5 แกดเจ็ตสำหรับคนทำงานจากที่บ้าน (5 Recommended Work From Home Gadgets)

5 แกดเจ็ตสำหรับคนทำงานจากที่บ้าน
(5 Recommended Work From Home Gadgets)

ในช่วงหลังๆ มานี้ การทำงานจากที่บ้าน (Working From Home) (หรือบางคนอาจจะ "Work From Anywhere") ซึ่งจริงๆ แล้ว หลายคนอาจจะมองดูว่า การทำงานที่บ้าน ดูจะสะดวกสบายกว่าการทำงานที่ออฟฟิศอยู่หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน หรือตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ในการทำงาน มีความคุ้นเคย คุ้นชินกับสถานที่ แต่ทว่า สำหรับบ้านบางที่ การทำงานจากที่บ้าน อาจดูไม่เหมาะสักเท่าไหร่ เนื่องด้วยการซื้อของเข้าบ้านนั้น ไม่ได้ถูกตระเตรียมไว้สำหรับการทำงานตั้งแต่แรก (แบบว่าอยู่บ้านคือการพักผ่อนเท่านั้น) ฉะนั้นแล้ว เราก็เลยมีแกดเจ็ตแนะนำสำหรับการเปลี่ยนบ้านให้เป็นออฟฟิศที่แสนสบายมาฝากค่ะ

เนื้อหาภายในบทความ

1. เก้าอี้เพื่อสุขภาพ, หมอนรองหลัง (Back Cushion) และ เบาะรองนั่ง (Seat Cushion)
2. ที่พักเท้า (Foot Rest)
3. เมาส์เพื่อสุขภาพ (Ergonomic Mouse)
4. แผ่นรองเมาส์ (Mouse Pad) และ แท่นรองข้อมือเวลาพิมพ์ (Wrist Pad)
5. อุปกรณ์บริหารมือ (Hand Exercise Tool)

1. เก้าอี้เพื่อสุขภาพ (Ergonomic Chair)

เมื่อเราต้องนั่งนานๆ อย่างแรกเลยที่ต้องนึกถึงก็คือ เก้าอี้ ที่เราจะต้องใช้เวลาอยู่กับมันตลอดในเวลาทำงาน การใช้เก้าอี้ที่สามารถรองรับการนั่งเป็นเวลานาน และสามารถปรับเปลี่ยนอิริยาบถการนั่งได้อย่างอิสระ ก็สามารถทำให้เราทำงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องมาหงุดหงิดกับอาการปวดหลังปวดคอแล้ว

หากอยู่ในออฟฟิศ เราก็จะได้นั่งเก้าอี้สำนักงานที่บริษัทจัดหาให้ แต่เมื่อเราได้อยู่ที่บ้าน การซื้อของเข้าบ้านทั้งทีก็จัดของดีไปเลยกับ เก้าอี้เพื่อสุขภาพ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับกับสรีระเวลานั่งโดยเฉพาะ เพราะเก้าอี้แบบนี้ จะสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ ทั้งการปรับพนักพิงศีรษะ, ปรับการเอียงของเก้าอี้, ปรับระดับที่วางแขนทั้งสูง-ต่ำ และยื่นหน้า-หลัง, ปรับความลึกของเบาะ, ฯลฯ

Credit: https://www.pinterest.com/pin/756886281098579340/

และเพราะเก้าอี้เพื่อสุขภาพจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงพอสมควร ฉะนั้น สำหรับใครที่มีเก้าอี้ไว้ทำงานอยู่แล้ว เราก็มีทางเลือกในการปรับที่นั่งทำงานของคุณให้ดีขึ้นอีกทางเลือกหนึ่ง ด้วยการใช้ หมอนรองหลัง และ เบาะรองนั่ง

หมอนรองหลัง (Back Cushion)

