สวัสดีครับ รีวิวนี้ เป็นการใช้งาน เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Roborock H7 ซึ่งเป็นผู้ผลิตจาก แบรนด์ โรโบร็อค (Roborock) ที่เป็น Global Brand จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าไปทั่วโลก และหนึ่งในนั้นก็คือ ในประเทศไทย จุดเด่นของรุ่นนี้ นอกจากเรื่องการใช้งานที่สะดวก และ ง่ายเพราะไม่มีสายไฟ และ ท่อดูดเกะกะแล้ว ก็มีฟังก์ชันอย่างหน้าจอ OLED ที่ใช้บอกสถานะของเครื่องและใช้ควบคุมปรับโหมดได้ด้วยนะครับ โดยทางแบรนด์ เป็นผู้วิจัย พัฒนา ออกแบบ และผลิตเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ฮาร์ดแวร์ (Hardware), ซอฟต์แวร์ (Software) และแอปพลิเคชัน (Application)
โดยส่วนตัวผมชอบตั้งแต่ดีไซน์แล้ว ดูโมเดิร์น ดูหรูหรา ขนาดกะทัดรัด และ วัสดุที่ใช้ก็แข็งแรงคุณภาพดี ไม่ก๊องแก๊ง ปกติเป็นสายหุ่นยนต์ดูดฝุ่นไม่เคยทำเองหรอก แต่พอได้มาใช้ Roborock H7 ก็พบว่า เครื่องดูดฝุ่นแบบจับเดี๋ยวนี้ก็พัฒนาไปเยอะเหมือนกัน และเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ หรืออุปกรณ์เสริมก็ให้มาเยอะมากและแต่ละอันล้วนมีหน้าที่และประโยชน์ของตัวเอง ส่วนที่ผมชอบที่สุดคือ วัสดุอุปกรณ์เป็น MagBase™ หรือแม่เหล็ก พื้นที่เก็บมันจึงไม่ใช่ตู้เก็บของแต่เป็นฝาข้างตู้เย็น รวมถึงที่ฐานชาร์จ (Dock) ยังมีแม่เหล็กให้ยึดเก็บได้ด้วย สะดวกมาก ๆ เวลาหยิบจับแต่ละที
ชื่อแบรนด์ | Roborock |
รุ่น | H7 (H7M1A) |
ประเภทของอุปกรณ์ | เครื่องดูดฝุ่น ไร้สายแบบมือถือ (Cordless Stick Handheld Vacuum Cleaner) |
น้ำหนักตัวเครื่อง | 1.46 กิโลกรัม (kg) |
ขนาดบรรจุภัณฑ์ | 816 x 355 x 190 มิลลิเมตร (mm) |
พลังดูด | มอเตอร์กำลังไฟ 420 W แรงดูด 160 AW (หรือประมาณ 27,000 Pa) |
โหมดดูดฝุ่น | 3 โหมดการทำงาน ECO, Standard, Auto Carpet Boost |
ขนาดกล่องเก็บฝุ่น (Dust Bin) | 500 มิลลิลิตร (ml) |
แบตเตอรี่ | LiPO ความจุ 80 Wh, ชาร์จเต็มใช้งานได้ยาวนาน 90 นาทีต่อรอบ สามารถรักษาความจุที่ 80 % ได้แม้ผ่านการชาร์จมาแล้ว 400 รอบ, ความเร็วในการชาร์จ 2 ชั่วโมงครึ่งเต็ม |
หน้าจอ (Display) | OLED (แสดงสถานะ, โหมด และ ระดับการทำงานได้) |
ระยะเวลารับประกัน | 3 ปี, รับประกันศูนย์ Roborock Care |
คุณสมบัติอื่น ๆ ของเครื่องดูดฝุ่น |
|
