หลังจากที่ทาง Apple ได้ตัดสินใจเปิดสาขา Apple Store ของบริษัทอย่างเป็นทางการที่ห้างสรรพสินค้า (Icon Siam) ไปเมื่อช่วงปลายปี ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) ที่ผ่านมา (ก่อนหน้านี้มีแค่ร้านค้าของตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น) และทาง Apple ก็ได้เปิดร้าน Apple Store เซ็นทรัลเวิลด์ ถือเป็น Apple Store สาขาที่ 2 และเป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ ตอนนี้ ในวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภาพจาก : https://www.apple.com/th/retail/centralworld/
โดยดีไซน์ของ Apple Store เซ็นทรัลเวิลด์ ทางบริษัท Apple ได้ระบุว่าใช้การตกแต่งด้วยกระจกทั่วทั้งร้าน และเป็นร้านค้ากระจกร้านแรกที่ทาง Apple ใช้ร่วมกับดีไซน์หลังคาแบบ Tree Canopy และบันไดภายในจะมีลักษณะเป็นบันไดวนเลียบไปกับแกนลำต้น (กึ่งกลางของ Apple Store เซ็นทรัลเวิลด์) ซึ่งเมื่อผู้ใช้บริการเดินขึ้น - ลงระหว่างชั้นก็จะให้ความรู้สึกเหมือนการเดินวนรอบต้นไม้ใหญ่ (สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกขึ้นบันไดก็มีลิฟต์ทรง Tube ที่หุ้มด้วยสแตนเลสขัดเงาให้บริการภายในร้านได้เช่นกัน)
สำหรับการออกแบบร้าน Apple Store เซ็นทรัลเวิลด์ ที่ทาง Apple ได้ระบุว่าใช้ดีไซน์หลังคาแบบ Tree Canopy นั้น ดีไซน์โดยรวมทั้งหมดดูมีลักษณะคล้ายต้นไม้ทรงร่มขนาดใหญ่ที่มีกิ่งแผ่ปกคลุมทั่วทั้งตัวหลังคาของ Apple Store เซ็นทรัลเวิลด์ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะใช้โครงเสาต้นเดี่ยวแต่ด้วยความหนาของลำต้นที่ครอบทับด้วยแผ่นไม้แล้วก็คาดว่าโครงสร้างภายในน่าจะมีความแข็งแรงอยู่พอสมควร
นอกจากนี้ บริเวณลานด้านนอกของ Apple Store เซ็นทรัลเวิลด์ ก็มีการตกแต่งด้วยต้นไม้กระจายอยู่รอบๆ ตัวร้านเพื่อเพิ่มบรรยากาศและพื้นที่สีเขียวให้เข้ากับดีไซน์ต้นไม้ของร้านที่เมื่อมองโดยภาพรวมแล้วจะคล้ายกับสวนเล็กๆ ล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ (Apple Store เซ็นทรัลเวิลด์) อีกด้วย
การนำเอา ธรรมชาติและต้นไม้ มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบสถาปัตยกรรมและสิ่งก่อสร้างต่างๆ นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะหากย้อนไปดูสถาปัตยกรรมของยุคก่อนๆ ก็จะเห็นได้ว่ามีการใช้ “ต้นไม้” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบหรือดีไซน์โครงร่างของสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเสาวิหารของชาวอียิปต์โบราณที่มีลักษณะต้นเสาคล้ายกับลำต้นของปาปิรัส (Papyrus), เสาของวิหารโรมันที่มีการตกแต่งปลายเสาด้วยรูปสลักต้นไม้ตระกูล Acanthus และดอกไม้ เป็นต้น
สถาปัตยกรรมแบบ Dougong ในวัดต่างๆ ของประเทศจีนและญี่ปุ่นเองก็มีการออกแบบเสาและคานให้เรียงต่อกันจนเป็นลักษณะของต้นไม้ที่มีกิ่งก้านยื่นออกไปรับกับหลังคาของเจดีย์วัด หรือทางฝั่งยุโรปเองก็มีการสร้างโบสถ์ต่างๆ โดยใช้รูปแบบของต้นไม้เป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งและร่างแบบเช่นกัน ซึ่งการนำเอารูปแบบของต้นไม้มาใช้งานร่วมนี้ก็ค่อนข้างได้รับความนิยมมากในสถาปัตยกรรมแบบ Gothic
ถึงแม้ว่าในช่วงยุคแรกๆ จะนิยมนำเอาดีไซน์ของต้นไม้มาตกแต่งสถานที่สำคัญๆ ทางศาสนาอย่างวิหาร, วัด, หรือโบสถ์ แต่หลังจากช่วงปลายศตวรรษที่ 18 เราก็เริ่มได้เห็นดีไซน์แบบนี้ในสถานที่อื่นๆ ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นในยุค Art Nouveau ไม่ว่าจะเป็นโรงละครหรือประตูต่างๆ โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมที่ Antoni Gaudi สถาปนิกที่ขึ้นชื่อเรื่องการนำเอาดีไซน์ของธรรมชาติมาใช้ในการออกแบบเป็นผู้สร้างขึ้นและเป็นแรงบันดาลใจให้กับสถาปนิกหลายๆ คนทั่วโลก
ภาพจาก : https://citeseerx.ist.psu.edu/viewdoc/download?doi=10.1.1.1024.9460&rep=rep1&type=pdf
ต่อมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ก็ได้มีการนำเอาดีไซน์ของ “เห็ด” มาใช้ร่วมกับเสาประเภทต่างๆ ของสิ่งก่อสร้าง (ส่วนมากจะเน้นความมินิมอลมากกว่าการออกแบบที่ผ่านๆ มา) และเริ่มมีการนำเอารูปแบบโครงสร้างของ “กิ่งไม้” มาออกแบบตกแต่งมากขึ้น โดยยึดเอากิ่งหลักที่แตกออกจากลำต้น 3 กิ่งมาเป็นโครงสร้างหลัก และอาจมีกิ่งแผ่ขยายออกด้านข้างเพื่อตกแต่งด้านความสวยงามเพิ่มเติม ซึ่งหลักการนี้จะสามารถรองรับการกระจายน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแรงของหลังคาได้มากกว่าการใช้เสาต้นเดี่ยวอยู่มาก
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |
ความคิดเห็นที่ 1
11 มิถุนายน 2564 17:08:00
|
||
Design หลังคาแบบ Tree Canopy สวยงามมากครับ ยังไม่ค่อยเห็นในเมืองไทย Apple Store ทำออกมาได้สวยงามมาก อยากให้ Apple ทำสาขาใหญ่ออกมาอีกหลายๆที่ครับ เป็นแลนด์มาร์คใหญ่ให้คนไปชื่นชมกัน
|
||