แชร์หน้าเว็บนี้ :
แอป Deliveree แอปส่งของด่วนทั่วไทย ส่งของ ขนย้ายของได้สะดวก ตอบโจทย์ทุกการขนส่ง
ข้อดี | ข้อสังเกต |
- ให้บริการแบบ Door-to-Door รับของ และส่งให้ถึงหน้าบ้าน
- มีรถให้เลือกหลายประเภท และขนาดตามปริมาณของที่ต้องการส่ง
- มีรถเย็นให้เลือกใช้บริการด้วย
- เพิ่มจุดส่งได้สูงสุดมากถึง 15 จุด ต่อ 1 การจองรถ
- ราคาไม่แพง ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง
- ไม่มีค่าใช้จ่ายผูกมัด จ่ายตามการใช้งานจริง
- ใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบน iOS, Android และ Web Application
- มี API ให้เชื่อมต่อกับระบบธุรกิจ
- คนขับได้รับการอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขนส่งเป็นอย่างดี
- ติดตามสถานะการขนส่ง และตำแหน่งผู้ขับรถได้ตลอดการระยะเวลาการขนส่ง
- วงเงินประกันสินค้าสูงสุด 20,000 บาท สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และสูงสุด 1,000,000 บาท สำหรับผู้ใช้งานในโปรแกรมธุรกิจ
- รองรับการส่งคืนเอกสารการขนส่ง และเก็บเงินปลายทาง
- สามารถจ้างคนช่วยยกของเพิ่ม
- เปิดให้บริการทุกวัน 24 ชั่วโมง
- มี Customer Service ให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 5:00 - 00:00 น.
| - ส่งของได้ทั่วประเทศก็จริง แต่จังหวัดที่สามารถเรียกใช้บริการรับของได้ ยังจำกัดพื้นที่ให้บริการอยู่ ไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ
- ส่งของแบบรายชิ้น จำเป็นต้องมีน้ำหนักอย่างน้อย 5 กิโลกรัม ห้ามเบากว่านั้น
- ยังไม่มีแอปพลิเคชันสำหรับ iPad (บน iPad ใช้เวอร์ชันเดียวกับ iOS ที่แสดงผลได้ไม่เต็มจอ)
|
บทความเกี่ยวกับ Deliveree อื่นๆ
ในปัจจุบันนี้ หากเราต้องการจะส่งของไปให้ใครสักคน เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าสมัยก่อนมาก มีผู้ให้บริการกระโดดเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้อยู่หลายราย ในบรรดาตัวเลือกที่มีอยู่มากมายนั้น เราก็มีแอปพลิเคชันตัวหนึ่งที่อยากจะมาแนะนำ นั่นก็คือ แอป Deliveree เป็นแอปพลิเคชันที่เน้นให้บริการด้านการส่งของ ต่างจากคู่แข่งหลายรายที่การส่งของเป็นเพียงหนึ่งในบริการที่มีให้เลือก นั่นทำให้แอป Deliveree มีตัวเลือกในการส่งของที่จัดว่าครบวงจร และมีจุดแข็งน่าสนใจอยู่หลายอย่าง
แอป Deliveree มีความน่าสนใจอย่างไร ? เชิญอ่านต่อได้เลย
Deliveree คือ อะไร ?
