เมื่อได้ยินคำว่า กล้องรักษาความปลอดภัย (Security Camera) เพื่อน ๆ อาจจะนึกถึง กล้องหลอดไฟ (CCTV) แบบเก่าที่เดินสายตามกำแพง ฝ้าเพดาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้ หรือ จะเป็นกล้องหลอดไฟแบบไร้สายทั่วไป ก็ยังไม่พ้นต้องมีสายไฟเสียบเพื่อใช้งานอีกอยู่ดี จะติดตั้งทีก็ทำได้ยาก
แต่ในวันนี้เราจะมาแนะนำกล้องหลอดไฟ AMARYLLO AR2 ที่เป็น กล้องวงจรปิดหลอดไฟ ที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยประมวลผล เพิ่มความอัจฉริยะ ช่วยทำให้ปัญหาเก่า ๆ เหล่านั้นหมดไป ด้วยการออกแบบกล้องที่สามารถติดตั้งแทนหลอดไฟบ้านทั่วไปได้ ไม่ต้องใช้สายไฟเพิ่มเติม เปลี่ยนหลอดไฟแบบเดิม ๆ ให้กลายเป็นกล้องหลอดไฟแบบพิเศษ หมุนได้ 360 องศารอบบ้าน พร้อมระบบอันชาญฉลาดในตัว
กล้องหลอดไฟ AMARYLLO AR2 ตัวนี้ได้ความร่วมมือการออกแบบและผลิตจากเนเธอแลนด์ (Netherland), สหรัฐอเมริกา (USA) และ ไต้หวัน (Taiwan) ได้รับการแก้ไขข้อบกพร่องของกล้องที่วางขายในตลาดทั่ว ๆ ไป ทำให้มีคุณภาพสูงขึ้น ปัญหาภาพแสดงผลช้า (Delay) ต่ำ ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ใช้ได้ยาวนาน ปกป้องบ้านของเราได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
แบรนด์ AMARYLLO ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานในบ้าน (Home use) ในบริษัท องค์กร หรือ ร้านที่ทำธุรกิจ (Business Use) ได้เป็นอย่างดี โดยลำพังตัวกล้องหลอดไฟ AMARYLLO AR2 เหมาะที่จะใช้งานในบ้านสำหรับบุคคลทั่วไปอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจอยากใช้งานฟังก์ชันพิเศษก็มีทางเลือกให้ซื้อแพ็คเกจเพิ่มเติมได้
ส่วนในบทความนี้ เราจะเน้นไปที่การใช้งานสำหรับการใช้งานส่วนตัว หรือการใช้งานในบ้าน (Home Use) เป็นหลัก ลองมาดูวิธีการติดตั้ง การตั้งค่า และใช้งานไปพร้อม ๆ กันเลย
ส่วนของฐานตัวกล้องจะเป็นหลอดไฟ LED แบบ 3 วัตต์ (Watts) ติดตั้งแทนหลอดไฟแบบขั้ว E27 (ขั้วหลอดขนาดมาตรฐาน) โดยสามารถใช้เปิด/ปิด สั่งและควบคุมความสว่างไฟผ่านมือถือ แทนหลอดไฟแบบเดิมได้ สะดวกกว่ากล้องหลอดไฟแบบทั่วไปไม่ต้องเดินสายเพิ่ม
ระบบหมุนกล้องสามารถได้ 360 องศา มองภาพได้รอบด้าน หันด้านซ้าย - ขวา ได้ 170 องศา ปรับกล้องขึ้นลงได้ -20 ถึง 10 องศา พร้อมระบบติดตามแบบอัตโนมัติเมื่อเจอสิ่งผิดปกติ สามารถแยกแยะและแจ้งเตือน คน สัตว์ ได้
เมื่อเจอสิ่งแปลกปลอม มีเสียง เจอความร้อน หรือ การเคลื่อนไหวด้านหน้า ด้านหลัง กล้องสามารถหันไปยังทิศทางนั้น และแจ้งเตือนไปยังเจ้าของได้ทันที ช่วยให้รับรู้ได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติภายในบ้าน