เริ่มต้นด้วยของชิ้นแรกอย่าง หมอนรองหลัง ที่ใครหลายๆ คนมองข้าม จริงๆ แล้ว การที่เราต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้เป็นเวลานานๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องใส่ใจเป็นลำดับต้นๆ เพราะถ้าหากลองนับเวลาดูดีๆ แล้ว พนักงานออฟฟิศอย่างเราๆ ต้องใช้เวลาอยู่บนเก้าอี้เฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว (นี่ยังไม่นับโอทีกับเวลากินข้าวนะ) ซึ่งเวลาขนาดนี้ ถือเป็น 1 ใน 3 ของเวลาที่เรามีเพื่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ดังนั้น รูปแบบการนั่งทำงานในทุกๆ วัน จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อสุขภาพของเราในระยะยาว

Credit: https://www.salika.co/2020/09/25/virtual-office-5g/

หมอนรองหลัง ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก, เอว, และ บริเวณหลัง ถ้าหากการนั่งของเราผิดไปจากที่ควรจะเป็น เช่น หลังไม่ได้พิงพนัก หรือ นั่งไขว่ห้าง ก็จะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ง่ายๆ และแน่นอน มันก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการ ออฟฟิศซินโดรม ที่หลายคนน่าจะผ่านหูกันมาบ้างแล้ว และถ้ามันเกิดขึ้น ก็จะกลายเป็นอาการเรื้อรังที่หายได้ยากเลยล่ะ

Credit: https://www.stcarlos.com/ออฟฟิศซินโดรม-office-syndrome/

การเลือกหมอนรองหลังให้เหมาะสมกับการใช้งาน ต้องดูความชอบและสรีระร่างกาย ของแต่ละคนด้วยว่าชอบแบบไหน หลักๆ เลยก็จะมีวัสดุ 2 แบบที่นิยมใช้กันได้แก่ เมโมรีโฟม และ ยางพารา 

1. เมโมรีโฟม (Memory Foam)

วัสดุแบบเมโมรีโฟมนั้น เวลาใช้งานจะรู้สึกนิ่ม แล้วยวบเข้ากับสรีระของเรา เป็นการกระจายแรงกดทับ ถ้าเราทิ้งน้ำหนักเข้าไปตรงไหน ตรงนั้นก็จะยวบ แต่ถ้าไม่ได้ทิ้งน้ำหนักมาก เบาะก็จะคงรูปตามเดิม เมื่อลุกออกจากที่นั่ง เบาะก็จะคืนรูปกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

Credit: https://www.sjgadget.com/product/1527/เบาะรองหลัง-ลดอาการปวดหลัง-memory-foam-2

2. ยางพารา (Rubber)

หากวัสดุของเบาะผลิตจากยางพาราแท้ เบาะจะมีความนิ่มอยู่ในตัวแต่จะไม่ยวบลงมากนักเมื่อถูกกดทับ มีความยืดหยุ่นสูง และคืนตัวไวกว่าแบบเมโมรีโฟม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเบาะที่ค่อนข้างมีรูปทรงที่คงที่ตลอดเวลา ขยับตัวไม่บ่อย และถ้าห้องแอร์เย็นมาก การใช้หมอนรองหลังแบบยางพาราก็จะช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายได้ดี

Credit: https://www.lapinnaturallatex.com/default.aspx?submenu=true&type=link&id=B000000029&MainSubMenu_id=H000000006&shw=ecommerce&ps=1

เบาะรองนั่ง (Seat Cushion)

เบาะรองนั่งจะมีรูปแบบที่ค่อนข้างหลากหลายมากกว่าเบาะรองหลัง และมักจะมีให้ทดลองไปนั่งกันตามหน้าร้านด้วย ตัวเบาะรองนั่งก็จะมีวัสดุหลักคล้ายๆ กันกับเบาะรองหลัง แต่ด้วยความที่เบาะรองนั่งสามารถใช้ได้หลากหลายโอกาสมากกว่าเบาะรองหลังที่ต้องอยู่กับพนักพิงเก้าอี้เสมอ จึงทำให้ขนาดและรูปร่างแตกต่างกันออกไปด้วย และเมื่อเราพูดถึงเบาะรองนั่งในห้วข้อ Work From Home แล้ว เราจึงขอแนะนำเฉพาะเบาะรองนั่งที่ใช้กับเก้าอี้ทำงานเป็นหลักค่ะ