Deliveree เป็นสตาร์ทอัปที่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) วางตัวเองเป็น Marketplace ที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (Logistics) แบบครบวงจร ปัจจุบัน เปิดให้บริการอยู่ในประเทศไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และมีแผนที่จะขยายบริการไปยังประเทศอื่นเพิ่มเติมในอนาคต Deliveree ให้บริการขนส่งหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ขนส่ง และกระจายสินค้า, ส่งอาหาร, ส่งคาร์โก้ ฯลฯ ซึ่งเป็นบริการที่มีบทบาทสำคัญต่อผู้ประกอบธุรกิจในยุค E-commerce เป็นอย่างมาก
จุดเด่นของ Deliveree คือ เป็นแอปพลิเคชันสำหรับเรียกรถส่งของแบบ on-demand สามารถเรียกรถเพื่อรับ-ส่งสินค้าแบบ Door-to-Door ซึ่งผู้เรียกสามารถเลือกได้ว่าจะใช้บริการส่งของแบบเหมาคัน และบริการส่งของแบบรายชิ้น
นอกจากนี้ Deliveree ยังมีโปรแกรมธุรกิจที่มาพร้อมกับสิทธิพิเศษ ที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าธุรกิจที่ต้องการขนส่งสินค้า กระจายสินค้า หรือส่งสินค้าให้ลูกค้าปลายทาง ถือเป็นจุดเด่นที่ผู้ให้บริการรายอื่นยังไม่ได้เน้นมากนัก
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าต้องเป็นผู้ประกอบการถึงสามารถใช้บริการ Deliveree ได้นะ ลูกค้าทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ อย่างเช่น หากต้องการย้ายบ้าน, ขนย้ายสัมภาระ, ส่งเฟอร์นิเจอร์ เราก็สามารถใช้บริการขนส่งแบบเหมาคันได้ แถมจ้างคนช่วยขนของได้ด้วยอีกต่างหาก หรืออยากส่งขนมไปให้เพื่อนแบบเร่งด่วน แอป Deliveree เขาก็มีรถมอเตอร์ไซค์ และรถเก๋งให้เลือกใช้บริการได้เช่นกัน เริ่มมีความน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ :)
วิธีเรียกใช้บริการ Deliveree
การเรียกใช้บริการ Deliveree นั้นง่ายมาก สามารถเรียกใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน หรือ Web Application ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งเราสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายค่าขนส่งก่อนที่จะเรียกใช้บริการได้ด้วยตนเองภายในเวลาไม่กี่วินาที
การใช้บริการ Deliveree ส่งของแบบเหมาคัน
แอปพลิเคชัน Deliveree สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายผ่าน App Store หรือ Play Store ได้เลย
- เมื่อเปิดแอปพลิเคชัน Deliveree ขึ้นมาแล้ว ก็ให้เราเลือกว่าจะใช้บริการส่งของแบบ "เหมาคัน (Full Truck Load (FTL))" หรือ "รายชิ้น (Less Than Truckload (LTL))"
ตัวอย่างในภาพด้านล่าง เราเลือกแบบเหมาคัน - จากนั้นก็เลือกประเภทรถที่จะใช้ขนส่ง ก็จะมี มอเตอร์ไซค์ (เฉพาะกรุงเทพฯ), อีโคคาร์, รถกระบะแบบเปิด, รถกระบะตู้ทึบ, รถเย็น (เฉพาะกรุงเทพฯ), รถ 6 ล้อ และรถ 10 ล้อ (แบบตู้กับแบบคอก) ต้องการใช้แบบไหนก็เลือกให้เหมาะสมกับของที่เราจะส่ง
- เลือกช่วงเวลาที่จะให้รถมารับ สามารถเลือกแบบด่วน (ภายใน 1, 2 หรือ 3 ชั่วโมง) สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ และรถ 4 ล้อ, แบบจองล่วงหน้า (ล่วงหน้าได้สูงสุด 14 วัน) และเหมารถเต็มวัน (9 ชั่วโมง/วัน) พร้อมระบุวันเวลาที่ต้องการให้เข้ารับของ