กล้องสามารถทักทายด้วยคำพูด เมื่อเจอผู้คน สวัสดี เช้า เย็น ตามเวลาได้ สามารถเปลี่ยนเสียงทักทายด้วยการอัดเสียงพูดเราเอง หรือ ใส่เสียงเพลงเข้าไปได้
ตกดึก ๆ ลืมเปิดไฟก็ไม่เป็นไร ตัวกล้องสามารถตรวจจับคนภายในบ้าน เปิดส่องไฟนำทางระหว่างเดินรอบ ๆ บ้านได้ กล้องจะเปิดไฟและหมุนตามเราไปทุกที่ ๆ ช่วยให้เรามองเห็นทางเดินภายในบ้านได้สะดวก
กล้องหลอดไฟ AMARYLLO AR2 เป็นกล้องหลอดไฟแบบหลอดไฟ (Bulb Camera) ดีไซน์เฉียบ สีขาวสวยงาม ทันสมัย ทรงกลมที่เห็นอยู่ตรงด้านล่างคือตัวกล้อง สามารถถอดแยกออกจากฐานที่เป็นหลอดไฟได้ (ต้องใช้เครื่องมือในการถอด)
กล้องสามารถหมุนได้ ซ้าย-ขวาด้านละ 170 องศา มองเห็นภาพได้ 360 องศา มีเซ็นเซอร์รอบด้าน สำหรับฟังเสียง ตรวจการเคลื่อนไหว แสงไฟ พร้อมหลอดอินฟราเรด 8 ดวง มองเห็นได้ในที่มืด พร้อมระบบการเชื่อมต่อ Wi-Fi ในตัว
ด้านหลังเป็นช่องเสียบการ์ดความจำแบบ Micro SD แนะนำให้ใช้การ์ดที่มี Class 10 U3 ขึ้นไป เพื่อให้รองรับการอัดวิดีโอแบบ Full HD (1080P) ที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้ดี
ภายในกล้องนี้ออกแบบมาด้วย มาตรฐานทางทหาร (Military Grade) เข้ารหัสความปลอดภัยแบบ 256-bit แม้แต่ผู้ผลิตเองก็ไม่สามารถถอดรหัสและเข้าถึงภาพและวิดีโอภายในกล้องได้ เพิ่มความมั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลย
*ระวังบริเวณฐานหลอดไฟ มีความร้อนสูง
กล้องหลอดไฟ AMARYLLO AR2 ติดตั้งง่ายเหมือนหลอดไฟบ้านที่ใช้ขั้วแบบ E27 เพียงแค่เสียบลงขั้วหลอดไฟบนเพดาน เอามือด้านหนึ่งจับประคองตัวกล้องไม่ให้หล่น และ หมุนตัวกล้องไปตามเข็มนาฬิกา (หมุนทางขวา) จนสุด โดยหมุนประมาณ 2 รอบ และหันเส้นตรงกลางไปยังทิศที่ต้องการให้กล้องหัน เพียงเท่านี้ก็สามารถเปิดใช้งานได้ทันที (ควรมีสวิตช์ไฟแยกจากไฟทั่วไป ป้องกันการปิดโดยไม่ตั้งใจ)
รูปภาพตัวอย่างการติดตั้งกล้อง
พื้นที่การติดตั้ง ติดได้ทุกที่ตามจุดต่าง ๆ ภายในบ้าน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว หลังบ้าน เป็นต้น หลีกเลี่ยงจุดที่โดนฝนและแดดกลางแจ้ง ซึ่งถ้าหากต้องการใช้งานหน้าบ้านหรือบริเวณนอกบ้านจริง ๆ จะมี AMARYLLO AR3 ที่เป็นรุ่นรองรับการใช้งานกลางแจ้ง
ตัวอย่างการสถานที่ต่าง ๆ (ไม่ใช่รูปจริง)
ห้องนั่งเล่น | ห้องนอน | ห้องครัว |
