่นและตัวละครในเกมให้ไปในทางเดียวกัน และรู้ไปพร้อมๆ กันว่าเกิดอะไรขึ้นกับแต่ละคน และมีความเกี่ยวข้องระหว่างกันอย่างไร
ลำดับการเล่าเรื่องอาจมีสลับไทม์ไลน์กันไปบ้างในช่วงแรก แต่ก็เข้าใจได้ว่า เหตุผลเป็นเพราะผู้กำกับต้องการให้รู้ถึงที่มาที่ไปของแต่ละคน และสาเหตุแห่งการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาถัดมา เพราะหลังจากนั้นก็ทำให้เราสามารถเข้าใจเนื้อเรื่องได้มากขึ้นและเข้าใจถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วย
ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะค่อนข้างเครียดและกดดัน ทว่าตัวเอกของเรื่องอย่างเอลลี่ ก็ยังได้มีช่วงเวลาที่สงบสุขในระหว่างเดินทางกับเขาเหมือนกัน เพราะทางทีมงานก็ไม่ได้ใจร้ายให้เธอต้องเผชิญกับความโหดร้ายตลอดเวลา มีการจัดซีนให้เอลลี่ได้พูดคุยและหัวเราะกับเพื่อนร่วมทาง เพื่อให้เราไม่ลืมว่า อย่างน้อย เอลลี่ก็ยังจัดว่าเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้นนะ
ถึงแม้จะไม่มีพากย์ไทยแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเสียงพากย์อังกฤษนั้นบอกอารมณ์ความรู้สึกในแต่ละขณะได้ดีอยู่แล้วตั้งแต่ภาคแรก และเมื่อถูกเสริมซับไทยเข้ามาในภาคสอง ยิ่งทำให้เราคนเล่นได้อรรถรสร่วมกับเกมและตัวละครในเกมได้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น
ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนกำลังชั่งใจรอดูรีวิวซับไทยกันว่าจะออกมาเป็นอย่างไรก่อนการซื้อเกม ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน สาเหตุที่มั่นใจขนาดนี้เพราะว่า ประการแรก ไม่ได้ใช้ Google Translate แปลลวกๆ แน่นอน การแปลซับไทยในเกมให้ออกมามีเนื้อหาสมจริง อิงอายุและความสัมพันธ์ของตัวละครได้ ต้องใช้การแปลที่มาจากคนไทยหรือชาวต่างชาติที่อยู่ในสังคมไทยมานาน จนรู้เรื่องระดับการพูดและการใช้ภาษากับคู่สนทนาให้เหมาะสมเท่านั้นถึงจะแปลออกมาได้แบบนี้ (ที่สำคัญคือความหยาบคายที่ "เรียล" มาก)
ส่วนประการที่สองก็คือฟอนต์ของเกมที่มาแบบสวยงามเนียนตา ไม่ใช่ฟอนต์แบบมาตรฐานระบบที่แค่อ่านเป็นภาษาไทยออกก็ใช้ได้ ถึงแม้ผู้เล่นบางคนอาจจะไม่สนใจมากนักและมองข้ามไป ขอแค่ให้มีซับไทยก็พอแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ ผู้เขียนเชื่อว่าลักษณะของฟอนต์ก็ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกในเวลาที่อ่านได้เหมือนกัน ในบางเกมที่เราเปิดซับไทยมาแล้วเจอฟอนต์ไม่สวย ก็ขอเลือกปิดซับไทยแล้วเปิดซับอังกฤษแทนดีกว่า
ด้วยเหตุผลประการทั้งปวงที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ทำให้เราสามารถสรุปได้เลยว่า การประกาศรางวัลเกมสาขาต่างๆ ในปีนี้ มีชื่อเกม The Last of Us Part II อยู่ในนั้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการรักษามาตรฐานความเข้มข้นของซีนอารมณ์และเนื้อเรื่อง เกมเพลย์ที่มีลักษณะของความกดดันแฝงอยู่ตลอดเวลา ไปจนถึงกราฟิกที่สวยงามเนียนตา และซับไทยที่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อให้คนไทยได้มีอรรถรสในการอ่านแบบที่ให้ความรู้สึกเดียวกันกับต้นฉบับมากที่สุด ดังนั้นแล้ว ใครที่ลังเลยังไม่ได้ซื้อมาเล่น เราบอกเลยตรงนี้ว่า เกมนี้คู่ควรกับการ "Day One" หรือการหามาเล่นกันตั้งแต่วันแรกที่วางขายมากที่สุด เพราะคุ้มค่ากับทุกบาททุกสตางค์ที่ได้เสียไปอย่างแน่นอน
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |
ความคิดเห็นที่ 1
4 กรกฎาคม 2563 01:59:27
|
||
GUEST |
นก
เกมห่วย รีวิวอวยซะ 10/10
|
|