Credit: https://www.facebook.com/muji.thailand/posts/1774166409384030/

เมื่อขนาดสะโพกแต่ละคนไม่เท่ากัน แถมยังมีเรื่องรูปแบบเก้าอี้ที่แตกต่างกันเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นแล้ว การเลือกซื้อเบาะรองนั่ง จึงต้องเน้นไปที่รูปทรงของเบาะรองนั่งเป็นหลัก ดังนั้น เราจะมาเปรียบเทียบรูปทรงของเบาะรองนั่งยอดนิยมทั้งสองทรง ได้แก่ เบาะรองนั่งรูปตัว U และ เบาะรองนั่งทรงโดนัท ให้เห็นภาพกันค่ะ

เบาะรองนั่งรูปตัว U VS เบาะรองนั่งทรงโดนัท

Credit: https://www.bewellstyle.com/product/bewell-healthy-seat/, https://cf.shopee.co.th/file/f9934920fcb6f3b0f4b9ec175a7b3a11

เบาะรองนั่งทั้งสองชื่อ จะมีลักษณะและรูปทรงตามชื่อโดยตรงเลยค่ะ โดยเบาะรองนั่งรูปตัว U จะมีการเว้นที่ไว้ให้กระดูกก้นกบโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้เกิดการกดทับ ใครที่มีปัญหานั่งนานๆ แล้วรู้สึกเจ็บก้นกบ การใช้เบาะรองนั่งรูปตัว U จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังสามารถรองรับสะโพกได้ดี กระจายน้ำหนักเยี่ยม ทำให้นั่งนานๆ ก็ไม่เมื่อย เพราะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดที่ขาและสะโพกดีขึ้น ลดการชาและปวดขาได้ค่ะ

ส่วนเบาะรองนั่งทรงโดนัท จะเน้นไปที่การทำให้ผู้นั่งสามารถนั่งหลังตรงได้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นการนั่งที่ถูกสรีรศาสตร์ ลดอาการปวดหลัง และสำหรับใครที่เป็นผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวาร รวมถึงมีอาการเจ็บก้นกบ เบาะรองนั่งทรงนี้มีการออกแบบที่เว้นที่ตรงกลางไว้ ทำให้สามารถนั่งได้โดยไม่เกิดอาการเจ็บ แต่เพราะรูปร่างของเบาะที่ทำให้เราต้องนั่งหลังตรงตลอด ก็อาจทำให้นั่งไม่สบายเท่าไหร่

2. ที่พักเท้า (Foot Rest)

ดูเผินๆ เหมือนจะไม่สำคัญสำหรับที่พักเท้า แต่จริงๆ แล้ว ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนเลือกที่จะห้อยขาเฉยๆ แล้วเกิดอาการเมื่อยต้นขาตามมาในภายหลังกันใช่ไหมล่ะ

ความสำคัญของที่พักเท้าก็คือ มันสามารถช่วยลดอาการเมื่อยล้า และปรับให้เท้าอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับอิริยาบถท่านั่งในทุกรูปแบบได้ ดังนั้น ถ้าคุณรู้สึกว่านั่งนานๆ แล้วเมื่อยขาแทนล่ะก็ ได้เวลาหาที่พักเท้ามาใช่กันแล้วนะ

Credit: https://www.pinterest.com/pin/556476097698636714/

ที่พักเท้าจะมีสองแบบหลักๆ ที่เราได้เห็นกัน นั่นก็คือ เป็นที่พักเท้าแบบเป็น แท่นวางเท้า เลยโดยตรง กับ ที่พักเท้าแบบพกพา ทั้งสองแบบจะต่างกันที่วัสดุและรูปทรงเป็นหลัก โดยแท่นวางเท้า จะใช้วัสดุที่ค่อนข้างแน่นหนา และสามารถรองรับน้ำหนักและแรงกดได้ดี เหมาะสำหรับการวางแบบประจำที่ ส่วนที่พักเท้าแบบพกพา จะเหมาะสำหรับพื้นที่ทำงานที่ต้องเป็นพื้นที่ใช้สอยไปด้วยนอกเหนือจากการทำงาน ดังนั้น การเลือกซื้อที่พักเท้า ให้ดูตามความสะดวกในการใช้งานได้เลย