สำหรับใครที่ไม่อยากติดตั้งแบบหลอดไฟ สามารถถอดตัวกล้องจากฐาน ออกมาติดตั้งแบบ AMARYLLO PRO WHITE (รุ่นที่มีเฉพาะตัวกล้อง) วางกล้องไว้บนโต๊ะทำงาน ข้างเตียง หรือ ติดข้างผนังได้ แต่จำเป็นจะต้องหาสาย Micro USB แบบยาว ๆ มาเสียบสำหรับจ่ายไฟให้กับตัวกล้องถึงจะสามารถใช้งานได้
วางบนโต๊ะ | ติดข้างผนัง |
หลังจากที่ติดตั้งกล้องเข้ากับขั้วหลอดไฟบนเพดานเสร็จ เราลองมาดูการเชื่อมต่อกล้องหลอดไฟครั้งแรกกัน ตัวกล้องนั้นไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการติดตั้ง แต่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชัน Amaryllo ที่สามารถหาดาวน์โหลดบนมือถือสมาร์ทโฟน iOS และ Android ได้ ทั้งบน App Store และ Google Play หลังจากที่ดาวน์โหลดเสร็จ ก็ทำตามขั้นตอนได้เลย
ดาวน์โหลดแอป Amaryllo สำหรับ iOS
ดาวน์โหลดแอป Amaryllo สำหรับ Android
เมื่อดาวน์โหลดแอป Amaryllo เสร็จให้กดเปิดใช้แอปพลิเคชัน จะเจอหน้าอธิบายฟีเจอร์ให้เลื่อนไปจนสุด จะเจอกับหน้าเลือกผลิตภัณฑ์กล้องที่เราใช้งานให้กดเลือก "รุ่น AR2" จากนั้นจะเจอหน้าอธิบายภาษาอังกฤษให้ "กดถัดไปจนมาเจอหน้าด้านล่างนี้"
|
|
เมื่อใส่รหัสใช้งาน Wi-Fi เสร็จจะพบกับหน้าอธิบายการสแกน QR Code ตัวเครื่องจะทำการสร้างหน้า QR Code ขึ้นมา ให้เรานำมือถือที่มีหน้า QR Code ไปให้กล้องสแกน (ควรอยู่ห่างจากกล้อง 10 - 30 เซนติเมตร) เมื่อสแกนเสร็จได้ยินเสียง "บิ๊บ (Beep)" ดังขึ้นมาถือว่าเชื่อมต่อสำเร็จ
*ตรงนี้เราสามารถให้มือถือปล่อย AP Hotspot เพื่อปล่อย Wi-Fi ให้กล้อง AR2 เชื่อมต่อเอาก็ได้
เมื่อเชื่อมต่อเสร็จส่วนใหญ่กล้องจะให้เราอัปเกรดเฟิร์มแวร์ แนะนำให้อัปเกรด ไม่ควรกดข้าม (Skip) ขั้นตอนนี้ ให้ "แตะที่ปุ่ม OK" เพื่อเป็นการอัปเกรดเฟิร์มแวร์ ห้ามปิดเครื่อง รวมทั้ง Wi-Fi หรือ แอปพลิเคชัน ระหว่างการอัปเกรด
หลังจากอัปเกรดเฟิร์มแวร์เสร็จ หรือ เชื่อมต่อเสร็จแล้ว หากเจอหน้าต่าง Input Google Account ทางด้านล่างให้เรากด "ปุ่ม OK" และกรอกอีเมลที่เราใช้งานบน Google จากนั้นกด "ปุ่มถัดไป"
หลังจากลงชื่อเข้าใช้เสร็จอาจจะมีหน้าต่างให้กดยืนยันข้อตกลงการใช้งาน เราสามารถกดปุ่ม OK เพื่อยอมรับข้อตกลงและใช้งานได้เลยเป็นอันเสร็จสิ้น
*ขั้นตอนนี้เป็นการเชื่อมต่อบัญชี Google เพื่อให้กล้องสามารถบันทึกและสำรองข้อมูลวิดีโอภาพต่าง ๆ ลงบน Google Drive ไว้ใช้ดูย้อนหลังได้
*สินค้าล็อตใหม่ของ AMARYLLO AR2 จะเปลี่ยนไปใช้ Amaryllo Cloud แทน Google Drive ที่อาจมีหน้าตา, การใช้งาน หรือแพ็กเกจที่แตกต่างออกไป แต่มีจุดประสงค์ในการใช้งานที่เหมือนกัน
เริ่มใช้งานได้ !