เครื่องดูดฝุ่น Roborock H7 เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย ที่มีแบตเตอรี่ในตัว ดังนั้นถ้าเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปที่มีสายท่อ รุ่นนี้ค่อนข้าง ตอบโจทย์เรื่องความสะดวก และ คล่องตัวมากกว่า เพราะมีน้ำหนักเบาเพียง 1.46 กิโลกรัม (ถ้าไม่ได้ต่อกับอุปกรณ์เสริม) ถ้าใครเคยใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายทั่วไปก็จะเข้าใจดีกว่า ตัวเครื่องที่ใหญ่ และ มีสายท่อกับปลั๊กไฟยาวเกะกะบางครั้งมันก็น่ารำคาญ ดังนั้นความได้เปรียบของรุ่นนี้อย่างแรก ก็คือมันใช้งานได้ไม่ต้องต่อสายไฟ
ส่วนการดีไซน์เป็นสีเทา สลับแดง ให้ความรู้สึกโมเดิร์น หรูหรา โดดเด่นเมื่อเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป รูปทรงการออกแบบ ผมจินตนาการว่ามันคล้ายปืนตะปู โดยเฉพาะด้ามจับ ทำให้มันดูแปลกตาใช้ได้ โดยเฉพาะถ้าได้ติดตั้งแขวนกับฐานชาร์จ และเลือกมุมในบ้านวางดี ๆ ถ้ามีแขกไปใครมา มีสะดุดตาแขกแน่นอน
สำหรับการควบคุมของตัวเครื่องอยู่ที่ด้ามจับทั้งหมด หากสังเกตจะมีปุ่มไกที่ใช้ควบคุมการเปิด-ปิดเครื่องดูดฝุ่น ซึ่งพอเป็นแบบนี้ ก็ใช้งานง่ายดีเหมือนกัน ส่วนท้ายด้ามเป็นปุ่มปรับโหมดการทำงานและด้านข้างคือปุ่มล็อก มาพร้อมกับหน้าจอแสดงข้อมูลแบบ OLED บนด้ามจับ ที่สามารถใช้บอกสถานะโหมด, แบตเตอรี่ รวมถึงสถานะล็อกการทำงาน
ตัวปุ่มล็อกเอาไว้ใช้เปิดเครื่องทำงานแบบต่อเนื่อง แต่หากปลดล็อกจะเป็นการใช้ควบคุมแบบกดและปล่อยไก ซึ่งหมายความว่า อย่างแรกประโยชน์ คือ ไม่ทำให้ผู้ใช้เมื่อยนิ้ว ส่วนอย่างหลังคือช่วยให้ควบคุมการดูดฝุ่นได้ตามใจสั่ง อีกอย่างถ้ามีเด็กมากดเล่นโดยไม่ตั้งใจ จะได้ไม่เกิดอันตราย เป็นต้น เพราะเครื่องจะทำการต่อเมื่อกดไกเท่านั้น
ในเครื่องบรรจุกล่องเก็บฝุ่นใสที่มีพื้นที่ 500 มิลลิลิตร ภายในยังครอบฟิลเตอร์กรองฝุ่น (สีแดง ๆ) เอาไว้อีกที ข้อดีคือเราเห็นได้ตลอดเวลาว่ากล่องเต็มหรือยัง และเวลาดูดฝุ่นเข้าไปก็จะเห็นขี้ฝุ่นปั่นอยู่ในเครื่องด้วยเป็นภาพที่แปลกตายิ่งนัก
ส่วนเวลาทำความสะอาดสามารถดึงออกมาล้างได้ จะมีที่ปลดล็อกอยู่ใต้เครื่องให้ใช้มือหนึ่งดันไว้ และดันกล่องออกมาจากเครื่อง ใช้น้ำล้างและเช็ดให้แห้ง อันนี้จำเป็น ถ้าไม่อยากเห็นภาพที่บันเทิงกว่าข้างบน นอกจากนี้หากความชื้นไปเกาะที่ฟิลเตอร์ ก็จะทำให้เกิดการอุดตันเวลาใช้งานได้อีกด้วย และถ้าต้องการแค่เทฝุ่นใช้ตัวปลดล็อกที่ด้ามจับแทน แล้วเปิดเฉพาะฝากล่องใต้เครื่องก่อนเทฝุ่นออก
