นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมชิ้นหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันอย่าง Smart Watch เพราะไม่ว่าใครต่อใครก็จะต้องใส่ติดข้อมือเพื่อเช็คแจ้งเตือนจากมือถือ เพื่อเก็บข้อมูลขณะออกกำลังกาย หรือใส่เป็นเครื่องประดับเก๋ๆ ก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งของ Smart Watch เช่นกัน ส่วนใครที่กำลังมองหานาฬิกาสวยหรูดูแพง แต่ต้องใช้งานแบบสมาร์ทได้ด้วย มาดูอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจอย่าง Samsung Galaxy Watch 3 กัน
ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
นาฬิกา Galaxy Watch 3 มีดีไซน์คล้ายกับนาฬิกาข้อมือ รุ่นนี้ใช้สายหนังแท้ขนาด 22 มิลลิเมตร สามารถเปลี่ยนสายได้ด้วยการเลื่อนสวิตช์และดึงสายออก ตัวเรือนทำจากสแตนเลสสตีล ขนาด 45 มิลลิเมตร เหมาะกับข้อมือของคุณผู้ชาย หากเป็นผู้หญิงหรือคนที่มีข้อมือเล็ก แนะนำให้เลือกใช้ขนาด 41 มิลลิเมตร จะดีกว่า ซึ่งทางซัมซุงเคลมว่ารุ่นนี้กันน้ำระดับ 5 ATM สามารถโดนน้ำหรือฝุ่นละอองได้ ตัวเรือนมีลักษณะวงกลม สั่งงานผ่านขอบ Bezel หมุนได้ หรือจะสัมผัสหน้าจอแทนก็ได้เช่นกัน
ปุ่ม Back ด้านบน และปุ่ม Ok ด้านล่าง | เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ |
ลำโพงและไมโครโฟนสนทนาสำหรับ คุยโทรศัพท์ | ข้อต่อระหว่างตัวเรือนและนาฬิกา มีสวิตช์เลื่อน เพื่อถอดและเปลี่ยนสายได้ง่ายๆ |
Samsung Galaxy Watch 3 สามารถแบ่งการใช้งานได้เป็น 2 แบบ คือ การใช้งานแบบเดี่ยว (บนนาฬิกาอย่างเดียว) และการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้ได้เชื่อมต่อตัวนาฬิกาเข้ากับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Note9 และ Galaxy A50 ผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable โดยการเชื่อมต่อครั้งต้องใช้เวลาพอสมควร และต้องเปิดบลูทูธไว้ด้วย
โดยการใช้งานบนนาฬิกาสามารถสั่งงานได้ทั้งแบบจิ้มหน้าจอสัมผัส การปัดหน้าจอตามทิศทางซ้าย-ขวา ขึ้นบนและลงล่าง และหมุน Bezel รอบหน้าปัดนาฬิกา สามารถตั้งค่าเมนูลัด (Shortcut) ได้จากบนนาฬิกาและในแอปพลิเคชันบนมือถือ
ส่วนการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนและแอป Galaxy Wearable มีทั้งการตั้งค่าอื่นๆ ที่ไม่สามารถทำบนนาฬิกาได้ เช่น การเลือกแจ้งเตือนเฉพาะแอปพลิเคชัน การตั้งค่าภาษาและขนาดตัวอักษร การอัปเดตซอฟต์แวร์ของนาฬิกา การเปลี่ยน Watch Face หรือรูปแบบหน้าปัดต่างๆ ที่สามารถดาวน์โหลดจาก Galaxy Store ได้ทั้งฟรีและเสียเงิน
