ในยุคที่เทรนด์การออกกำลังกาย คนไปฟิตเนสกำลังเป็นที่นิยม เราเห็นคนมากมายต่างมุ่งมั่นที่จะแสวงหาเส้นทางไปสู่ความดูดีแบบ ฟิต แอนด์ เฟิร์ม บ้างก็เลือกที่จะเข้าฟิตเนส เล่นกีฬา ว่ายน้ำ ไม่ก็ออกวิ่งตามสวนสาธารณะ บางคนตั้งปณิธานว่าจะทำมันแทบทุกอย่าง แต่สุดท้ายผ่านไปเป็นปี ก็ได้แค่คิด แต่ไม่ได้ทำ
เพราะคุณไม่มีความมุ่นมั่นมากพองั้นหรือ .... ก็ไม่ใช่
หลายคนมักบอกว่า "ไม่มีเวลา.." หรือ "เปลืองเงิน" ที่จะเข้าฟิตเนส บ้างก็บอกขี้เกียจ (อันนี้ผ่านไป) ซึ่งคนที่บอกไม่มีเวลา ไม่มีเงิน ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ที่จริง ทุกวันนี้เรามีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยให้คุณออกกำลังกายในบ้านง่ายๆ และทำท่าตามในแอป แต่คุณอาจมีคำถามว่า จะมีไปเพื่อ !? ดูคลิปในอินเทอร์เน็ตก็ได้
นั่นแหล่ะคือประเด็น เพราะแอปฟิตเนส ไม่ได่มีแค่ท่าออกกำลังกายให้คุณทำตามไปเรื่อยๆ หรือแค่บอกว่าคุณออกกำลังกายจนเสียพลังงานไปเท่าไหร่ แต่มันยังเป็นเหมือนโค้ชส่วนตัว ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ สร้างวินัย สร้างแผนออกกำลัง และสร้างแผนคุมอาหาร ที่ดีกว่าการออกกำลังกายแบบไม่มีเป้าหมาย
โดยบทความนี้เราจะแนะนำแอปฟิตเนส 6 ตัวด้วยกัน และต้องบอกว่าในฐานะที่ชอบออกกำลังกายเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ผมก็เพิ่งสังเกตว่า แอปพลิเคชันพวกนี้มันมีเยอะมากจริงๆ จนเลือกแทบไม่ถูกเลยแหล่ะ อย่างไรก็ตาม ทุกแอปล้วนมีข้อดี และจุดเด่นที่ต่างกันออกไป ซึ่งอย่างน้อยคุณควรต้องมีติดเครื่องเอาไว้บ้างสักหนึ่งตัว ถ้าคุณกำลังคิดจะออกกำลังกาย มาดูกันเลย ว่ามีอะไรบ้าง
ค่ายนี้เขาแบ่งเป็น 2 แอปพลิเคชัน คือ
ขอแนะนำว่าหากอยากได้แบบครบๆ ก็ดาวน์โหลดทั้ง 2 ตัวเลย
Nike Run Club มาพร้อมข้อดี เรื่องระบบเก็บสถิติระยะทาง รวมถึงพิกัดสถานที่ ซึ่งนอกจากจะบอกความเร็ว เวลา รวมถึงพลังงานที่เสียไปเหมือนแอปพลิเคชันทั่วไปแล้ว ยังมีการใช้ระบบ GPS ช่วยระบุได้ด้วยว่าเราเร่งความเร็วในการวิ่งในแต่ละจังหวะเท่าไหร่ ช่วยให้คุณวิเคราะห์ได้ว่าตอนไหนที่ต้องผ่อน ตอนไหนที่ต้องเร่ง ถ้าไหวอ่ะนะ
ที่สำคัญหากใช้งานร่วมกับ รองเท้าวิ่ง Nike รุ่นที่ฝังชิป เราสามารถเก็บสถิติให้รองเท้าได้ด้วยเพิ่มความรู้สึกอยากเก็บ Achievement ให้อารมณ์เหมือนปลดล็อกความสำเร็จ ในเกม นอกจากนี้ระหว่างวิ่ง ก็เลือกเพลงจาก Apple Music และ Spotify ผ่านแอปได้ในตัว
อีกจุดหนึ่งที่ทำให้แอป Nike Run Club น่าใช้ คือ ระบบโค้ชส่วนตัว ที่สามารถสร้างแผนการวิ่งให้เราได้ใน 1-3 เดือน สิ่งนี้จะทำให้การออกกำลังกายของคุณมีระบบระเบียบที่แน่นอน และยังเป็นการช่วยสร้างเป้าหมายในการวิ่ง ทำให้มีแรงบันดาลใจมากขึ้นเพื่อทำตามเป้าหมายเหล่านั้น
