เดือนมิถุนายน ของทุกๆ ปี ถือเป็น Pride Month ที่เหล่าบุคคลหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ที่ไม่ว่าจะเป็น ชายรักชาย หรือ หญิงรักหญิง หรือแม้แต่ ชายข้ามเพศ หญิงข้ามเพศ ก็ต่างออกมาเฉลิมฉลองการมีตัวตนของพวกเขา ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ ไม่ว่าจะเกิดกับเพศไหนหรือใคร วันนี้ เราจึงขอเสนอลิสต์ 20 หนัง LGBTQ+ เพื่อเฉลิมฉลองและเป็นการส่งท้ายเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศไปด้วยกัน
มาเริ่มกระทำการหว่อง กับผลงานของผู้กำกับระดับตำนาน หว่องกาไว ที่ส่งให้เขาได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ ที่รู้สึกว่า หนัง ภาพยนตร์ Happy Together เป็นหนังหว่องที่เป็นมิตรกับคนดูมาก ๆ เรื่องนึง
บอกเล่าเรื่องราวของ โหเป่าหวัง (เลสลี จาง) และ ไหลเยี่ยฟา (เหลียงเฉาเหว่ย) คู่รักชายหนุ่มที่ได้เดินทางมาประเทศอาร์เจนตินา เพื่อหวังจะได้ไปดูน้ำตกด้วยกัน แต่ทั้งคู่ก็ไปไม่ถึงน้ำตกอย่างที่ตั้งใจและก็ต้องเกิดความบาดหมางทำให้ทั้งคู่ต้องห่างกันไป แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองต้องโคจรกลับมาพบกันอีก และก็ได้มาอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่อะไรหลาย ๆ อย่างมันก็ไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกต่าง ๆ มันถาโถมเข้ามาอย่างไม่รู้จบ มันถ่ายทอดเรื่องราวความเหงา เศร้า ทรมาณ หดหู่ ได้น่าอึดอัดใจสุด ๆ
หนัง ภาพยนตร์ Brokeback Mountain จัดว่าเป็นยอดผลงานจาก Ang Lee ที่ส่งให้ Jake Gyllenhaal และ Heath Ledger ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิต แถมตัวหนังยังคว้ารางวัลออสการ์ 3 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 8 สาขา
และยังคว้าลูกโลกทองคำอีก 4 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 7 สาขา
มาดูหนังดราม่าฝั่งความสัมพันธ์ ชาย-ชาย กันบ้าง กับเรื่องราวของคาวบอยสองคน Ennis Del Mar และ Jack Twist ที่ถูกจ้างให้ขึ้นภูเขาไปเฝ้าแกะ ตอนแรกทั้งคู่ไม่ลงรอยกันนัก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพังนานเข้า ทั้งคู่ก็รู้สึกถึงสายใยระหว่างกัน และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง หลังลงมาจากเขา Ennis และ Jack ต่างแยกย้ายกันไปคนละทาง
Ennis แต่งงานมีครอบครัว แต่ในใจเขากลับมีแต่ Jack ทั้งคู่ลอบพบกันและภรรยาของ Ennis ก็พบเห็นพวกเขา Jack นั้นได้ทำงานในกิจการของภรรยาเขา แต่เขาก็ไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริง หนังค่อย ๆ เล่าเรื่องความสัมพันธ์ที่ต้องปกปิดเป็นความลับ และมีความโหยหาและความเจ็บปวด ที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรม
Adèle เป็นเด็กผู้หญิงมัธยมขี้อายคนหนึ่ง เธอได้พบกับผู้หญิงผมสีฟ้าขณะที่ข้ามถนน และรู้สึกถูกดึงดูดเข้าไปหาเธอคนนั้นทันที เธอเดทกับเพื่อนหนุ่มที่โรงเรียน แต่เธอกลับไม่มีความสุขและไม่รู้สึกพึงพอใจ หลังจากที่เธอหมกมุ่นอยู่กับความทรงจำเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น และจูบเพื่อนหญิงของตัวเองที่โรงเรียน เธอก็เริ่มตั้งคำถามกับอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง เธอไปที่บาร์ของเลสเบี้ยน และได้เจอผู้หญิงผมสีฟ้าคนนั้น ชื่อของเธอคือ Emma และเธอเป็นนักเรียนศิลปะที่กำลังจะเรียนจบ ทั้งคู่สานสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน แต่ความสัมพันธ์กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะโลกของ Adèle และ Emma แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
จุดเด่นของ หนัง ภาพยนตร์ Blue Is the Warmest Color คือ หนังตามติดชีวิตของ Adèle ตั้งแต่เธอยังเป็นแค่วัยรุ่น ยาวไปจนถึงชีวิตวัยทำงาน และทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ที่มีองค์ประกอบหลายอย่างเข้ามาส่งผลกระทบต่อชีวิตคู่ ที่เพียงแค่ความรักอย่างเดียวอาจไม่พอ
หนัง ภาพยนตร์ The Danish Girl เป็นเรื่องราวของหญิงข้ามเพศคนแรกของโลก Lili Elbe ซึ่งแต่แรกเดิมทีเธอมีชื่อว่า Einar Wegener - Einar เป็นจิตกรชายฝีมือดี มีภรรยาที่น่ารัก แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาได้ลองเป็นแบบใส่รองเท้าผู้หญิงทาบชุดกระโปรง มันก็ได้ไปสะกิดอะไรบางอย่างภายในตัวของเขา นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขารู้ว่าแท้จริงแล้วถึงแม้ภายนอกเขาจะเป็นชายแต่ภายในเขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิง
และแน่นอนว่าช่วงแรกภรรยารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยความรักอันบริสุทธิ์ที่เอ่อล้น เธอก็ไม่อยากให้สามีต้องทนทุกข์ทรมาณภายใต้ร่างกายที่ไม่ใช่ของตัวเอง จึงให้สามีไปผ่าตัดแปลงเพศ และอยู่เคียงข้างจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ต้องชื่นชมการแสดงอันน่าทึ่งของ Eddie Redmayne ที่ทุ่มสุดตัวและที่สำคัญการแสดงของ Alicia Vikander คือสุดยอดจริง ๆ และมันส่งให้เธอคว้ารางวัลออสการ์ด้วย (Best Performance by an Actress in a Supporting Role) ส่วนตัวหนังยังเข้าชิงรางวัลออสการ์อีก 3 สาขาและเข้าชิงลูกโลกทองคำอีก 3 สาขา
หนัง ภาพยนตร์ Carol เป็นหนังขึ้นหิ้งจากผู้กำกับสุดละเอียดอ่อน Todd Haynes เข้าชิงรางวัลออสการ์ 6 สาขา และเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีก 5 สาขา
บอกเล่าเรื่องราวของ Therese หญิงสาวที่เป็นพนักงานประจำห้าง ที่ได้พบกับผู้หญิงอายุมากกว่า นามว่า Carol ในขณะที่เธอมาซื้อของขวัญให้กับลูกของเธอ ทั้งสองค่อย ๆ สานสัมพันธ์ที่นำไปสู่การขับรถออกเที่ยวด้วยกันในรัฐต่าง ๆ ของอเมริกา ในขณะที่ Therese ต้องข่มใจ ปกปิดความรู้สึกของเธอต่อ Carol ไว้ Carol ซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าและมีประสบการณ์มากกว่ากลับดูไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับความสัมพันธ์นี้ แต่จิตใจของเธอติดพันอยู่กับการหย่ากับสามีและขอสิทธิ์เลี้ยงดูลูก ปมของความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ เผยออกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
และความรู้สึกที่เผาไหม้ระหว่างผู้หญิงทั้งสองคน ทำให้หนังมีเสน่ห์น่าดึงดูด และทำให้เราค้นลึกเข้าไปในใจของ Therese ที่หลงใหลในตัว Carol เป็นอย่างมาก ในขณะที่บรรยากาศยุค ค.ศ. 1950s (พ.ศ. 2493-2502) และเพลงประกอบเก่า ๆ ก็ทำให้หนังมีความคลาสสิคมากเลยทีเดียว