นอกจากนี้แล้ว เครื่องดูดฝุ่น Roborock H7 ยังมีฟังก์ชันรองรับ ถุงเก็บฝุ่น (Dust Bag) แถมยังใจดีแถมถุงให้ 2 ชิ้นฟรี ๆ กับแพ็กเกจ ตัวถุงทำจากวัสดุผ้าฟิลเตอร์เกรดดีคุณภาพเท่าฟิลเตอร์ในเครื่องเลย ส่วนปากถุงทำจากวัสดุกระดาษแข็งและเว้นช่องขนาดพอดีกับช่องดูดฝุ่นเอาไว้ ในการติดตั้งก็ไม่ได้ยากเย็น เพราะมีตัว Dust Bag Holder หรืออุปกรณ์สำหรับติดตั้งอยู่ สามารถใส่แทนฟิลเตอร์ได้เลย วิธีทำลองศึกษาจากคู่มือได้ครับ
ประโยชน์หลัก ๆ ของถุงคือ ช่วยตอบโจทย์ความขี้เกียจไม่ต้องทำความสะอาดกล่อง แต่ตัวถุงเป็นแบบ Single-use ห้ามใช้ซ้ำนะครับ ถึงมันจะดูน่าเอามาใช้ใหม่ได้ก็เถอะ และผมได้ไปเช็คมาว่าเจ้าถุงนี่มีวางขายแยกใน Shopee ด้วยราคาประมาณ 700 กว่าบาทต่อ 1 ชุด ซึ่งจะมีด้วยกัน 12 ถุง (ช่วงโปรลดราคาจากราคาเดิม 1,700 บาท)
มาดูที่ฟิลเตอร์กันบ้าง รุ่นนี้ออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า 'Filtration' เป็นฟิลเตอร์กรองแบบ 5 ชั้น เกรดระดับ HEPA ที่กรองได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน 99.99% สามารถ ฆ่าเชื้อ สิ่งสกปรก และ สารก่อภูมิแพ้ที่มาจาก ฝุ่น ละอองเกสรได้เลยทีเดียว
โดยฟิลเตอร์จะมี 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ
ถ้าหากใช้งานแล้วมีการอุดตัน เราสามารถถอดฟิลเตอร์ทั้งหมดออกมาทำความสะอาดได้เลย โดยเฉพาะตัว Rear Filter ให้หมุนปลดล็อกด้านบนและดึงออกมา จากนั้นแยกชิ้นส่วนตัวกรอง และ ใช้น้ำเย็นทำความสะอาดส่วน Front Filter ให้ดึงกล่องเก็บฝุ่นออกมาก่อน และหมุนปลดล็อกทวนเข็มนาฬิกา จากนั้นก็สามารถใช้น้ำล้างได้ ทั้งนี้ข้อควรระวังที่สำคัญคือ หลังทำความสะอาดควรเอาฟิลเตอร์กรองไปตากให้แห้งเสียก่อน
สำหรับชุดฐานเก็บเครื่องดูดฝุ่น (Standing Dock) ดีไซน์ออกมาเป็นแบบยึดติดผนังได้ เพื่อเพิ่มความมั่นคง แต่ก็ต้องเจาะกำแพง ถ้าไม่อยากเจาะก็ไม่เป็นไร เพราะในชุด Dock มีส่วนประกอบเป็นฐานตั้งที่ค่อนข้างมีน้ำหนักเลยทีเดียว หมายความว่ามั่นคงพอสมควรหากแขวนอุปกรณ์ เราแค่วางชิดแนบกับผนังเอาไว้ก็หมดปัญหา แถมมองเผิน ๆ เหมือนของตกแต่งบ้านได้เหมือนกันนะ (มั้ง)
นอกจากนี้ตัวฐานชาร์จ ยังออกแบบให้สามารถชาร์จเครื่องได้เลย และที่เป็นไฮไลท์อีกอย่าง คือด้านข้างของฐานชาร์จ ที่ทำจากวัสดุที่เป็น MagBase™ หรือ แม่เหล็ก ถามว่าเอาไว้ใช้ทำอะไร นั่นก็คือสำหรับเก็บอุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องดูดฝุ่น เช่น ท่อต่อ หรือ หัวดูดฝุ่นต่าง ๆ เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นมีวัสดุเป็น MagBase™ เช่นกัน ทำให้เวลาเก็บง่ายมากไม่ต้องวางเกะกะ หรือ ยัดใส่ตู้เก็บของ นอกจากนี้เราก็สามารถเอาอุปกรณ์ไปติดไว้บนฝาตู้เย็นบ้านคุณได้ นอกจากช่วยให้หยิบใช้งานง่าย แล้วยังเหมือนเป็นของตกแต่งได้ด้วยนะ (มั้ง)