หลังจากติดตั้งเสร็จใหม่ ๆ มีหลายฟังก์ชันพิเศษ ที่ตัวเครื่องไม่ได้เปิดมาให้ ให้เราเข้าไปเปิดใช้งานเอง ด้วยการเลื่อนทางด้านล่างจนเจอ ไอคอนรูปเฟือง (Settings) แตะเข้าไปในนั้นจะเจอกับเมนูตั้งค่าต่าง ๆ ดังรูปด้านล่างนี้
หากต้องการดูตัวอย่าง คำอธิบาย สามารถดูได้ทางด้านล่างนี้
ในฟีเจอร์ระบบจดจำอัจฉริยะด้วย เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้เราสามารถเข้าไปเปิดการตรวจจับ และจดจำแบบเพิ่มเติมได้ที่นี่
|
เข้าไปที่เดียวกับ AI Recognition จากนั้น "แตะที่ Face recognition" จะมีรายชื่อใบหน้าให้เราเลือกเพิ่มเข้าไป แบบปกติจะเพิ่มได้ 4 และเพิ่มได้ถึงสูงสุด 10 คน เมื่อใช้แพ็คเกจเสริม เลือก "แตะที่ Add Faces" เพื่อบันทึกใบหน้าที่ต้องการจดจำ ให้ใส่ชื่อและทำตามขั้นตอน โดยมองไปที่กล้อง หมุนหน้าอย่างช้า ๆ ทุก ๆ องศาตามรูป ไม่ควรใส่อะไรปกปิดใบหน้า ควรให้เห็นชัด ๆ
เมื่อบันทึกเสร็จ กล้องจะมีเสียงเตือนดัง "บิ๊บ" และแสดงภาพที่บันทึกได้ ทั้งหมด 9 ภาพ หากรูปทั้งหมดเห็นใบหน้าเราชัดเจน ให้เลือกตอบ Yes (ถ้าไม่ชัดให้ตอบ No และเริ่มใหม่) เพียงเท่านี้กล้องตัวนี้ก็จะจำได้
ในตัวตั้งค่า เรื่องการแสดงผลแบบถ่ายทอดสด Live View ควรตั้งไว้ที่ 720P (ความลื่นไหลของภาพขึ้นอยู่กับอินเทอร์เน็ต) ส่วนการบันทึกไฟล์วิดีโอ Recording ควรตั้งไว้สูงสุดที่ 1080P เพื่อความละเอียดสำหรับการดูย้อนหลังผ่าน Google Drive, Amaryllo Cloud หรือจาก การ์ดหน่วยความจำ (Memory Card) ที่อยู่การ์ดภายในกล้อง
เข้าไปเปิดตั้งค่าการพูดคุยผ่านไมค์แบบสองทาง (Two-way) ให้เลือกแตะที่ "Two-way communication" จากนั้นจะสามารถใช้ฟังก์ชันการพูดคุยผ่านการดูกล้องสด (Live View) ได้ ดังภาพด้านล่าง
|
ผู้ใช้งานสามารถดูสถานะ LED ที่อยู่บริเวณตัวกล้อง และ บอกได้ว่ากล้องกำลังทำอะไรอยู่ ดูได้ตามนี้
ไฟบอกสถานะ Power ไฟสีน้ำเงิน (Blue)
ไฟบอกสถานะ Wi-Fi ไฟสีเขียว (Green)
|
กล้องหลอดไฟ AMARYLLO AR2 ในหน้าแรกของแอปพลิเคชัน AMARYLLO เราสามารถเข้าไปดูวิดีโอถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์ (Real-time) ได้ โดยการแตะเข้าไปที่ "ปุ่ม Live" ตรงกลางจอ จะเป็นการเข้าไปดูวิดีโอที่กล้องแสดงผลอยู่ ณ ขณะนั้น
ปกติเวลาเราดูกล้องหลอดไฟตัวนี้ กล้องจะหันไปมาแบบอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ถ้าหากต้องการควบคุมมุม หรือ หันไปทางทิศที่ต้องการ สามารถปัดในรูปได้เลย เหมือนเวลาเราปัดบนหน้าจอโทรศัพท์ปกติ สามารถปัดซ้าย - ขวา / ขึ้น - ลง เพื่อดูภาพและหันไปรอบ ๆ ห้องได้
