บางครั้งเราก็อยากดูหนังเศร้า ๆ เพื่อปลดปล่อยอารมณ์กันใช่ไหมล่ะคะ และหลาย ๆ คนก็ค้นหาหนังในสตรีมมิงเจ้าใหญ่อย่าง Netflix เพื่อให้ตัวเอง “อิน” ไปกับชะตาชีวิตที่ไม่ราบรื่นเอาเสียเลยของพระเอก นางเอก วันนี้เราจะมานำเสนอ 5 หนังเศร้า ๆ เคล้าน้ำตา ที่อาจทำให้คุณน้ำตาซึมหรือปล่อยโฮได้เลยในหลาย ๆ ฉาก มีหนังอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
หนัง Marriage Story กับเรื่องราวสัมพันธ์รักร้าวของชาร์ลี ผู้กำกับละครเวทีในนิวยอร์ค กับนิโคล อดีตแม่บ้านที่เคยเป็นนักแสดงมาก่อน ทั้งสองมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน และต้องผ่านขั้นตอนการหย่าร้างตามกฎหมายซึ่งแสนจะโหดร้ายและบังคับจิตใจ แรกเริ่ม ทั้งสองหวังจะจากกันด้วยดี แต่กระบวนการสุดเขี้ยวของทนายความทำให้ชาร์ลีและนิโคลจำต้องเป็นศัตรูกัน เพื่อพิสูจน์ว่าอีกฝ่ายผิด หนังทำให้เห็นความปวดร้าวของคนเคยรักกันที่ต้องแยกทางกัน และสะท้อนสังคมในประเด็นเรื่องกฎหมายหย่าร้างที่ทำให้ความสัมพันธ์ร้าวฉาน
ที่มาภาพ https://thestandard.co/marriage-story-2/
ซีนอารมณ์ระหว่างนักแสดงนำ สการ์เล็ต โจแฮนส์สัน และอดัม ไดรเวอร์ ถือเป็นงานขึ้นหิ้งชั้นครูที่นักแสดงรุ่นหลังต้องศึกษา การปะทะกันที่น่าเจ็บปวดอาจทำให้ใครบางคนเจ็บจี๊ดหรือเสียน้ำตาให้กับการล่มสลายของความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเลยทีเดียว
สำหรับคนที่ไม่ชอบหนังที่บทพูดเยอะ อาจเห็นว่าหนังดำเนินเรื่องช้าไปบ้าง
หนัง All the Bright Places เป็นเรื่องราวหลังจากที่ ไวโอเล็ต มาร์คีย์ ได้สูญเสียพี่สาวไปในอุบัติเหตุรถยนต์ เขาก็ไม่ขึ้นรถยนต์อีกและป่วยด้วยโรคซึมเศร้า ชีวิตของเธอหดหู่เสียจนเธอตัดสินใจไปกระโดดสะพาน แต่เธอก็ได้พบกับธีโอดอร์ ฟินช์ เพื่อนร่วมโรงเรียนที่เธอไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย ที่มากล่อมให้เธอเปลี่ยนใจ และเขายังกลายมาเป็นเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจ และทำให้ชีวิตของเธอสดใสขึ้น ด้วยการจับคู่ทำงานกลุ่มเกี่ยวกับที่สถานที่ท่องเที่ยวในอินเดียนา
ธีโอดอร์พาไวโอเล็ตไปท่องเที่ยวยังที่ต่างๆ และทำให้เธอเห็นว่าชีวิตมีความหมาย ในขณะที่ความรักผลิบานขึ้นระหว่างทั้งสอง ไวโอเล็ตก็ได้พบความจริงเกี่ยวกับอาการป่วยของธีโอดอร์ที่น่าตกใจ
ที่มาภาพ https://www.nme.com/reviews/film-reviews/all-the-bright-places-review-heartwarming-netflix-romcom-is-a-rare-rose-among-the-thorns-2615606
เคมีของนักแสดงนำทั้งสอง ทำให้หนังในช่วงแรกๆมีความสดใส ดูแล้วสดชื่นไปกับความรักของหนุ่มสาว ในระหว่างที่เรื่องกำลังพัฒนาไปถึงจุดขมวดปม
การหักมุมเรื่องในตอนท้ายอาจเร็วเกินไปบ้าง ทำให้ผู้ชมยังไม่อินกับตอนจบมากนัก