จริง ๆ การใช้งาน เครื่องดูดฝุ่น Roborock H7 ไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่ เพราะเครื่องดูดฝุ่นก็คือเครื่องดูดฝุ่น ไม่ได้มีโหมดสั่งผ่านแอป ฯ หรือฟังก์ชันจุกจิก และเมื่อต้องลงสนามจริงสิ่งที่จำเป็น ก็คือแรงคน และ ความเข้าใจในอุปกรณ์ต่าง ๆ เท่านั้น ดังนั้นมาดูกันว่าการใช้เครื่องนี้เป็นอย่างไร
เครื่องดูดฝุ่น Roborock H7 มีโหมดการทำงานอยู่ 3 โหมดตามระดับความแรง แบ่งเป็น ECO, Standard และ Auto Carpet Boost ที่ใช้เพิ่มแรงดูดสำหรับพื้นพรม โดยความแรงสูงสุดคือ 160 AW หรือ 27,000 ปาสคาล (Pa) แรงดูด และกำลังไฟสูงสุด 420 W เวลาใช้งานคุณสามารถปรับโหมดได้สะดวกที่ด้ามจับ
โหมดแต่ละโหมด ออกแบบมาให้ใช้งานตามความเหมาะสม โดยไม่เสียพลังงานอย่างสิ้นเปลือง เช่น หากต้องการ ดูดพื้นทั่วไปควรใช้ Standard Mode เพื่อให้มีกำลังพอจะดูดพวกเส้นผม หรือ เศษฝุ่นชิ้นใหญ่ ๆ เป็นต้น ส่วนถ้าอยากดูดฝุ่นตามเฟอร์นิเจอร์ โซฟา หรือ ผ้าม่าน ผมแนะนำให้เป็น ECO เพื่อที่จะประหยัดแบตฯ และถ้าต้องการดูดฝุ่นตามพรมอันนี้ขอแนะนำ เป็น Auto Carpet Boost ซึ่งจะเพิ่มแรงดูดอัตโนมัติเมื่ออยู่บนพื้นพรมขึ้นอีกสูงสุด 50 วัตต์
อย่างที่กล่าวไว้ ความที่เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ทำให้เข้าถึงทุกส่วนของบ้านได้แน่นอน ไม่มีปัญหาเรื่องปลั๊กไฟหรือท่อดูดฝุ่นที่เกะกะ นอกจากนี้ยังสามารถหยิบไปดูดฝุ่นตามเบาะรถยนต์ หรือเอาไว้ใช้นอกสถานที่ได้
อีกอย่างคือ ปกติขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นเวลาใช้งานก็ต้องมีเสียงดัง แต่โดยส่วนตัวคิดว่าเครื่องนี้ระดับเสียงค่อนข้างเบา เนื่องจากมีการออกแบบให้เก็บเสียงได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี ในส่วนของ แผ่นกรองอากาศ HEPA (HEPA Air Filter) ที่สามารถฟอกอากาศได้เงียบกริบ, รวมถึงตัวเทคโนโลยี Noise Suppressor, Polypropylene Baffles, และอีกมากมายก่ายกองที่สามารถลดเสียง แต่ไม่ได้ลดแรงดูด หรือประสิทธิภาพการไหลเวียนอากาศลงเลย จึงสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และ ไม่รบกวนคนอื่นในบ้าน หรือ แม้กระทั่งคนข้างบ้าน