ภายในแอปยังมีระบบ Club ที่เป็นเหมือนชุมชนของนักวิ่ง ซึ่งหากเรามีเพื่อนที่ชอบวิ่งด้วยแล้ว ยังสามารถสร้างบทท้าทาย ส่งให้เพื่อนได้ ทั้งยังมีระบบ Leaderboard ให้คุณได้ตั้งเป้าหมายพิชิตคนรู้จัก ช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นในการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
Nike Training Club จะเน้นการออกกำลังกายในบ้านง่ายๆ ตามคลิปวิดีโอ เช่น โยคะ, เวทเทรนนิ่ง, คาร์ดิโอ (Cardio) หรือจำพวกท่าออกกำลังกายที่ใช้อุปกรณ์เสริม เพียงแค่คุณมีเวลา 8-30 นาที เท่านี้ก็ออกกำลังกายโดยไม่ต้องใช้เวลามากมาย นอกจากนี้ยังมีการจัดระดับความท้าทาย ให้ได้ลองฝึกตั้งแต่ท่าง่ายๆ ไปจนถึงท่ายาก หากฝึกจนชินชา ก็เพิ่มระดับความท้าทายเข้าไปได้อีก
ทั้งนี้ บัญชีการใช้งานของ แอป Nike Run Club และ Nike Training Club จะมีการซิงก์กัน ดังนั้นข้อมูลสถิติทั้งหมดที่เราเล่นไป ก็จะเก็บอยู่ทั้งสองแอปพลิเคชัน
ทาง 'Adidas' ก็มีแอปพลิเคชันสำหรับออกกำลังกายเช่นกัน คือ
แอป adidas Runtastic เป็นแอปสำหรับนักวิ่งนอกสถานที่ ที่มาพร้อมกับระบบติดตาม GPS และมีการเก็บสถิติเอาไว้ดูเพื่อนสร้างแรงบันดาลใจเหมือนกัน นอกจากนี้ถ้าใช้งานร่วมกับหูฟัง คุณจะได้ยินเสียงระบบคอยแจ้งเตือนเป็นระยะๆ ว่าคุณวิ่งด้วยความเร็วแค่ไหน เสียพลังงานไปเท่าไหร่ และใช้เวลาไปแล้วกี่นาที โดยเมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมในทุกครั้ง คุณสามารถเซฟสถิติเป็นรูปภาพและนำไปแชร์บนแพลตฟอร์มต่างๆ หรือแชร์ให้เพื่อนได้เลย ทั้งบน Facebook หรือ Line
ในแอป adidas Runtastic ยังมีระบบ Commutiny ที่ทาง adidas มีการจัดอันดับ Ranking ให้คุณตอบรับเข้าร่วม หน้าที่คุณคือ เก็บสถิติการวิ่งให้ไกลที่สุดแข่งกับผู้ใช้ทั่วโลก ซึ่งนอกจากจะจัดอันดับแบบส่วนบุคคลแล้ว ยังมีการนับสถิติรวมของประเทศด้วยโดยระบบ Ranking จะมีการรีเซ็ตในทุกเดือน
หลายคนอาจถามว่าติดท็อปแล้วได้อะไร อันนี้ผมไม่รู้ แต่ไม่แน่ อาจจะได้รับสิทธิพิเศษบางอย่างจาก Adidas เช่น ส่วนลดซื้อสินค้า หรืออย่างน้อย คุณก็ได้ติดประวัติว่าเคยเป็นนักวิ่งที่วิ่งได้ไกลที่สุดในเดือนนั้น นั่นเอง
น่าเสียดายที่ฟีเจอร์สำหรับจัดแผนการวิ่งส่วนตัวไม่เปิดใช้ฟรีเหมือน Nike ผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกพรีเมียมถึงจะได้ใช้งานกัน แต่ในส่วนฟีเจอร์เก็บสถิติระยะทางให้รองเท้าฝังชิป อันนี้ Adidas ก็รองรับเหมือนกันนะ
แอป adidas Training by Runtastic จะเน้นในส่วนของการออกกำลังกายในบ้าน ที่จะตอบโจทย์สำหรับคนไม่มีเวลาไปวิ่ง หรือ เข้าฟิตเนส และก็เช่นกันเมื่อเข้าใช้งาน มันจะสร้างแผนการฝึก ให้คุณทำตามท่วงท่าการออกกำลังกายจาก ท่าง่ายๆ ไปจนถึง ท่ายากๆ ตามกำหนดระยะเวลา เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งการทำกิจกรรมแต่ละครั้ง ใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่ 5-30 นาที