หนัง Her เป็นหนังภาพยนตร์ ในโลกแห่งอนาคตที่เมืองลอสแองเจลีส ธีโอดอร์ ทวอมบลีย์ ชายเก็บตัวและเซื่องซึมทำอาชีพเป็นคนเขียนจดหมายขาย เขาเขียนจดหมายให้กับคนที่ไม่สามารถเขียนมันขึ้นด้วยความรู้สึกของตัวเอง และเพิ่งหย่าร้างกับภรรยาที่คบกันมานาน ในระหว่างที่ธีโอดอร์กำลังรู้สึกโดดเดี่ยว เขาได้ซื้อระบบปฏิบัติการผู้ช่วยส่วนตัว ซึ่งเป็นเอไอมาใช้งาน และให้ชื่อเธอว่าซาแมนธา เขาพูดคุยกับเธอถึงความรู้สึกลึกๆของตัวเอง และแชร์ความเปลี่ยวเหงากับเธอ จนทั้งสองตกหลุมรักกัน แต่แล้วเขาก็ได้พบความจริงเกี่ยวกับซาแมนธาที่ทำให้เขาใจสลาย
ที่มาภาพ https://www.thehumanfront.com/her/
การออกแบบฉากของผู้กำกับ สไปค์ โจนส์ ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะมันทั้งสวยและสื่อถึงอารมณ์ของตัวละคร ทำให้ขับเน้นความเหงาของชีวิตผู้คนในอนาคตและตัวละครเอกได้อย่างชัดเจน
หนังอาจดำเนินเรื่องช้าและมีบรรยากาศที่นิ่งไปบ้าง สำหรับคนชอบหนังที่ฉับไวอาจไม่ประทับใจกับเรื่องนี้
หนัง About Time กับเรื่องราวของ "ทิม เลค" ชายหนุ่มสุดเฉิ่มอายุ 21 ปีที่มีครอบครัวแสนอบอุ่น ได้รู้จากพ่อตนเองว่า ผู้ชายในตระกูลของพวกเขามีความสามารถพิเศษ คือย้อนเวลาได้ ทิมได้พบกับแมร์รี สาวสวยคนหนึ่งที่ร้านอาหาร เขาชอบเธอในทันทีและได้แลกเบอร์กัน แต่ก็มีเหตุให้พวกเขาคลาดกันอีก
หลังจากนั้น ทิมเจอแมร์รีอีกครั้งโดยบังเอิญและสืบจนรู้ว่าแมร์รีมีแฟนแล้ว เขาจึงย้อนเวลากลับไปก่อนที่แมร์รีจะพบกับแฟนหนุ่มและจีบเธอสำเร็จ ในขณะเดียวกัน คนรอบตัวทิมเริ่มมีปัญหาในชีวิต ซึ่งทิมต้องการย้อนกลับไปแก้ไข แต่หากเขาย้อนกลับไป เขาก็จะเสียแมร์รี หรือใครบางคนไป ทิมจึงได้ค่อย ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการใช้ชีวิตในแต่ละวันที่มีค่ามากที่สุด
ที่มาภาพ https://www.justwatch.com/lt/movie/about-time
หนังดำเนินเรื่องสไตล์หนังรักซึ้ง ๆ ที่เรียกน้ำตาจากประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ได้ไม่ยาก เป็นหนังที่ดูเพลินเรื่องหนึ่ง
บางช่วงหนังดำเนินเรื่องเร็วไป ทำให้คนดูอาจไม่อินกับส่วนนั้นมากเท่าที่ควร
ปิดท้ายด้วยหนัง Blue Is the Warmest Color หนังฝรั่งเศส ดีกรีรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ เรื่องราวความรักของอะแด็ล เด็กสาววัยมัธยมปลาย ที่พบรักกับเอมมา นักศึกษาจากวิทยาลัยศิลปะ ทั้งสองสานสัมพันธ์กันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน โดยที่อะแด็ลค่อยๆค้นหาตนเองเกี่ยวกับความปรารถนาทางเพศของเธอ แต่อุปสรรคในชีวิตรักก็มากกว่าที่เธอคาดคิด ด้วยความต่างทางตัวตนและสถานะของคนทั้งคู่
ฅที่มาภาพ https://www.vulture.com/2013/10/timeline-blue-is-the-warmest-color-controversy.html
หนังสำรวจชีวิตรักของผู้หญิงคนหนึ่งด้วยมุมมองที่ค่อนข้างจะละเอียด และให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์
หนังค่อนข้างจะยาวเกินไปสักหน่อย และมีจุดที่ต้องตีความเชิงสัญลักษณ์ค่อนข้างมาก
|
นักเขียนอิสระให้กับสื่อออนไลน์ ชอบวิจารณ์หนังและหนังสือ |