รุ่นอื่นผมไม่รู้ว่าเครื่องดูดฝุ่นให้หัวดูดและท่อมาเยอะไหม แต่สำหรับ เครื่องดูดฝุ่น Roborock H7 นอกจากกล่องจะใหญ่ของยังเยอะตามกล่อง เพราะรุ่นนี้ให้หัวดูดฝุ่นมา 4 หัว และ ท่อต่ออีก 2 แบบ คืออุปกรณ์เยอะจริง ๆ โดยตัวท่อจะมีทั้งแบบท่อแข็งยาว (Baton) ซึ่งเป็นท่อหลักที่ใช้ดูดพื้นเป็นหลัก และ ท่อเฟดอ่อน "Flex Tube" ที่ใช้ตามสถานการณ์
ส่วนหัวดูดแต่ละตัว มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้
หัวดูดหลักพร้อมแปรงปัดมอเตอร์ ที่ทำงานหมุน 4,000 รอบต่อนาที สามารถทำความสะอาดบนพื้นเนื้อแข็ง หินอ่อน แกรนิต พื้นไม้ หรือ พื้นพรม ได้เลย นอกจากนี้ตัวแปรงปัดยังสามารถถอดดึงออกจากด้านข้างได้ เวลามีเส้นผมพัน หรือ พวกสิ่งสกปรกอื่น ๆ อย่างพวกเศษผ้า และ เศษพรม เวลาจะใช้งานตัวนี้เราก็ต้องต่อกับท่อแบบยาว เพื่อความสะดวก และความเหมาะสม
เอาไว้ทำความสะอาดพวกเบาะ หรือโซฟา เตียงนอน มีแปรงปัดมอเตอร์ชนิดเดียวกับก่อนหน้านี้เลย แต่ตัวนี้ไว้ใช้แยก เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้หัวดูดตัวเดียวกับอันที่ดูดฝุ่นบนพื้น เวลาใช้งานสามารถต่อกับท่อเฟดอ่อน "Flex Tube" ได้แล้วแต่ความถนัด
เป็นหัวดูดสำหรับทำความสะอาด เฟอร์นิเจอร์ และ ข้าวของเครื่องใช้ตกแต่งในห้อง ซึ่งจะมีขนแปรงปัดที่เหมาะใช้ดูดตามรางหน้าต่าง ชั้นวางหนังสือ คีย์บอร์ด หรือ ผ้าม่าน เป็นต้น
หัวดูดเล็กแบบท่อแข็ง ที่เหมาะใช้ซอกซอนไปดูดตามที่แคบต่าง ๆ ที่ท่อดูดทั่วไปเข้าไม่ถึง เช่น ซอกตู้เย็น หลังตู้หนังสือ หรือช่องใต้โซฟาเป็นต้น โดยส่วนตัวไม่ค่อยได้ใช้อันนี้เพราะบ้านโล่งอยู่แล้วไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์ เงินไม่พอตกแต่งครับ
ถามว่าอุปกรณ์เยอะขนาดนี้ลำบากไหม คำตอบคือไม่เลยครับเพราะถอดเปลี่ยนง่าย แค่กดปุ่มสีแดงที่ข้อต่อและดึงออกเท่านั้น
ซึ่งปัญหาที่คนส่วนใหญ่เจอเวลาเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นแล้วมีอุปกรณ์เยอะ ๆ แบบนี้ คือ การไม่มีที่เก็บมากกว่า แต่ปัญหานั้นก็ถูกแก้ด้วยการออกแบบอุปกรณ์ให้เป็นวัสดุแม่เหล็กแล้ว ดังนั้นผมยืนยันเลยว่า เวลาใช้จริงการถอดเปลี่ยนและหยิบใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ มันง่ายเหมือนเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบน้ำมากินอ่ะ
สำหรับแบตเตอรี่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยประมาณ แต่ระยะเวลาการใช้งานจริง ก็ขึ้นอยู่กับการเปิดโหมดต่าง ๆ ซึ่งบนหน้าจอ Display ยังสามารถบอกแบตเตอรี่คงเหลือเป็นเวลาได้เลย