หนัง ภาพยนตร์ Holding the Man นี่คือหนังเกย์ที่บอกเล่าความสัมพันธ์ได้ครบถ้วนเรื่องนึงเลยทีเดียว กับจุดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) ที่ออสเตรเลีย เด็กหนุ่มสองคน Tim และ John ได้ตกหลุมรักกัน ผ่านคืนวันอันหอมวาน จนความสัมพันธ์ทั้งคู่โดนกีดกันจากครอบครัว พาก้าวผ่านช่วงเวลาพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับสังคมที่ต่อต้านเกย์ และทั้งคู่ก็เริ่มเจอปัญหาเมื่อพวกเขาติดโรคเอดส์ ยิ่งหนังดำเนินไปคนรอบตัวก็เริ่มเข้าใจคนกลุ่มนี้มากขึ้น
ที่มาภาพ: sbs.com.au/movies/article/2015/08/27/sbs-demand-loving-queer
ทั้ง Tim และ John ก็เริ่มได้ใช้ชีวิตแบบเปิดเผย ได้สัมผัสว่าสิ่งที่ทั้งคู่มีให้กันมันคือความรัก มันไม่ได้ผิดแปลก มันคือความรักเหมือนทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก มันงดงาม และบริสุทธิ์จริง ๆ นี่คือหนังเกย์ไม่สิ นี่คือหนังรักที่ดีเรื่องนึงที่ทำให้เราได้สัมผัส เรียนรู้และเข้าใจความรักของพวกเขามากขึ้น
มีฉากนึงในหนัง ภาพยนตร์ Handsome Devil ที่อาจารย์บอกพวกนักเรียนว่า
อย่ายืมเสียงคนอื่นมาพูด ถ้าพวกนายใช้เวลาทั้งชีวิตเป็นคนอื่น แล้วใครจะเป็นตัวนาย
นี่ไม่ใช่หนังรักหวานแหววเกย์รักกัน แต่มันคือหนังเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพ การยอมรับ เรื่องราวของเกย์เพื่อนรักสองคน ที่เพิ่งย้ายมายังโรงเรียนประจำแห่งใหม่เพราะทั้งคู่ทำตัวมีปัญหาจากโรงเรียนเก่า ทั้งคู่ได้เป็นรูมเมทกัน
ที่มาภาพ: latimes.com/entertainment/movies/la-et-mn-mini-handsome-devil-review-20170601-story.html
แต่แรก ๆ พวกเขาเข้ากันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย Ned คือเกย์เนิร์ดที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนและโดนกลั่นแกล้งอยู่เสมอ ส่วน Conor เขาคือนักกีฬารักบี้พรสวรรค์สูงแต่ยังไม่กล้าที่จะเปิดเผยความเป็นตัวตนของตัวเองจริง ๆ แต่ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของ Ned และ Conor ก็กลายเป็นมิตรภาพที่ทำให้ทั้งคู่ยอมรับการเป็นตัวตนที่ตนเองเป็นจริง ๆ นี่เป็นหนังมิตรภาพที่ดี ให้ข้อคิดที่เยี่ยม ถึงแม้มีบทสรุปจะดูธรรมดาคาดเดาง่าย แต่มันลงตัวจริง ๆ
Disobedience มีความหมายว่า ไม่ยอมโอนอ่อน หรือไม่ยอมสยบอยู่ใต้อำนาจ หนัง ภาพยนตร์ Disobedience เป็นเรื่องราวของ Ronit ลูกของศาสนาจารย์ ที่ต้องกลับมาเยือนบ้านเกิดซึ่งเป็นชุมชนเคร่งศาสนา เพราะพ่อของเธอล้มป่วยและเสียชีวิตลง เธอได้พบว่า ศิษย์คนหนึ่งของพ่อเธอ คือ Dovid ได้รับสืบทอดตำแหน่งจากเขา และ Dovid ได้แต่งงานกับ Esti คนรักสมัยวัยรุ่นของเธอ Ronit นั้นรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นคนของที่นี่ นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอหนีไปเป็นช่างภาพที่นิวยอร์ค แต่การกลับมาพบกับ Esti ทำให้ความรู้สึกของเธอปะทุขึ้นอีกครั้ง และนั่นนำไปสู่ความสัมพันธ์ต้องห้ามที่ดูอันตราย เพราะคนในชุมชนพร้อมจะประณามพวกเธอ