การควบคุมหน้ากล้อง
| โหมดเพิ่มเติมต่าง ๆ ในการควบคุมกล้อง
|
สามารถเพิ่มผู้ชมในการดูวิดีโอสดในกล้องได้ โดยเข้าผ่านช่องผู้ชมทั่วไป สามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบบนแอป Amaryllo และ เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) แต่ผู้ชมที่เพิ่มเข้ามาจะไม่มีสิทธิ์ตั้งค่าหรือปรับกล้องได้ ทำได้แค่ดูเท่านั้น (เพิ่มผ่าน QR Code)
สามารถเข้าไปเปิด - ปิดไฟได้ โดยเข้าไปที่ Settings → Image / Light Settings จากนั้นสามารถสั่งเปิด หรือ ปิดไฟเอง หรือ จะตั้งให้เปิด / ปิด แบบอัตโนมัติก็สามารถทำได้
ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ฟีเจอร์แพลนต่าง ๆ ได้ตามนี้ มีให้เลือกเหมาะสมกับการใช้งานหลายรูปแบบ โดยแบบฟรีไม่เสียเงินจะสามารถใช้งานได้ปกติ แจ้งเตือนหน้า จำหน้าได้สูงสุด 4 คน ส่วนแบบที่เสียเงินจะมีฟีเจอร์พิเศษเพิ่มขึ้นมาให้ เช่น ดูวิดีโอแจ้งเตือนย้อนหลัง, แจ้งเตือนไฟไหม้, ตรวจจับวิเคราะห์คน สัตว์ ยานพาหนะ, ตรวจจับเสียง เป็นต้น
กล้องสามารถตรวจจับใบหน้าและวิเคราะห์สิ่งที่เห็นได้ว่าเป็นคน (Human) สัตว์ (Animal) หรือ ยานพาหนะ (Vehicle) จากที่เราเห็น เมื่อกล้องพบใบหน้า หรือ รูปทรงคนเดินผ่านกล้อง ตัวกล้องจะแจ้งเตือนมาบนมือถือ เราจะมองเห็นได้แบบนี้ จะกลางวัน หรือ กลางคืน กล้องก็ยังตรวจจับได้อยู่ และถ้ากล้องเจอหน้าคนที่ลงทะเบียนไว้ กล้องจะแจ้งเตือนเป็นชื่อขึ้นมาให้เรารู้ทันที
โหมดนี้ กล้องสามารถตรวจและบันทึกภาพที่มีความร้อนในรูปแบบพื้นที่ และ เส้นทางได้ โดยจะอ้างอิงจากอุณหภูมิตั้งแต่ 0 - 100% ถ้ามีความร้อนมาก ๆ หรือ ยืนอยู่นาน ๆ เราก็จะเห็นได้ว่าบุคคลในภาพนั้นยืนทำอะไร หรือ เดินไปทางไหนบ้าง โดยที่ไม่ต้องไปไล่ดูวิดีโอย้อนหลัง เราก็ดูได้ในภาพเดียว
เข้าไปเปิดฟังก์ชัน "Intruder Light" ก่อน เมื่อเดินผ่านหน้ากล้องในตอนกลางคืน หากตัวกล้องตรวจจับได้ว่ามีสิ่งเคลื่อนไหว หรือ คนเดินอยู่ จะเป็นคนในบ้าน หรือ คนแปลกหน้า ตัวกล้องก็จะส่องแสง LED ทางด้านหน้าไปยังจุดที่มีการเคลื่อนไหว แถม หันติดตามไปยังมุมต่าง ๆ ได้อีกด้วย ในช่วงกลางคืน เราก็สามารถมองเห็นภาพในกล้องได้ง่ายขึ้น และเรายังเดินในบ้านได้ง่ายขึ้นอีกด้วย (เรื่องความสว่าง ก็ถือว่ามองเห็นชัดเจนในระดับหนึ่ง)
การตรวจจับรูปแบบต่าง ๆ ที่พูดมาทั้งหมด เมื่อกล้องตรวจเจออะไรสักอย่าง กล้องจะส่งการแจ้งเตือนผ่านทางแอปพลิเคชันมา ไม่ว่าจะเจอการเคลื่อนไหว เจอเสียง เจอผู้คน หรือ ใบหน้าที่เราบันทึกไว้ กล้องก็จะแจ้งเรามาทันทีที่พบ ซึ่งหากเราจ่ายค่าบริการรายเดือน จะสามารถกดเข้าไปดูวิดีโอสั้น ๆ ของแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้ แต่หากใช้งานฟรี จะดูได้เพียงภาพนิ่งเท่านั้น