- จากนั้นก็ระบุตำแหน่งที่อยู่จุดรับของจุดส่งของ หากมีจุดส่งของหลายจุด ก็แตะที่ "ปุ่มเพิ่มจุดส่ง" ได้ โดยเราสามารถเพิ่มจุดส่งได้สูงสุดถึง 15 จุด ต่อการเรียกหนึ่งครั้ง
- เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็กด "ปุ่มต่อไป"
| |
- ในหน้าจอถัดมาจะเป็นการตัวเลือกเกี่ยวกับคนขับ แอป Deliveree นี่ หากเราเจอคนขับที่ชื่นชอบ บริการถูกใจ สามารถบันทึกคนขับที่ชื่อชอบไว้เพื่อเรียกใช้บริการคนขับคนเดิมได้ด้วยนะ
- จากนั้นก็เลือกบริการเสริมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนขับช่วยยกของ หรือผู้ช่วยยกของเพิ่มเติม โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในราคาเริ่มต้น 100 บาท
- เมื่อเลือกเสร็จสิ้นแล้วก็กด "ปุ่มต่อไป"
- หน้านี้จะเป็นหน้าสรุปข้อมูลการจอง และให้ใส่ข้อมูลผู้ติดต่อในแต่ละจุด พร้อมระบุว่าใครเป็นผู้ชำระเงิน หากเราระบุและตรวจสอบแล้วว่าทุกอย่างถูกต้อง ก็แตะ "ปุ่มยืนยันการจอง" แล้วรอรถมารับของตามเวลานัดได้เลย
ขั้นตอนการใช้บริการ Deliveree แบบรายชิ้น
อ่านวิธีเรียกใช้งานผ่านแอปพลิเคชันกันไปแล้ว คราวนี้เรามาลองใช้งาน Deliveree ผ่าน Web Application กันบ้าง ซึ่งอันที่จริง ก็มีขั้นตอนที่ไม่แตกต่างกันเลย
- เปิดเว็บเบราว์เซอร์ไปที่ URL : https://www.deliveree.com/th/
- คลิกที่ "ปุ่มเปิดแอปพลิเคชัน"
- จะมีหน้าเว็บเพจใหม่เปิดขึ้นมา เป็น Deliveree เวอร์ชัน Web Application
- เลือกว่าจะใช้บริการส่งของแบบ "เหมาคัน (Full Truck Load (FTL))" หรือ "รายชิ้น (Less Than Truckload (LTL))" เมื่อสักครู่เราใช้บริการแบบเหมาคันไปแล้ว ครั้งนี้เราจะมาใช้บริการแบบรายชิ้นดูบ้าง
ตัวอย่างในภาพด้านล่าง เราเลือกแบบรายชิ้น - บริการแบบรายชิ้น (LTL) นั้นเราจะไม่ได้เลือกประเภทรถ แต่จะเป็นการเลือกจากลักษณะของพัสดุที่เราจะส่งแทน ว่าอยู่ในรูปแบบไหน ซึ่งก็จะมี กล่อง, พาเลท, ถัง, ลัง และกระสอบ
- จากนั้นก็เลือกวันที่จะให้คนขับเข้ามารับของ ซึ่งไม่สามารถส่งด่วนได้แบบเหมาคันนะ จะเลือกได้แค่แบบล่วงหน้า 1 วัน และสูงสุดภายใน 14 วัน นับจากวันที่ทำรายการ
- จากนั้นก็ระบุตำแหน่งที่อยู่จุดรับและส่งของ ในการส่งของแบบรายชิ้น (LTL) จะระบุตำแหน่งจุดรับได้เพียงจุดเดียวเท่านั้นนะ แต่จะเลือกส่งของจำนวนกี่ชิ้นก็ได้
- เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็กด "ปุ่มต่อไป"
- หน้าจอถัดมา เราจะต้องระบุลักษณะของพัสดุที่เราจะส่งครับ เช่น หากเป็นกล่อง มีกี่กล่อง, กล่องขนาดไหน และหนักเท่าไหร่ ?
- กรณีที่มีของหลายชิ้น ก็คลิกที่ "ปุ่ม + เพิ่มรายการ" แล้วใส่รายละเอียดเพิ่มเติมลงไป
- เมื่อเรียบร้อยแล้ว ก็คลิก "ปุ่มต่อไป"
- ใส่ชื่อผู้รับ- ผู้ส่ง เบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อให้เรียบร้อย
- คลิก "ปุ่มต่อไป"
- สังเกตว่าค่าบริการในการส่งของแบบรายชิ้น จะมีราคาที่ถูกกว่าแบบเหมาคัน เพราะของเราจะถูกส่งรวมร่วมกับผู้ใช้บริการรายอื่น ทำให้มีคนมาช่วยหารค่าบริการร่วมกับเรา
- ถ้าเรียบร้อยแล้วก็คลิก "ปุ่มยืนยันการของ" ได้เลย
ข้อมูลบริการต่าง ๆ ของแอป Deliveree
อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าแอป Deliveree จะมีให้บริการอยู่ 2 รูปแบบ คือ ส่งของแบบ "เหมาคัน (Full Truck Load (FTL))" และ "รายชิ้น (Less Than Truckload (LTL))" ซึ่ง 2 บริการนี้ ก็จะมีรายละเอียดของบริการที่แตกต่างกัน มาเจาะลึกข้อมูลในจุดนี้กันสักหน่อย