หนังเล่าเรื่องด้วยโทนหม่น ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกถึงการปกปิดความลับระหว่างผู้หญิงทั้งสองคน ราวกับมีสายตาจ้องมองพวกเธอตลอดเวลา และให้บทสรุปที่แสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงทั้งสองจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจแบบชายเป็นใหญ่อีกต่อไป
หนัง ภาพยนตร์ Call Me by Your Name การันตีรางวัลออสการ์ 1 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 4 สาขา
และเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีก 3 สาขา
เรื่องราวความรักระหว่างเด็กหนุ่มและชายหนุ่ม กับฉากอันแสนอบอุ่นของอิตาลี Elio เป็นเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี พ่อของเขาเป็นศาสตราจารย์ด้านโบราณคดี และได้เชิญชายหนุ่มนักศึกษาคนหนึ่งมาพักที่บ้าน ชื่อของเขาคือ Oliver ทว่าทั้งสองไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แต่เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกัน พวกเขาก็เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น Elio นั้นเดทกับเพื่อนสาวคนหนึ่งอยู่ และรู้สึกหึงหวงเมื่อ Oliver ตามจีบผู้หญิงอีกคน
และในที่สุด Elio ก็สารภาพความรู้สึกของเขากับ Oliver ทำให้ทั้งสองมองหน้ากันไม่ติดอยู่ช่วงหนึ่ง แต่แล้ว Oliver ก็บอกให้ Elio ออกมาเจอเขาตอนเที่ยงคืน และทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน Elio รู้ว่า Oliver จะอยู่ที่บ้านเขาอีกไม่นาน เขาจึงเศร้า และพ่อแม่ของเขาก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง
ฉากน่าอบอุ่นใจคือฉากที่พ่อของเอลิโอมาปลอบเอลิโอ และบอกให้เขาใช้เวลาอยู่กับความเจ็บปวดโดยที่ไม่ต้องรีบลืมมันมากเกินไปนัก
หนัง ภาพยนตร์ Dear Ex หนังออริจินอล Netflix จากไต้หวัน นี่คือหนังรักที่ไม่ได้นำเสนอการปลูกเรื่องราวความรักของชายรักชาย แต่มันคือหนังที่บอกเล่าผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น กับเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่พ่อเพิ่งตายจากเขาไปไม่นาน เขารู้มาตลอดว่าพ่อเป็นเกย์ และหนีแม่ไปอยู่กับชายชู้ ตัวเขาจึงพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมพ่อถึงตัดสินใจแบบนั้น เขาจึงตัดสินใจไปอยู่อาศัยกับชายชู้เสียเลย (ด้วยความรำคาญแม่ด้วยแหละ) เรื่องมันกลับไปกันใหญ่เมื่อเงินประกันกลับตกไปเป็นของชายชู้แทนที่จะเป็นของลูกชายซะงั้น ทำให้ฝ่ายผู้เป็นแม่ต้องมาคอยรังควานชายชู้ทวงเงินนั่นและคอยดูแลลูกที่อยู่กับเขาด้วย
หนังเล่าผ่านตัวละครหลัก 3 ตัวที่แต่ละคนต่างประสบพบเจอปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกัน หนังพยายามคลี่คลายแง่มุมต่าง ๆ ของทุกตัวละคร ไปพร้อม ๆ กับพาคนดูไปเข้าใจทั้งสามตัวละครเช่นกัน
มาต่อกันที่หนัง LGBTQ+ แนวใส ๆ ของเด็กไฮสคูลกันบ้าง กับหนัง ภาพยนตร์ Love, Simon ที่เล่าเรื่องราวของ Simon เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ปกปิดทุกคนรวมทั้งเพื่อนสนิทว่าเขาเป็นเกย์ วันหนึ่ง คนทั้งโรงเรียนได้เห็นว่ามีเด็กในโรงเรียนออกมาประกาศว่าตัวเองเป็นเกย์ผ่านอินเตอร์เน็ต โดยใช้นามแฝงว่า "Blue"