และก็เหมือนกับ adidas Runtastic ที่มีระบบ Community จัด Ranking คุณสามารถเข้าร่วมและเก็บสถิติการออกกำลังกาย (นับเป็นชั่วโมง) แข่งกับคนทั่วโลกได้
MapMyRun เป็นแอปพลิเคชันสายนักวิ่งออกกำลังกายนอกสถานที่ ของ Under Armour แบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้ากีฬาชื่อดัง ซึ่งควรมีติดเครื่องไว้ จุดเด่นคือมี GPS ติดตามแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ยังเก็บสถิติต่างๆ ให้เราไว้ดูย้อนหลังได้อย่างครบครัน อีกทั้งยังสามารถตั้งเป้าหมายเองได้ว่าเราจะออกกำลังกายกี่ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยกระตุ้นจิตใต้สำนึกให้อยากทำตามเป้าหมายนั้นๆ
จุดเด่นจริงๆ ของ MapMyRun คงเป็นระบบ Social Network ในตัว ซึ่งมีผู้ใช้กว่าล้านคน ให้เราได้นำผลงาน พร้อมภาพถ่ายประกอบ ไปอวดลงหน้าฟีด และยังมีการรองรับเพลงจาก Apple Music และ Spotify เปิดฟังผ่านแอปในตัวได้เช่นกัน
MapMyRun มีการทำออกมาให้ใช้ฟรีก็จริง แต่หากเราอยากได้ฟีเจอร์เสริมอื่นๆ เช่น ใช้งานแบบไร้โฆษณา ฟีเจอร์สร้างแผนการวิ่ง ระบบโค้ชที่บรีฟเราตอนวิ่งแบบมาเป็นเสียงเลยทีเดียว (อันนี้ชอบ) หรือแม้แต่การวิเคราะห์สถิติที่ละเอียดขึ้นกว่าเดิม คุณจำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายสมัครเป็นพรีเมียมแบบรายเดือน 209 บาทต่อเดือน หรือ 1,020 บาทต่อปี (85 บาทต่อเดือน) ซึ่งจริงๆ ก็นับว่าคุ้มอยู่ และในช่วงเริ่มต้นคุณสามารถใช้ฟรีได้ 14 วัน
30 Day Fitness Challenge Workout at Home "ออกกำลังกายที่บ้าน 30 วัน" ชื่อก็บอกในตัวแล้ว เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาจริงๆ เป็นแอปที่ช่วยวางแผนโปรแกรมออกกำลังกายให้คุณ โดยจำกัดว่า 1 โปรแกรม มีระยะเวลา 30 วัน ที่จะช่วยสร้างหุ่นสวย หรือ ลดหุ่นให้คุณได้แบบเห็นผล
เริ่มแรกเมื่อดาวน์โหลดมาใช้ แอปจะถามคุณก่อนว่า เป้าหมายในการออกกำลังกายที่ต้องการคืออะไรโดยมีตัวเลือก 3 ข้อ คือ
จากนั้น ระบบจะสร้างแผนการออกกำลังกายให้ทำ หน้าที่ของคุณเพียงแค่ปฏิบัติให้ครบเซ็ต ไม่สำคัญว่าทำอะไรก่อนหลังเพียงแค่เลือกที่คิดว่าพร้อมและปฏิบัติอย่างต่อเนื่องตามเซ็ตในแต่ละสัปดาห์ โดยท่าทางการออกกำลังกายเหล่านี้ มีการรองรับจากผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าช่วยพัฒนาความฟิตและยกระดับสุขภาพได้จริง
จุดเด่นสำหรับแอป 30 Day Fitness Challenge Workout at Home คือ นอกจากจะดูแลเราเรื่องการออกกำลังกายแล้ว มันยังดูแลเรื่องอาหารการกินให้เราด้วย เช่น มีการแนะนำวัตถุดิบที่ต้องเตรียมในแต่ละสัปดาห์ และเมนูอาหารที่คุณต้องรับประทาน 3 เวลา รวมถึงอาหารว่าง ที่จะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ บอกเลยว่าตอบโจทย์แบบรอบด้าน