Galaxy Watch 3 มีเมนูการออกกำลังกายที่ตั้งค่ามาแล้วให้เลือก 3 แบบ คือ Walking การเดิน, Cycling ปั่นจักรยาน และ Swimming หรือกีฬาว่ายน้ำ แต่ในหน้า Widget ยังสามารถเพิ่มกีฬาอื่นๆ ได้อีก เช่น การเวทเทรนนิ่งประเภทต่างๆ ออกกำลังได้ทั้งส่วนแขน (Arm Extensions, Arm Curls) การยกน้ำหนัก (Bench Press) ออกกำลังส่วนหลัง (Back Extensions, Lat Pulldowns) ออกกำลังส่วนขา (Leg Extensions, Leg Press, Leg Curls) ไปจนถึงการเล่นโยคะหรือการเดินเทรล (Hiking) ปีนเขา (Mountain climber) ไม่ว่าจะออกกำลังแบบเบาๆ หรือหนักๆ Galaxy Watch 3 ก็รองรับได้เกือบทั้งหมด
เพิ่ม Shortcut การออกกำลังกายได้หลายรูปแบบ หรือตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน | ตัวนาฬิกามีระบบ Detect การออกกำลังกาย อัตโนมัติ |
นอกจากนี้ Galaxy Watch 3 ยังอำนวยความสะดวกด้วยการ Detect การออกกำลังกายโดยอัตโนมัติ อย่างเช่น หากเริ่มต้นเดินหรือวิ่งเป็นเวลานานๆ เซนเซอร์ในนาฬิกาจะ Detect โดยอัตโนมัติและช่วยจับเวลา Tracking ข้อมูลขณะเดิน วิ่ง หรือออกกำลังกายอื่นๆ
หากใครอยากดูแจ้งเตือนจากแอปแชท โซเชียลต่างๆ บน Galaxy Watch 3 สามารถเลือกแอปได้จากเมนู Notifications ในแอป Galaxy Wearable เลือกได้ทั้งแอปพลิเคชันที่ต้องการให้แจ้งเตือนผ่านนาฬิกา และเลือกได้ว่าจะให้แสดงแจ้งเตือนเมื่อไหร่ เช่น จะให้แจ้งเตือนบนนาฬิกาอยู่หรือไม่ขณะใช้งานสมาร์ทโฟน ต้องการให้แจ้งเตือนจากแอปนั้นๆ แสดงข้อความรายละเอียดตามมาหรือไม่, ให้หน้าจอนาฬิกาเปิดทันทีเมื่อมีแจ้งเตือนเข้ามา ฯลฯ ถ้าใครที่ติดนิสัยเช็คมือถือเพื่อดูความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลบ่อยๆ ก็เปลี่ยนมาให้แจ้งเตือนผ่านนาฬิกาก็ได้ เพียงแค่บิดข้อมือเล็กน้อยก็สามารถเช็คแจ้งเตือนได้อย่างรวดเร็ว หรือจะเลือกให้แจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันประเภทอื่นๆ เช่น ข้อความ, อีเมล ก็ทำได้
แสดงผล SMS บนหน้าปัดนาฬิกา | เลือกอ่าน SMS บนหน้าปัดได้ทันที |
แสดงหัวข้อและเนื้อหาอีเมล | เปิดอ่านอีเมลบนนาฬิกาได้ทันทีเช่นกัน |
อีกหนึ่งความพิเศษของ Galaxy Watch 3 ก็คือ สามารถตั้งค่า Mobile Plan เพื่อใช้งาน eSIM โทรศัพท์ เชื่อมต่อสัญญาณ LTE เพื่อใช้งานนาฬิกาโดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่อบลูทูธปกติ ก็ยังใช้งานโทรออก-รับสายได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังตั้งค่าเพื่อโทรออก-รับสายได้โดยไม่ต้องกดดูรายละเอียดใดๆ ในสมาร์ทโฟนเลย เพราะนาฬิกาจะแสดงทั้งประวัติการโทร (Call Log) แผงปุ่มกดตัวเลขและปุ่มโทรออก หรือขณะที่มีสายเข้าก็สามารถกดรับสายจากตัว Galaxy Watch 3 แต่ขอแนะนำให้เชื่อมนาฬิกาเข้ากับหูฟังไร้สายไว้ด้วย เพื่อการคุยโทรศัพท์ที่สะดวกกว่าการเปิดลำโพงนาฬิกานั่นเอง