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Quick Recharging Support ชาร์จเต็มภายใน 2 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งก็ไม่เร็วและไม่ช้าเกินไป ส่วนสเปคแบตฯ นั้นเป็นชนิด Li-Po หรือ ลิเธียมโพลิเมอร์ ขนาด 80 Wh สามารถเก็บรักษาความคงทน และ ความจุแบตเตอรี่ได้มากถึง 80% แม้ผ่านการชาร์จมาแล้วกว่า 400 รอบ ทาง Roborock เคลมว่ากำลังดูดจะไม่ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพแบตเตอรี่ที่เหลือน้อยลงอีกด้วย
ความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกอย่างนั่นคือ ที่ฟิลเตอร์จะมีระบบเซนเซอร์ที่ช่วยตรวจจับปัญหาเครื่อง เมื่อมีการอุดตัน หรือ มีความชื้น ก็สามารถแจ้งเตือนเราพร้อมบอกวิธีแก้ไขได้ด้วย
ถ้าพูดถึงการดูดฝุ่นผมเชื่อว่าพักนี้หลายคนเทใจให้ 'หุ่นยนต์' ทำงานแทนไปหมดแล้ว เพราะความสะดวกในการใช้งาน กดปุ่มครั้งเดียว ก็นอนเล่นสบายไม่ต้องคอยเก็บด้วยเพราะหุ่นยนต์มันเดินกลับไปแท่นชาร์จเองได้
โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างถูกใจกับการใช้ 'หุ่นยนต์ดูดฝุ่น' มากอยู่แล้ว เพราะเราไม่ต้องทำเอง แต่ว่าการใช้หุ่นยนต์มันก็มีข้อจำกัด คือ มันช่วยเราดูดได้แค่บนพื้น ถ้ามันปีนไปตามเฟอร์นิเจอร์ให้เราได้คงไม่บ่น ไม่ต้องพึ่งไม้ขนไก่มาจนถึงทุกวันนี้ หรือหุ่นยนต์บางรุ่นก็ทำความสะอาดบนพรมไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นแบบจับแล้วก็สามารถกลบจุดด้อยข้อนี้ได้
ดังนั้นถ้าใครกำลังหาเครื่องดูดฝุ่นที่ขนาดเหมาะมือกะทัดรัดใช้ง่าย เก็บง่าย ผมแนะนำ เครื่องดูดฝุ่น Roborock H7 เลย เพราะรุ่นนี้เขาไม่ธรรมดา แบตเตอรี่ก็ใช้ได้นานพอสมควร ประสิทธิภาพก็ครอบคลุมทั้ง พื้น โซฟา เตียงนอน ตามซอกหลืบ ปีนบันไดไปดูดบนฝ้าก็ยังได้ ถังเก็บฝุ่นยังมีฟิลเตอร์กรองถึง 5 ชั้นเกรด HEPA และยังมีหน้าจอ Display สุดอัจฉริยะที่ใช้บอกสถานะ และสั่งการโหมดทำงานต่าง ๆ ได้อีกด้วย ถือว่าตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันทำงาน และ ความเรียบง่าย โดยราคาของ เครื่องดูดฝุ่น Roborock H7 ที่จำหน่ายมีดังนี้
ซึ่งเป็นราคาอยู่ในช่วงโปรโมชัน และราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าสนใจมีขายในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ รวมถึงแอปช้อปปิ้งออนไลน์ด้วยนะ
ช่องทางติดต่อและช่องทางจัดจําหน่าย (สอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่):
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |