ก่อนจะไปพบกับ Apple Store แห่งที่ 2 อย่าง Apple Central World ที่กำลังจะเปิดให้บริการในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ หลายๆ คนน่าจะได้เห็นดีไซน์ตัวร้านที่มีความสวยงาม ทันสมัยกันแล้ว แต่กว่าจะมาเป็น Apple Store แต่ละสาขา ต่างก็ผ่านการออกแบบที่พิถีพิถัน มีความโดดเด่น สวยงาม แถมหลายๆ สาขากลายเป็น Landmark ที่ต้องไปเช็คอินสำหรับนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว มาดูกันว่า Apple Store สาขาไหนบ้างที่มีจุดเด่นและควรค่าแห่งการไปเยือน มาดูกันเลย
เปิดมาที่แรกก็ไม่ธรรมดาซะแล้ว สำหรับ Apple Carnegie Library ณ หอสมุดคาร์เนกี้ จัตุรัสเมาท์ เวอร์นอน เมืองวอชิงตัน ดี.ซี สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในเมืองวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาที่ได้รับการบูรณะใหม่ ตัวร้านสาขานี้จึงผสานความเก่าแก่ของดีไซน์ภายนอก ร่วมกับดีไซน์สมัยใหม่สไตล์ Apple ภายในร้าน เป็นการอนุรักษ์อาคารหินอ่อนที่มีความเก่าแก่ให้คงรูปลักษณ์เดิม ควบคู่ไปกับการใช้งานสถานที่ให้เกิดประโยชน์
https://www.apple.com/retail/carnegielibrary/
https://www.apple.com/th/newsroom/2019/05/apple-carnegie-library-opens-saturday-in-washington-dc/
อีกหนึ่ง Apple Store ขวัญใจนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไต้หวัน กับ Apple Xinyi A13 แค่ชื่อรุ่นยังตรงกับชิปเซ็ตที่ใช้ใน iPhone และ iPad เลย โดยที่นี่มีทั้งห้องจัดแสดงสินค้าชั้น 1 และชั้นใต้ดิน เน้นความโปร่งใส ใหญ่โตโอ่โถงมากๆ มีจุดเด่นที่หลังคาทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมโลโก้ Apple เพื่อให้ผู้ที่ชมวิวจากตึก Taipei 101 สามารถมองเห็นหลังคาของ Apple Store สาขานี้ได้ และยังใช้กระจกโค้งสร้างตัวอาคารร่วมด้วย
https://www.apple.com/sn/newsroom/2019/06/apple-xinyi-a13-opens-saturday-in-taipei/
นอกจากนี้ บริเวณด้านนอกยังตกแต่งด้วยหินอ่อนและต้นไม้ แม้ดีไซน์ของ Apple Xinyi A13 จะทันสมัยขนาดไหน แต่ก็ยังตกแต่งให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศและร่มเงาในวันที่อากาศร้อน นับว่าเป็นการตกแต่งสถานที่ที่เข้ากับสภาพอากาศของไต้หวันเป็นอย่างดี
ต่อมาก็คือ Apple Bondi ซึ่งอยู่ในห้างสรรพสินค้า Myer Bondi และใกล้สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างสะพาน Sydney Harbour โดยสาขานี้เคยมีจุดเด่นอย่างกำแพงต้นไม้เลื้อยสีเขียวความสูง 30 ฟุตจากพื้นถึงขอบเพดานด้านบน มีระบบรดน้ำต้นไม้ในตัว และใช้หลังคาโปร่งใสเพื่อให้ต้นไม้ได้รับแสงแดด
https://www.apple.com/au/retail/bondi/
https://9to5mac.com/2019/12/18/apple-store-2019-retail-architecture-design/
สำหรับ Apple สาขา Jewel นั้น เป็นหนึ่งในไม่กี่สาขาที่มาเปิดในสนามบินนานาชาติชางฮี (Changi International Airport) ประเทศสิงคโปร์ แต่ยังคงความกว้างใหญ่ แถมยังมี 2 ชั้นอีกต่างหาก โดยการออกแบบ Apple Jewel นั้น จะเน้นความโค้งมน ด้วยบานกระจกโค้ง บันไดเกลียว ประกอบกับแผ่นหินอ่อนและโลโก้ Apple ส่องสว่าง และสิทธิพิเศษที่ลูกค้าจะได้ก็คือ ได้ชมวิวน้ำตก Jewel ภายในสนามบินร่วมด้วย เพราะอยู่ห่างจาก Apple Store สาขานี้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
https://www.apple.com/sg/retail/jewelchangiairport/
Apple Aventura ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Apple Store ที่ดูแตกต่างจากสาขาอื่นๆ พอสมควร ด้วยรายละเอียดส่วนใหญ่ภายในและภายนอกร้าน ออกแบบและถูกสร้างขึ้นให้เข้ากับวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมในตัวเมืองเป็นหลัก ฉะนั้น Apple Aventura ด้วยหลังคาคอนกรีตสีขาว มีลักษณะเส้นโค้งคล้ายคลื่น ใช้กระจกที่ออกแบบให้ทนทานต่อพายุเฮอริเคนอีกด้วย
https://www.apple.com/retail/aventura/
นอกจากนี้ ความพิเศษของสาขา Aventura ก็คือ แม้จะเปิดให้บริการภายในห้างสรรพสินค้า แต่ก็ยังตกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่ทั้งภายในร้านและภายนอก มีบันไดขนาดใหญ่ รวมถึงอัฒจันทร์สำหรับชมมินิคอนเสิร์ตหรืองานแสดงต่างๆ
ย้ายมาดูฝั่งยุโรปกันบ้าง กับ Apple Rennweg ในเมืองซูริก สวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศนี้ หลายคนก็น่าจะคิดถึงสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ซึ่ง Apple Store นี้ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่บนทางเดินโบราณอย่าง Rennweg ตัวร้านใช้อิฐสีแดงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Rennweg คู่กับเสาโบราณสีครีม แม้ด้านหน้าร้านจะดูไม่กว้างมากนัก แต่ภายในร้านก็ยังคงความโอ่โถงแบบฉบับ Apple เหมือนเดิม
https://www.apple.com/chde/retail/rennweg/
นับว่า Apple Store เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นก็ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่นั่นไม่ใช่สำหรับสาขามารุโนะอุจิ ที่ได้ชื่อว่าเป็น Apple Store ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ Tokyo Station โดยภายในร้านตกแต่งแบบเรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งโต๊ะจัดแสดงสินค้าและเก้าอี้นั่ง มีทั้งหมด 2 ชั้น ใช้ต้นไผ่เป็นต้นไม้ในการแต่งร้านเป็นหลัก
https://www.apple.com/th/newsroom/2019/09/apples-largest-store-in-japan-opens-saturday-in-tokyo/
ถ้าใครได้เห็นกำแพงต้นไม้ของ Apple Aventura แล้ว Apple Oxmoor ก็เป็นอีกสาขาที่เน้นการตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียวดูร่มรื่น โดยสาขานี้ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า Oxmoor Center แต่ถูกออกแบบให้แสงธรรมชาติเข้าผ่านด้านนอกอาคารได้ และทำให้ลูกค้าสามารถเดินเข้าร้านได้จากด้านในและด้านนอก
https://www.apple.com/retail/oxmoor/
Apple Oxmoor ตกแต่งร้านด้วยกำแพงต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีคุณสมบัติดูดซับเสียงโดยรอบ และไม้ยืนต้นบางส่วน ประกอบกับสแตนเลสและกระจกโปร่งใส ทำให้ภายในร้านดูกว้าง และเมื่อมองวิวด้านนอก ทำให้พื้นที่ภายนอกนั้นยังดูกว้าง และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโลโก้ Apple บริเวณภายนอกร่วมกับกระจกเงา
หากนึกถึง Apple Store ดีไซน์แปลกตา ควรค่าแก่การไปเยือน จะขาด Apple Fifth Avenue ไม่ได้แน่ๆ ด้วยความเป็นอาคารที่สร้างจากกระจกใสทั้งหลัง ตกแต่งด้วยดวงไฟ LED ที่ปรับให้เข้ากับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงในเวลากลางวันและบ่อน้ำบริเวณรอบนอก
https://www.apple.com/newsroom/2019/09/apple-fifth-avenue-the-cube-is-back/
แน่นอนว่า Apple Fifth Avenue ต้องมีจุดเด่นตามแบบฉบับแอปเปิลยังบันไดเวียนดีไซน์สวยที่นำไปสู่ชั้นใต้ดินที่เป็นโซนแสดงสินค้า และห้องทดลองใช้งาน HomePod โดยเฉพาะ เพื่อแสดงพลังเสียงคุณภาพดี และยังเป็น Apple Store แห่งแรกของโลกที่มีห้องประชุมส่วนตัวให้บริการ
https://www.apple.com/newsroom/2019/09/apple-fifth-avenue-the-cube-is-back/
ถ้าใครเห็นภาพของ Apple Antara ณ ประเทศเม็กซิโก หลายคนน่าจะคิดว่า ทำไมมันเหมือนๆ กับ Apple Xinyi A13 ที่ไต้หวันอย่างกับแกะ แท้จริงแล้ว Apple Antara ได้รับแรงบันดาลใจจากสาขาดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะในส่วนของโครงสร้างและต้นไม้ที่ใช้ตกแต่งร้าน
https://www.apple.com/newsroom/2019/09/apple-antara-opens-friday-in-mexico-city/
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นสาขานี้ก็คือ ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ 23 ฟุต ที่สูงจรดเพดานและเป็นพื้นที่เกือบทั้งหมดของด้านหน้าร้าน และเป็นการกลับมาใช้ประตูดีไซน์นี้อีกครั้ง หลังจากที่ Apple Union Sqaure ในซานฟรานซิสโกเคยทำไว้ในปี 2016
หากใครไม่ได้ไปเที่ยวโตเกียว ญี่ปุ่น Apple Store ก็ยังมีอีกสาขาที่ฟุกุโอกะที่มีดีไซน์โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งสาขานี้มีหน้าร้านที่ยังคงความโปร่งใส แต่ผนังอาคารด้านอื่นๆ ตกแต่งแบบปิดทึบ แต่ภายในร้านยังคงดูโอ่โถง เดินเล่น เลือกชมสินค้าได้อย่างเพลิดเพลิน มีการใช้สแตนเลส กระจก และตกแต่งให้เข้ากับธรรมชาติด้วยเหล่าต้นไผ่
https://www.apple.com/jp/retail/fukuoka/
หลังจากที่ชมความงามของ Apple Store จากทั่วทุกมุมโลกกันแล้ว ขาดไม่ได้เลยก็คือ Apple Store ในไทยที่มีถึง 2 สาขาอย่างเป็นทางการแล้ว และแน่นอนว่าดีไซน์อันแปลกตาของทั้ง 2 ที่ ก็ดูดีไม่แพ้สาขาใดในโลกเช่นกัน
เป็นที่ฮือฮาอย่างมากเมื่อมีข่าวลือว่า Apple จะเปิด Store แห่งแรกในไทยอย่างเป็นทางการ และเป็นสถานที่ที่ผู้คนไปเดินห้าง ICONSIAM จะต้องไปเยี่ยมเยียนโดยปริยาย ด้วยความพิเศษของทำเลร้านที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีระเบียงกว้างสำหรับชมวิวเมืองกรุงเทพโดยเฉพาะ และมีสินค้าจาก Apple ทุกประเภทให้ลองเล่น เลือกสรรมากมาย นอกจากนี้ บริเวณตรงกลางของร้านยังมีเวทีสำหรับจัดอีเวนต์ Workshop ต่างๆ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี
https://www.apple.com/th/newsroom/2018/11/apple-opens-first-store-in-thailand-saturday/
และมาถึง Apple Store สาขาล่าสุดในไทยที่กำลังจะกลายเป็น Landmark แห่งใหม่ในกรุงเทพอย่าง Apple Central World ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ (31 ก.ค. 2563) ด้วยความเป็น Apple Store จึงทำให้ดีไซน์ของสาขานี้มีความล้ำสมัย บริเวณตรงกลางร้านมีเสาลายไม้ ทำหน้าที่เป็นโครงให้หลังคาทรงโค้งขนาดใหญ่ (Tree Canopy) ตัวร้านมี 2 ชั้น สามารถเข้าได้จากชั้น 1 ของห้าง Central World และทางเชื่อม SkyWalk สถานีรถไฟฟ้า BTS ไม่ว่าจะมาจากฝั่งสถานีสยามหรือชิดลมก็เดินทางได้อย่างสะดวก หรือใครที่ไม่อยากยืนรอต่อคิวยาว ภายนอกร้านก็มีม้านั่งและร่มไม้จากต้นหูกระจงให้บริการ
https://www.apple.com/th/newsroom/2020/07/apple-central-world-opens-friday-in-thailand/
หากใครที่เตรียมตัวไป Apple Store ทาง Apple ก็มีมาตรการรักษาความปลอดภัยและป้องกันการแพร่เชื้อ ไม่งว่าจะเป็นการใส่หน้ากาก การรักษาระยะห่าง Social Distancing การทำความสะอาดพื้นที่ร้านอย่างต่อเนื่อง และอย่าลืมป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจาก COVID-19 กันด้วยนะ
|
Web Content Editor ท่านหนึ่ง นิยมการเล่นมือถือเป็นชีวิตจิตใจ |