กดเบอร์โทรจากหน้าจอนาฬิกาได้เลย | สลับไปคุยสายบนมือถือ เปิดเสียงออกลำโพงหรือหูฟังไร้สายได้ |
หน้าจอขณะมีสายเข้า หากตั้งค่ารูปภาพ ของเบอร์นั้นๆ ไว้ จะแสดงภาพเป็นพื้นหลัง | หน้าจอ Call Log ประวัติการโทร |
หากถามว่าการเซ็ตให้ตัวนาฬิการับสัญญาณโดยตรง (LTE) กับการเชื่อมบลูทูธร่วมกับสมาร์ทโฟนมีความแตกต่างกันอย่างไร โดยการใช้งานแบบแรกสามารถโทรออกรับสายผ่านนาฬิกาได้เลย แต่มีข้อจำกัดการใช้งานที่รองรับเฉพาะระบบรายเดือนและใช้ได้ในบางเครือข่าย แต่การใช้งานแบบที่สองจะต้องวางสมาร์ทโฟนไว้ใกล้ๆ ตัวนาฬิกา หากยิ่งห่างไกล สัญญาณบลูทูธจะขาดๆ หายๆ ทำให้เสียงสนทนาไม่ชัดเจน
สำหรับแบตเตอรี่ของ Galaxy Watch 3 นั้น จากการใช้งาน 1 วันเต็ม พบว่าขึ้นอยู่กับการใช้งาน ณ ขณะนั้น หากใช้เพื่อดูเวลา เช็คแจ้งเตือน แบตเตอรี่จะลดลงไม่มากนัก แต่หากต้องเช็คแจ้งเตือนจากแอปบ่อยๆ มีแชทเข้ามาเยอะ หรือใช้ร่วมกับการออกกกำลังกายด้วย แนะนำว่าให้ชาร์จไฟแบบวันต่อวันจะดีกว่า แม้ใน Galaxy Wearable จะบอกว่าแบตเตอรี่ระดับเท่านี้ ใช้งานได้นานถึง 1 วันหรือไม่ แต่เมื่อใดที่มีโอกาสก็ควรชาร์จไฟไว้ก่อนดีกว่า โดยรุ่นนี้รองรับการชาร์จแบบไร้สายเท่านั้น
แม้ว่า Galaxy Watch 3 จะใช้งานแบบเดี่ยวๆ เฉพาะนาฬิกาได้ แต่การใช้งานครั้งแรกจะต้องเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนที่มีแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable เสียก่อน เพื่อตั้งค่าการใช้งานครั้งแรกบนสมาร์ทโฟน หรือแอปพลิเคชันบางอย่างจำเป็นต้องใช้งานบนสมาร์ทโฟนเป็นหลัก แต่สามารถแจ้งเตือนผ่านนาฬิกาได้ และช่วยให้แอปพลิเคชันนั้นๆ บนสมาร์ทโฟนเปิดขึ้นมาทันทีโดยที่เราไม่ต้องกดเข้าเมนูเลย
Samsung Galaxy Watch 3 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ใช้ดีไซน์เรียบหรู จะใส่เป็นนาฬิกาแฟชั่นก็สวย หรือใช้เป็นนาฬิกาออกกำลังก็ทำได้ดี มีโหมดออกกำลังกายให้เลือกมากมาย ใช้งานง่ายแม้จะเป็นผู้ที่ไม่เคยใช้สมาร์ทวอทช์มาก่อน
แต่ว่ารุ่นนี้มีข้อจำกัดที่ขนาดหน้าปัดใหญ่ 45 มิลลิเมตร เหมาะกับข้อมือคุณผู้ชายมากกว่า และราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างสูงใช้ได้ในหมู่ Smart Watch แต่ถ้าใครที่อยากได้ Smart Watch ที่มีดีไซน์คล้ายกับนาฬิกาแฟชั่น ได้ฟังก์ชันทางด้านสุขภาพครบครัน ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี และไม่ซีเรียสกับราคาเปิดตัว 18,900 บาท (รุ่น LTE) Galaxy Watch 3 นี่แหละที่เหมาะกับคุณ
|
Web Content Editor ท่านหนึ่ง นิยมการเล่นมือถือเป็นชีวิตจิตใจ |