 
Credit: https://www.ikea.com/th/th/p/dagotto-foot-rest-black-20240990/, https://www.chuu.co/foot-rest

นอกเหนือจากการใช้ที่พักเท้าทั่วไปแล้ว เรายังสามารถผ่อนคลายความเมื่อยล้าระหว่างทำงานได้ด้วยตัวช่วยอย่าง เครื่องนวดเท้า ที่นอกจากเราจะได้นวดเท้าเพลินๆ ระหว่างทำงานแล้ว ใครที่มีปัญหาเท้าเย็นง่ายโดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ เครื่องนวดเท้าที่ดี จะมีฟังก์ชันให้ความร้อนแก่เท้าขณะนวดไปด้วย ใครสนใจก็ลองไปหาซื้อกันดูได้นะ

Credit: https://www.habitech.store/3730-RESTER-iStepp-E8099.html

3. เมาส์เพื่อสุขภาพ (Ergonomic Mouse)

เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็นเมาส์ที่ออกแบบมาเพื่อความสบายในการใช้งานและรองรับกับสรีระของมือโดยเฉพาะ หรือที่เรียกว่า "Ergonomic Mouse" (อ่านออกเสียงภาษาไทยว่า "เออร์โกโนมิกส์เมาส์") ซึ่งถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็ง่ายๆ เลยคือ "เมาส์เพื่อสุขภาพ"

สำหรับความแตกต่างของเมาส์เพื่อสุขภาพ กับ เมาส์ทั่วไป คือการที่เมาส์ตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้ ตามสรีระปกติของมือเวลาวางลงบนโต๊ะแบบที่ควรจะเป็น

Credit: https://www.logitech.com/en-us/products/mice/mx-vertical-ergonomic-mouse.910-005447.html

โดย เมาส์เพื่อสุขภาพ จะมีลักษณะค่อนข้างใหญ่ (อาจมีรูปทรงที่ดูแปลกๆ) เพื่อให้มือของผู้ใช้งานสามารถวางลงไปบนเมาส์ได้ครบทุกส่วนทั้งหมด เพื่อไม่เกิดอาการปวดมือหรือปวดข้อมือตามมา โดยเมื่อจับใช้งาน ลักษณะมือของเราจะอยู่ในแนวเกือบตั้งฉากกับโต๊ะ แตกต่างกับเมาส์ทั่วไปที่เราจะได้ใช้งานในลักษณะคว่ำมือลง ทำให้วางมือได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของข้อมือเวลาทำงานนานๆ ได้ แต่ถ้าเกิดใครไม่แน่ใจว่า ซื้อมาแล้วจะใช้ถนัดมือหรือเปล่า เราแนะนำให้ไปลองหาจับของจริงจากร้านค้าที่มีจำหน่ายดูก่อนนะคะ

Credit: https://www.logitech.com/en-us/products/mice/mx-vertical-ergonomic-mouse.910-005447.html

4. แผ่นรองเมาส์ (Mouse Pad) และ แท่นรองข้อมือเวลาพิมพ์ (Wrist Pad)