MyFitnessPal เป็นแอปพลิเคชันของ Under Armour อีกตัว โดยเป้าหมายของการใช้งาน จะเน้นในส่วนของการคุมอาหารเป็นหลัก และเมื่อเริ่มสมัคร แอปจะให้เลือกเป้าหมาย 3 อย่าง คือ
จากนั้นระบบจะจัดโปรแกรมการกินอาหารให้เราเป็นแนวทาง มีสูตรอาหาร ตารางออกกำลังกาย มีระบบสแกนบาร์โค้ด ให้เรานำไปสแกนหาคุณค่าทางโภชนาการของอาหารตามซูเปอร์มาร์เก็ต (รองรับของกินในไทยเยอะมาก) นอกจากนี้ภายในแอปยังมีระบบคำนวณแคลอรี่ มีตารางสถิติผลพลังงานที่ได้รับและเสียไปแต่ละวัน ให้คุณวิเคราะห์ ความสมดุุล อีกทั้งยังมีบล็อกข้อมูลด้านสุขภาพดีๆ ให้อ่านเป็นภาษาอังกฤษ
แอป MyFitnessPal จะช่วยสร้างวินัยต่อตัวคุณได้เป็นอย่างดีในเรื่องการกิน ถ้าคุณใช้มันอย่างสม่ำเสมอ กรอกข้อมูลในแต่ละวันตามความจริง และเมื่อทำแบบนี้เป็นกิจวัตรประจําวัน สักวันคุณก็จะบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้ไม่ยาก
BetterMe: Widget Workout& Diet เป็นแอปพลิเคชันของคนรักสุขภาพที่ครบครัน และมีรูปแบบของ UI ที่สวยงาม ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย ให้ดาวน์โหลดฟรี แต่จำกัดบางฟีเจอร์ ซึ่งก็ไม่ได้มีความจำเป็นมากนัก เริ่มแรกเมื่อคุณดาวน์โหลดมาใช้งาน ภายในแอปจะมีตัวเลือกเป้าหมาย 3 อย่างเช่นกัน คือ
จุดเด่นของแอป นอกจากจะให้คุณได้ออกกำลังกายง่ายๆ ในบ้าน ยังมีการนำเทคนิคคุมอาหารตามโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพและทันสมัยให้เลือกมากมาย เช่น Vegan (วีแกน) เน้นมังสวิรัติ, แบบดั้งเดิม ที่คุมอาหารโดยลดประเภทพวกไขมัน หรือ คีโตเจนิค ไดเอต (Ketogenic Diet) คือการกินที่เน้นไขมันสูง รองมาด้วยโปรตีน และลดคาร์โบไฮเดรต
ทุกกิจกรรม เป็นแผนที่คุณต้องทำทุกวันให้ครบ ถ้าคุณมีวินัย และปฏิบัติตาม อย่างสม่ำเสมอ เป้าหมายก็อยู่แค่เอื้อม
แอปพลิเคชันทุกแอป อาจเป็นตัวช่วยให้คุณได้มากมาย ทั้งวางแนวทางและสร้างเป้าหมาย ต้องออกกำลังกายท่าไหน ต้องกินเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม เหมือนดั่งมีเทรนด์เนอร์ส่วนตัว โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพง ดีกว่าการออกกำลังกายแบบเรื่อยเปื่อยเป็นไหนๆ
อย่างไรก็ตามทุกอย่างจะสำเร็จได้ ขึ้นอยู่กับกับวินัยของคุณเอง ถ้าคุณมีแอปพลิเคชันดีๆ อยู่ในเครื่องแต่ ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ สุดท้ายคุณก็ไม่มีทางที่จะบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ถ้ามีเวลาตอนนี้ ก็ลุกขึ้นมาโหลดแอปสักตัวที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง และเริ่มจากการออกกำลังกายด้วยท่าง่ายๆ ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |
ความคิดเห็นที่ 1
6 มกราคม 2565 19:41:27
|
||
GUEST |
กด้ด้กดเกดเก
ดีมาก
|
|