เวลาเราเจอการแจ้งเตือนต่าง ๆ ทางด้านล่างจะมีปุ่ม Make a phone call หรือ Sound the alarm ให้เลือก เราสามารถเลือกโทรเบอร์ฉุกเฉินที่เราตั้งไว้ เช่นเบอร์คนในบ้าน หรือ เบอร์ฉุกเฉินหน่วยกู้ภัยต่าง ๆ ส่วนการส่งสัญญาณเตือน จะเป็นเสียงดังคล้าย ๆ สัญญาณเตือนภัย เสียงดังจนคนหน้ากล้องตกใจ และเดินหนีไปได้เลย
ในส่วนของรายงานประจำวัน (Daily Report) ก็จะมีการแจ้งเตือนสถิติที่ตัวกล้องสามารถตรวจจับได้ โดยแยกเป็นการแจ้งเตือนผ่านเซ็นเซอร์แบบชีวภาพ (Biometric Alerts) และ เซ็นเซอร์ตรวจจับแบบปกติ (Sensor Alerts) ถ้ากล้องพบเจอใบหน้า รูปร่างคน หรือ เจอการเคลื่อนไหวและเสียง ก็จะแสดงให้เห็นว่ามีการแจ้งเตือนมากน้อยแค่ไหน ตามช่วงเวลาต่าง ๆ
ภาพวิดีโอที่ถ่ายในกล้องจะถูกเก็บไว้บน Google Drive / Amaryllo Cloud ถ้าเราอยากดูวิดีโอแบบย้อนหลัง สามารถเข้าไปได้ที่ "Archive" (กล้องหาย หรือ ปิดอยู่ ก็สามารถดูได้) จากนั้นจะขึ้นหน้าให้เลือก "Login Google Account" ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google และเข้าไปเปิดดูวิดีโอต่าง ๆ ตามวันที่ ที่กล้องบันทึกไว้ได้ (สามารถดูย้อนหลังได้สูงสุดขึ้นอยู่กับแพ็คเกจที่ใช้ และ เนื้อที่บน Google Drive)
หากใครต้องการให้กล้องปิดใช้งานตามช่วงวันเวลาที่ต้องการ สามารถเข้าไปได้ที่ "Schedule" และเลือกตั้งค่าระบุวันเวลาได้ ตั้งค่าเป็นรายชื่อวันที่ และ เวลาที่ต้องการ เช่น วันจันทร์ - ศุกร์ ปิดใช้งานตั้งแต่ 6:00 - 20:00 น.
เวลาที่เราต้องการเวลาส่วนตัว ไม่ต้องการให้กล้องเปิดทำงาน หรือ เฝ้าดูเวลาที่เราอยู่บ้าน ก็สามารถเข้าไปปิดที่ "Private Mode" และเลือก YES เพื่อปิดและเปิดได้ เมื่อเลือกครั้งแรกกล้องจะปิดทันที ถ้าเลือกครั้งที่สองกล้องจะเปิดใช้งานตามปกติ ช่วยให้เรามั่นใจ มีเวลาส่วนตัว ไม่ต้องคอยระแวงว่าใครในบ้านจะแอบเปิดกล้องดู
กลางวัน | กลางคืน |
กลางวัน | กลางคืน |
เรื่องคุณภาพความละเอียดของกล้องหลอดไฟตัวนี้อยู่ในระดับที่ประทับใจ ในตอนกลางวัน สามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจน ทั้งรายละเอียดใบหน้า สิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ภายในบ้าน หรือ ออฟฟิศ ส่วนตอนกลางคืน หรือ ช่วงที่มีแสงน้อยเกินกว่าค่าที่เราตั้งไว้ ตัวกล้องจะปรับเปลี่ยนเป็นโหมดมองภาพกลางคืน (ขาวดำ) อัตโนมัติ เราก็จะสามารถมองเห็นภาพจากกล้องในช่วงตอนกลางคืนได้