แผ่นรองเมาส์ถือเป็นอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่ควรมีสำหรับใครที่ต้องใช้เมาส์เป็นเวลานานๆ ในแต่ละวัน เพราะเราต้องจับเมาส์ลากไปลากมาตลอดเวลา ถ้าเราไม่มีแผ่นรองเมาส์เวลาทำงานแล้วเนี่ย รับรองได้เลยว่าอาการเบื้องต้นที่คุณจะต้องประสบพบเจอแน่นอนคืออาการ ข้อมือด้าน เพราะแม้แต่คนที่ใช้แผ่นรองเมาส์ตลอดเวลา ยังสามารถเกิดอาการนี้ได้ ยิ่งถ้าไม่มีแผ่นรองเมาส์แล้วล่ะก็ ยิ่งสามารถเกิดได้มากกว่า และสามารถเป็นหนักได้จนถึงขั้นผิวหนังพองจนลอกกันเลยละ

Credit: https://imgur.com/gallery/reCgLcc

การเลือกแผ่นรองเมาส์ ให้เลือกขนาดจากลักษณะการกวาดเมาส์ของตัวเอง ถ้าเป็นคนไม่ค่อยขยับเมาส์มากมาย แผ่นเล็กก็พอค่ะ แต่ถ้าเอาไว้เล่นเกมด้วย กวาดเมาส์เยอะๆ ด้วย คงต้องขยับไปแผ่นใหญ่หน่อยนะ ส่วนวัสดุของแผ่นรองเมาส์ ให้เลือกเอาตามชอบเลยค่ะ

ส่วนแท่นรองข้อมือนั้น ตามปกติแล้ว ถ้าเราซื้อคีย์บอร์ดรุ่นราคาสูงหน่อย จะมีแถมมาให้โดยอัตโนมัติ (แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อนะ) แต่ถึงคีย์บอร์ดที่เราจะซื้อไม่แถมมาก็ไม่มีปัญหา เพราะในปัจจุบันก็มีแท่นรองข้อมือให้เลือกซื้อมากมาย โดยส่วนใหญ่แล้ว การใช้แท่นรองข้อมือ มักจะนำมาใช้กันในกรณีที่แป้นคีย์บอร์ดสูงกว่าปกติ เพราะจะทำให้ข้อมือเกิดอาการเกร็งเวลาใช้งานคีย์บอร์ด และปวดข้อมือตามมา การเลือกซื้อก็ทำได้ไม่ยาก เพียงสังเกตระดับความสูง และเลือกวัสดุเกรดที่ดีหน่อยจากผู้ขายที่น่าเชื่อถือมาใช้งาน เพียงเท่านี้เราก็จะได้แท่นรองข้อมือที่ช่วยลดความเมื่อยล้าขณะทำงานได้แล้วค่ะ

Credit: https://www.amazon.ca/Aelfox-Keyboard-Support-Ergonomic-Computer/dp/B077CHMLQP

5. อุปกรณ์บริหารมือ (Hand Exercise Tool)

ปิดท้ายที่อุปกรณ์บริหารมือกันค่ะ จริงๆ แล้ว ถ้าใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วก็สามารถข้ามไปได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครไม่ค่อยได้แวะเวียนไปไหน เลิกงานแล้วอยู่บ้าน เราขอแนะนำให้คุณมีติดไว้สักหน่อยก็ดีค่ะ

Credit: https://thephysical.lnwshop.com/product/370/เซตอุปกรณ์บริหารมือ-กล้ามเนื้อมือ-2

เจ้าอุปกรณ์บริหารมือที่ว่า จะมีลักษณะการออกแบบที่แตกต่างกันไป ตามแต่ผู้ขายจะผลิตออกมา แต่จุดประสงค์ในการใช้งานหลักๆ เลยก็คือ เอามาบริหารนิ้วทั้งห้าและกล้ามเนื้อมือของเราทั้งหมดให้มีความยืดหยุ่น ลดอาการหดเกร็งของมือและข้อมือหลังจากที่ต้องคงอยู่ในท่าเดิมนานๆ นอกจากนี้ ยังได้ผลพลอยได้ที่ทำให้เราสามารถหยิบจับของได้ถนัดมือ มีแรงบีบมากขึ้น และเสี่ยงต่ออาการนิ้วล็อกน้อยลงอีกด้วยนะ

Credit: https://www.sharperimage.com/view/product/The-Hand-Fitness-Trainer/200459