ไซมอนจึงเริ่มติดต่อกับบลู โดยใช้ชื่อปลอมว่า "Jacques" และรู้เรื่องราวของกันและกันมากขึ้น จากความสัมพันธ์ของคนที่มีหัวอกเดียวกัน ก็เริ่มพัฒนาไปเป็นความรัก และไซมอนก็ต้องเลือกที่จะเผชิญหน้ากับคนรอบตัวเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของเขา เพื่อให้เขาได้สารภาพรักกับบลู ผู้ซึ่งปกปิดตัวตนอยู่เหมือนกัน
หนังเล่าเรื่องด้วยโทนผ่อนคลาย สไตล์วัยรุ่น เป็นหนังที่ดูง่าย และฉากสารภาพรักบนชิงช้าสวรรค์ก็ตราตรึงใจ ทำให้เราเห็นว่าหนัง LGBTQ+ ไม่จำเป็นต้องเล่าด้วยโทนหม่นเศร้าเสมอไป
มาถึงหนังสไตล์กวน ๆ แนวตลกร้ายกันบ้าง ยังคงเป็นหนังออริจินอลทาง Netflix กับ หนัง ภาพยนตร์ I Care a Lot เรื่องราวของ Marla Grayson นักต้มตุ๋นที่ขอหมายศาลให้คนชราเข้าพักในบ้านพักคนชรา ก่อนจะฮุบสมบัติของคนแก่เหล่านั้น เธอทำธุรกิจสีเทานี้กับคู่รักของเธอ Fran ผู้เป็นเสมือนมือขวาและเพื่อนคู่คิด แต่โชคไม่ดีที่เหยื่อคนล่าสุดของเธอ Jennifer Peterson นั้นเป็นคนสนิทของมาเฟียรัสเซียสุดโหด Marla ต้องเอาตัวรอดจากการตามล่าของมาเฟีย และคิดเกมซ้อนเกมที่จะทำให้ชีวิตของเธอและคนรักไม่ตกอยู่ในอันตราย
แม้หนังจะไม่ใช่หนัง LGBT โดยตรงเพราะเน้นเนื้อเรื่องที่เป็นทริลเลอร์มากกว่า แต่การแสดงเข้าคู่กันของ Rosamund Pike ในบท Marla และ Eiza González ในบท Fran ก็ทำให้เขินได้ไม่น้อย ใครสนใจใน Netflix เรื่องนี้มีพากย์ไทยด้วยนะ
นี่คือหนังที่เข้าฉายช่วงเทศกาลคริสต์มาสพอดี กับหนังรอมคอม ฟีลกู๊ด หนัง ภาพยนตร์ Happiest Season ที่แสดงนำโดย Kristen Stewart กับเรื่องราวของคู่รักเลสเบี้ยน Abby และ Harper ทื่วางแผนจะใช้ช่วงเวลาเทศกาลวันหยุดนี้ที่บ้านของ Harper โดย Abby วางแผนจะขอแต่งงานในวันคริสต์มาสเนี่ยแหละ แต่ปัญหาก็คือครอบครัว Harper ไม่รู้ว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน จึงทำให้ Abby ต้องปกปิดตัวตนและแสร้งทำเป็นเพื่อนสาวของเธอเท่านั้น
เรื่องราวความรักที่ต้องหลบซ่อน อยากแสดงออกแต่ทำไม่ได้ หนังมีประโยคสะกิดใจมากมาย และส่งท้ายด้วยความอบอุ่นตามแบบฉบับหนังเทศกาลเลยจริง ๆ
อีกหนังเกี่ยวกับชีวิตของเด็กไฮสคูล กับหนังออริจินอลทาง Netflix หนัง ภาพยนตร์ The Half of It เรื่องราวของ Elle Chu เด็กสาวชาวจีนที่มาโตในอเมริกา เธอไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าใดนัก และรับจ้างทำการบ้านให้เพื่อน ๆ เพื่อแลกกับเงินที่จะจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เพราะพ่อของเธอไม่ทำงานอีกเลยหลังจากแม่ของเธอเสียชีวิต Elle แอบชอบ Aster เพื่อนสาวร่วมห้องสุดป็อปของเธอ
แต่แล้ววันหนึ่ง Paul นักกีฬาประจำโรงเรียนก็มาขอให้เธอเขียนจดหมายคุยกับ Aster เพราะเขาก็ชอบ Aster เหมือนกัน ด้วยลูกตื๊อของ Paul - Elle จึงตกลงเขียนจดหมายในนามของ Paul และเธอก็ค้นพบว่า Aster กับเธอมีอะไรเหมือนกันมากกว่าที่คิด
หนังเต็มไปด้วยคำคมและข้อความทางปรัชญา ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Elle และ Aster ดูลึกซึ้งและโรแมนติก ขณะที่มีสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนหลายอย่างที่ทำให้เราเอาใจช่วยให้ Elle เปิดเผยกับ Aster ว่าเธอเป็นเจ้าของจดหมายที่แท้จริง เนื้อเรื่องยังสอดแทรกไปด้วยมิตรภาพที่ก่อตัวระหว่าง Elle และ Paul ขณะที่ทั้งสองพยายามทำตามแผนนี้ด้วย เรื่องนี้ก็มีพากย์ไทยใน Netflix เช่นกัน
หนัง ภาพยนตร์ The Boys in the Band เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนเกย์ ที่รวมตัวกัดจัดงานวันเกิดให้เพื่อนคนนึง ที่มันควรจะเป็นงานสุดสังสรรค์เฮฮา แต่ก็มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อทุกอย่างเริ่มเละเทะ เริ่มทะเลาะกัน ฟาดฝีปากใส่กัน จนทำให้เพื่อนคนนึงจึงเกิดไอเดียท้าให้ทุกคนเล่นเกมโทรศัพท์ กฏง่าย ๆ คือการให้โทรหาคนที่ตัวเองเคยรักและบอกรักซะ แต่จะกระทำมันไม่ง่ายเหมือนกฏ เพราะมันเต็มไปด้วยแผลสะกิดใจ
และด้วยเหตุนี้ความลับหลายอย่างของแต่ละคนจึงเปิดเผยขึ้น จึงเกิดการระเบิดอารมณ์ใส่กัน แขวะ จิกกัดกัน และก็เกมโทรศัพท์จุดนี้นี่แหละที่ทำให้เราได้เห็นแง่มุม ปัญหาต่าง ๆ ของคนที่เป็นเกย์ในยุค ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511) ของอเมริกา ที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสังคมที่ยังไม่ยอมรับ
นี่คือหนังเกย์ที่นำเสนอได้แตกต่างที่สุดในลิสต์นี้เลยกับหนังความยาว 2 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยบทสนทนาตลอดทั้งเรื่องไม่มีหยุด ที่สะท้อนมุมมองยุคเกย์ยุคนั้นผ่านแต่ละบทสนทนาได้ดีจริง ๆ
หนัง ภาพยนตร์ Your Name Engraved Herein หนังออริจินอลทาง Netflix นี่คือหนังไต้หวันที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) กับเรื่องราวความสัมพันธ์ของ 2 เพื่อนชายในโรงเรียนประจำ ชายธรรมดากับชายบ้าบอคนนึง ถึงแม้แต่จะต่างกันแค่ไหน แต่ทั้งคู่ลึก ๆ มีความรู้สึกเดียวกัน อาฮั่นและเบอร์ดี้ พวกเขาตกหลุมรักกันท่ามกลางความเกลียดชังคนรักร่วมเพศ แรงกดดันจากรอบด้าน และการตีตราของสังคม
เราจะได้เห็นความรักที่แสนอึดอัด ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ความฝัน และความกล้าที่จะยอมรับตัวตนที่ตนเองเป็น นอกเหนือจากนั้นเราจะได้เห็นสภาพสังคมที่ถูกตีกรอบและตีตราของไต้วันในยุคนั้นด้วย ตัวหนังสะท้อนให้เราได้เห็นว่าความรักระหว่างเพศเดียวในยุคนั้นมันทรมาณแค่ไหน...
เรื่องราวดราม่าจากญี่ปุ่นของหญิงรักหญิงกันบ้างกับ หนัง ภาพยนตร์ Ride or Die หนังออริจินอลทาง Netflix เรื่องสุดท้ายในลิสต์นี้ ที่ดัดแปลงมาจากมังงะ Gunjō เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ นานาเอะ หญิงสาวที่ เรย์ คลั่งรักเป็นอย่างมากในวัยเรียนได้ติดต่อมา และขอให้ เรย์ ไปฆ่าสามีที่ทำร้ายเธอให้หน่อย และ เรย์ ก็ลงมืออย่างไม่ลังเล ทั้งคู่จึงพากันหลีกหนีไปหาออกเดินทางไปทั่ว ความรู้สึกที่เรย์มีให้ต่อนานาเอะยังคงคุกรุ่นและเป็นโอกาสที่ เรย์ จะได้สานสัมพันธ์และใช้ชีวิตอยู่กับนานาเอะอย่างที่เธอต้องการมาโดยตลอด แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะความผิดที่เธอก่อได้ตามมาหลอกหลอนเธอ
หนังเต็มไปด้วยซีนรุนแรงทั้งฉากฆ่าและฉากมีอะไรกันแบบชัดเจนทั้งชายหญิงและหญิงหญิง ตลอดทั้งเรื่องจะมีซีนและประโยคชวนกระแทกใจอยู่ดเต็มไปหมด และหนังพร้อมตั้งคำถามกับตัวละครและคนดูอยู่ตลอดว่า ถ้าเป็นคุณจะยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่คุณรักหรือไม่..? และแน่นอนว่า เรื่องนี้มีพากย์ไทยด้วย
ที่มาภาพ: th.wikipedia.org
มาดูที่หนังไทยสุดกินใจกันบ้างกับหนัง ภาพยนตร์ รักแห่งสยาม ผลงานการกำกับและเขียนบทของพี่มะเดี่ยว ชูเกียรติ กับหนังที่มีทั้งประเด็นความรักวัยรุ่น และความสัมพันธ์ในครอบครัว เรื่องราวของโต้งกับมิว ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันสมัยเด็ก มิวอาศัยอยู่กับยายเพียงสองคน ขณะที่โต้งนั้น ครอบครัวของเขาเผชิญกับความสูญเสีย เมื่อพี่สาวขออนุญาตพ่อไปเที่ยวและหายสาบสูญไป ทำให้พ่อของโต้งไม่ให้อภัยตนเองและกลายเป็นคนติดเหล้า
ในโมงยามที่ทั้งสองต่างต้องเผชิญความเหงาและปัญหาครอบครัวที่ถาโถม ทั้งคู่ได้เรียนรู้ที่จะพึ่งพิงกันและกัน และสานสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่เรื่องราวก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดด้วยสถานภาพทางครอบครัวที่ทำให้ทั้งสองยังไม่พร้อมที่จะรักกัน หนังเล่าเรื่องอย่างมองโลกในแง่ดีแต่ก็ไม่ลืมที่จะอยู่กับความเป็นจริง ทำให้ได้บทสรุปที่หวานปนขม
อีกหนึ่งหนังของพี่มะเดี่ยว ชูเกียรติในลิสท์นี้ กับ หนัง ภาพยนตร์ ดิว ... ไปด้วยกันนะ เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ ปางน้อย ของ ดิว และภพ เพื่อนชายที่พบกันก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์ขึ้นมา
แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องพลัดพรากจากกัน และ 23 ปีต่อมา ภพ ได้กลับมายังปางน้อยกับภรรยา เพื่อเป็นครูในโรงเรียนที่เขาและดิวเคยเรียน ซึ่งสถานที่แห่งนั้นทำให้เขาได้พบคน ๆ นึงที่ทำให้เขาคิดถึงรักครั้งเก่า...ดิว...และเรื่องราวความทรงจำในอดีตมันก็ได้เริ่มกลับมาทำให้เขารู้สึกอีกครั้ง
ปิดท้ายลิสต์นี้ด้วยยอดผลงานจากพี่พจน์ อานนท์ กับหนังรัก ชาย-ชาย สุดหม่น หนัง ภาพยนตร์ เพื่อน ... กูรักมึงว่ะ เรื่องราวของเมฆ มือปืนที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว มีเพียงแม่และน้องชายที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ เมฆเป็นมือปืนรับจ้างที่ไม่เคยทำงานพลาด เขาได้รับคำสั่งให้ไปจับตัวอิฐ นายตำรวจคนหนึ่งที่รู้เรื่องราวเบื้องหลังการโกงกินของเจ้านาย เมฆไม่ยอมฆ่าอิฐตามคำสั่ง ทำให้ถูกยิง และทั้งเมฆและอิฐจึงหลบหนีไปด้วยกัน
ระหว่างนั้น ทั้งสองก็สานความสัมพันธ์ต่อกัน แต่อดีตก็ไม่ปล่อยคนทั้งคู่ไว้ เมื่อมีศัตรูพร้อมจะเอาชีวิตทั้งคู่อยู่เสมอ หนังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ด้วยโทนดราม่าและสีฟิล์มหม่น ๆ ให้ความรู้สึกเหงาและอ้างว้างของชีวิตคนใต้ดินอย่างเมฆได้เป็นอย่างดี
โลกนี้ยังมี หนัง LGBTQ+ อีกมากมาย ที่ไม่ได้พูดถึง ได้ดูหนังเหล่านี้ มันก็ทำให้เราได้เข้าใจพวกเขามากขึ้น ได้เห็นความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ และก็รู้สึกยินดีที่ทุกวันนี้สังคมเปิดกว้างไม่เหมือนแต่ก่อน และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน เพศอะไร พวกเราทุกคนคือมนุษย์ รักมันไม่มีขอบเขตและข้อจำกัด
เพราะรัก...ก็คือรักนั่นแหละ
|
นักเขียนอิสระให้กับสื่อออนไลน์ ชอบวิจารณ์หนังและหนังสือ |