ในยุคที่ทุกคนต่างแข่งขันกันเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จ โอกาสไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่ายๆ และหลายคนก็ค้นพบว่าชีวิตตัวเองจมอยู่กับงานที่น่าเบื่อ และใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไม่รู้ว่าตัวเองจะลืมตาอ้าปากได้เมื่อไหร่
ที่มาภาพ https://www.justwatch.com/nl/movie/joy-2015
แต่ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงที่ชื่อ “จอย” หญิงสาวที่ฉายแววนักประดิษฐ์มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งชื่อของเธอเป็นที่มาของชื่อหนัง ภาพยนตร์ Joy เรื่องนี้ ยายของเธอเห็นแววนักประดิษฐ์ของเธอมาตลอดและให้กำลังใจว่าสักวันเธอจะประสบความสำเร็จจากงานอดิเรกเหล่านี้ หนังเริ่มเล่าถึงวัยเด็กที่จอยประดิษฐ์บ้านกระดาษขึ้นมาเป็นของเล่นของตัวเอง จนถึงตอนที่พ่อแม่ของเธอหย่ากัน ก่อนจะตัดกลับมายังชีวิตในปัจจุบันที่เธอเป็นพนักงานสายการบินแห่งหนึ่ง
โดยเธอมีลูกสองคนกับสามีที่หย่ากันแล้ว ผู้อาศัยอยู่ในชั้นใต้ดินบ้านของเธอ แม่ของเธอไม่ทำอะไรนอกจากดูละครไปวันๆ จะมีก็เพียงยายที่ช่วยเธอเลี้ยงลูกเป็นครั้งคราว พ่อของจอยทำอู่ซ่อมรถที่ประสบความสำเร็จพอสมควร และเธอมีน้องสาวต่างแม่ที่ไม่ถูกกันนักอยู่คนหนึ่ง
ที่มาภาพ https://clairestbearestreviews.com/2016/01/04/film-review-joy/
เราจะได้ตามไปดูชีวิตของจอยที่งานทุกอย่างถาโถมมาที่เธอไม่หยุดยั้ง ในช่วงแรกของหนัง เธอแทบไม่เคยมีเวลานั่งเฉยๆ หรือนอนพักเหนื่อย เพราะจะมีเรื่องเข้ามาให้จัดการเสมอ เราแอบสงสารจอยไม่ได้ แต่ก็เอาใจช่วยว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไปกับบิลค่าน้ำค่าไฟที่ต้องจ่ายทุกๆ เดือน และแล้ววันหนึ่ง เธอก็ฝันถึงตัวเองในวัยเด็ก - เสียงที่มาย้ำเตือนให้เธอนึกถึงอัจฉริยภาพที่เคยมี แล้วเธอก็เริ่มร่างมันออกมาด้วยสีเทียนของลูกสาวเธอ - สิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกที่จะเปลี่ยนชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอดกาล
หนัง ภาพยนตร์ Joy ไม่ได้เพียงแค่แสดงภาพของนักธุรกิจคนหนึ่งที่พยายามจนประสบความสำเร็จ แต่เป็น “นักธุรกิจหญิง” ที่มีปัจจัยนับล้านในชีวิตที่จะหยุดยั้งเธอจากความสำเร็จ ทุกครั้งที่จอยล้มลง เธอจะถูกคนอื่นซ้ำเติมอยู่เสมอว่าพวกเขาคิดไว้แล้วว่าเธอไม่อาจเป็นมากกว่าผู้หญิงธรรมดา พ่อของเธอโทษตัวเองว่าเป็นความผิดเขาที่ทำให้จอยฝันถึงวันที่ดีกว่า ในขณะที่จอยพร่ำบอกกับตนเองว่ายายของเธออาจคิดผิดที่บอกว่าเธอจะประสบความสำเร็จ
ที่มาภาพ https://www.vogue.com/article/jennifer-lawrence-age-movies
ในหนัง ภาพยนตร์ Joy นั้น โลกธุรกิจนั้นเย็นชาและโหดร้ายกว่าที่คิดสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบจอย มีปัญหาเกิดขึ้นในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การทำสินค้าต้นแบบ (ซึ่งคือไม้ถูพื้นแบบบิดง่าย) การนำเสนอให้นายทุน การหาคนผลิตชิ้นส่วน ไปจนถึงการขายมันให้ได้ เธอต้องไปขายไม้ถูพื้นหน้าห้างจนโดนตำรวจยึดของไปในช่วงแรก ลูกของเธอร้องไห้ออกมา และเธอไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไร สำหรับจอยแล้ว มันน่าหดหู่เหลือเกินที่เธอกลายเป็นแบบนี้ต่อหน้าลูก เธอเป็นแม่ประสาอะไรกันนะ?
ที่มาภาพ https://www.usatoday.com/story/life/tv/2015/12/25/home-shopping-hsn-qvc-joy/77903120/
ปัญหาไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะเมื่อเธอหาที่ขายสินค้าได้ เธอก็ต้องเจอกับผู้สาธิตสินค้าที่ไม่รู้จักสินค้าของเธอดี เธอแก้เกมด้วยการนำเสนอสินค้าชิ้นนั้นเอง และมันก็ประสบความสำเร็จ มีผู้สั่งของเข้ามานับแสนชิ้น แต่แล้วเธอก็ต้องเจอกับปัญหาด้านลิขสิทธิ์จนทำให้เธอคิดว่าตัวเองจะจนมุมแล้ว
ถ้าหนัง ภาพยนตร์ Joy จะสะท้อนอะไรสักอย่างที่มีค่าจริงๆ นั่นก็คือแนวคิดว่าในประเทศอเมริกา ผู้คนสามารถฝัน พยายาม และถีบตัวเองให้ประสบความสำเร็จ ดินแดนนี้เป็นดินแดนเสรีและดินแดนแห่งโอกาส ที่คนอย่างจอยสามารถไต่ระดับทางสังคมได้โดยใช้ความสามารถพิเศษของตัวเอง แน่นอนว่าระหว่างทางมีอุปสรรคมากมายและผู้คนก็จ้องจะเอาเปรียบและหยุดยั้งเธอ แต่ก็อย่างที่ยายของเธอพูดไว้ ในวันที่เธอเดินอยู่บนถนน เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ปฏิวัติวงการสินค้าในครัวเรือนไปตลอดกาล
ที่มาภาพ https://medium.com/framerated/joy-2015-3c019e1839fb
จุดเด่นของหนัง ภาพยนตร์ Joy คือการแสดงที่แข็งแกร่งของเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่ทำการแสดงที่มีความซับซ้อนสูงออกมาได้อย่างงดงาม ชีวิตในหนึ่งวันของจอยมีอารมณ์เข้ามาปะทะนับไม่ถ้วน และนี่ทำให้การเลือกนักแสดงสำคัญมาก นักแสดงสมทบคนอื่นๆ เช่น โรเบิร์ต เดอ นีโร และ แบรดลีย์ คูเปอร์ ก็ทำให้หนังมีความสมบูรณ์และเล่าเรื่องอย่างมีมิติ อาจกล่าวได้ว่าทีมนักแสดงแบกหนังเรื่องนี้ไว้ทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้
สำหรับใครที่หาโปรแกรมหนังดูช่วงคริสต์มาสต์และปีใหม่ หนัง ภาพยนตร์ Joy ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะหนังให้แรงบันดาลใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับการพยายามจนประสบความสำเร็จ
ที่มาภาพ https://pantip.com/topic/34814699
|
นักเขียนอิสระให้กับสื่อออนไลน์ ชอบวิจารณ์หนังและหนังสือ |