หลังจากเปิดใช้งานการพูดคุยผ่านเสียงไมค์แล้ว หากเราดูผ่านกล้องอยู่ และอยากคุยกับคนในกล้อง ให้เรากดปุ่ม "ไมค์" แตะเปิดจะเป็นสีฟ้า และ ให้เราพูดออกไป อีกฝั่งของกล้องจะได้ยินที่เราพูด แม้เราจะกระซิบ เสียงที่ออกมาจากกล้องก็ยังคงได้ยินและฟังรู้เรื่อง สื่อสารกันได้เหมือนโทรคุยปกติเลย
ตัวกล้องมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เวลาเราเดินผ่านด้านหน้า ตัวกล้องก็จะจับภาพและหมุนตามเราไปเรื่อย ๆ ถ้าเราเดินผ่านทางด้านหลัง หรือ มีอะไรก็ตามที่เคลื่อนไหว แม้กระทั่งมีเสียงเปิดประตู กล้องก็จะหันไปด้านหลังทันที โดยจะหมุนติดตามไปรอบ ๆ และจับภาพนั้นไว้
ภาพจำลองเหตุการณ์ไฟไหม้
กล้องตัวนี้มีเซ็นเซอร์ที่สามารถวิเคราะห์อุณหภูมิได้ หากเจอเปลวไฟ หรือ วัตถุที่มีความร้อนสูง หรือ แสงสว่างจ้าผิดปกติ ตัวกล้องจะทำการแจ้งเตือนให้เรารู้ เราก็สามารถดูได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีไฟไหม้จริง ๆ หรือเปล่า ถ้าเกิดเป็นเหตุอันตราย เช่น ไฟไหม้ อย่างเช่นห้องครัว เราลืมปิดเตาไว้ เราก็สามารถโทรแจ้งเบอร์ฉุกเฉิน ให้เข้ามาระงับเหตุได้เลยก่อนที่จะลุกลามไปมากกว่านี้
ในการกำหนดโซนแจ้งเตือน เราสามารถตั้งค่าพื้นที่ (Zone) บริเวณที่เราต้องการให้กล้องตรวจจับติดตามหรือเพิกเฉยบริเวณนั้น ๆ ได้ ซึ่ง การจะเข้าไปตั้งค่า หรือ ใช้งานการกำหนดพื้นที่นี้ จำเป็นต้องตั้งให้กล้องอยู่ในตำแหน่ง Home ก่อน จากนั้นเลือกว่าเราจะตั้งให้กล้องตรวจจับในบริเวณ Activity Zone เช่น ประตู สามารถลากและวาดพื้นที่ลงบนหน้าจอเพื่อกำหนดได้ ส่วนพื้นที่ ๆ เราไม่ต้องการให้กล้องตรวจจับ ก็ใช้ Blockout Zone แทนนั่นเอง
ในระบบนี้ เป็นเหมือนระบบที่ใช้ทักทายต้อนรับเมื่อเจอคนหน้ากล้อง หรือ ทักทายเป็นช่วงเวลา และ บอกเวลาตามที่เราตั้งได้ เช่นเราเดินผ่านหน้ากล้อง ตัวกล้องจะหันมาพูดว่า Hello! (สวัสดี) เราสามารถตั้งเป็นภาษาอื่น ๆ ได้ และนอกจากนี้เรายังสามารถอัดเสียงตัวเองเข้าไปเป็นเสียงต้องรับและตั้งค่าแบบอื่น ๆ ได้อีกด้วย
กล้องหลอดไฟ AMARYLLO AR2 ตัวนี้ เป็นอีกหนึ่งกล้องหลอดไฟที่ไม่เหมือนใคร มีฟีเจอร์พิเศษ ๆ ที่น่าสนใจ อย่างระบบติดตามและตรวจจับคน สัตว์ หมุนได้แบบ 360 องศา แถมติดตั้งง่ายเหมือนเปลี่ยนหลอดไฟ ใช้งานได้ง่าย ตั้งค่าเพียงแค่ช่วงแรก จากนั้นก็ใช้ยาว ๆ ได้เลยอย่างหายห่วง อุ่นใจมีกล้องหลอดไฟที่ฉลาดช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเตือนยามที่เราไม่ได้อยู่บ้านหรือออฟฟิศได้สบาย ๆ
|
It was just an ordinary day. |