บริการส่งของเหมาคัน | บริการส่งของรายชิ้น |
ประเภทบริการ - ด่วน (เข้ารับของได้เร็วสุดภายใน 1 ชั่วโมง)
- จองล่วงหน้า (จองรถล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมงถึง 14 วัน)
- เหมารายวัน ใช้รถขนส่งไม่จำกัดจุดส่ง และระยะทางในพื้นที่เรียกใช้บริการ (9 ชั่วโมง สำหรับกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 8 ชั่วโมงสำหรับจังหวัดอื่นๆ)
| - เป็นบริการส่งของรายชิ้น โดยไม่ต้องเหมารถทั้งคัน
- รับ-ส่งสินค้าและพัสดุขนาดใหญ่ตั้งแต่ 5 กก. ขึ้นไป
- สามารถเข้ารับสินค้าหรือพัสดุได้เร็วสุดภายในวันถัดไป
|
พื้นที่ให้บริการ - กรุงเทพฯ และปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร)
- ภาคกลาง (นครนายก ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อยุธยา และอ่างทอง)
- ภาคตะวันออก (จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ปราจีนบุรี และระยอง)
- ภาคตะวันตก (ราชบุรี และสมุทรสงคราม)
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ขอนแก่น และนครราชสีมา)
- ภาคเหนือ (เชียงใหม่ และอำเภอเมืองลำพูน)
| - กรุงเทพฯ และปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร)
|
ประเภทรถ - มอเตอร์ไซค์ (เฉพาะกรุงเทพฯ)
- อีโคคาร์ (รถเก๋ง ทั้ง 4 และ 5 ประตู)
- ปิคอัพหรือกระบะแบบเปิด
- รถเย็น (เฉพาะกรุงเทพฯ)
- กระบะตู้ทึบ
- รถ 6 ล้อ (แบบตู้กับแบบคอก)
- รถ 10 ล้อ (แบบตู้กับแบบคอก)
| ประเภทสินค้าหรือพัสดุ - กล่อง
- พาเลท
- ถัง
- ลัง
- กระสอบ
|
ราคา - ราคาตามระยะทางขนส่ง
- รวมค่ารถ ค่าแรงผู้ขับและค่าน้ำมันแล้ว
- รวมประกันสินค้าวงเงินสูงสุด 20,000 บาท สำหรับทุกการขนส่ง
- สามารถดูราคาเริ่มต้น และต่อกิโลเมตรของแต่ละประเภทรถได้ที่ https://www.deliveree.com/th/price-check/
| - ราคาตามระยะทางขนส่ง
- ราคาเริ่มต้น 90 บาท
|
บริการเสริม - ผู้ขับช่วยยกของ ราคาเริ่มต้นเพียง 100 บ.
- ผู้ช่วยเพิ่มเติม ราคาเริ่มต้นที่ 300 บ./คน
- เลือกรถขนาดใหญ่ (สำหรับรถอีโคคาร์ 6 ล้อ และ 10 ล้อ) เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนส่งมากยิ่งขึ้น
| |
โปรแกรมการขนส่งสินค้าสำหรับธุรกิจของ Deliveree
หากคุณเป็นผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจ ที่มีการใช้บริการส่งของเป็นประจำ ทาง Deliveree เขาก็มีให้สมัครเข้าร่วมโปรแกรมธุรกิจ โดยเมื่อเข้าร่วมแล้วก็จะมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเข้ามาหลายอย่าง ที่สำคัญสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้วยล่ะ
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่ได้เพิ่มมาก็จะมีทั้งส่วนที่ฟรี และบางส่วนที่มีค่าบริการเพิ่มนิดหน่อยตามการใช้งาน
ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม | มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม |
- เลือกชำระค่าบริการแบบรายเดือน เครดิตได้ 15 วัน
- ประกันสินค้าเที่ยวละ 1,000,000 บาท
- มีคู่มือสำหรับคนขับตามขั้นตอนการขนส่งเฉพาะของลูกค้า
- เพิ่มโลโก้ของบริษัทแสดงบนหน้าเซ็นรับของในแอปพลิเคชัน
- มี Dashboard จัดการกลุ่มงานขนส่งของบริษัท
- มี Dashboard แสดงข้อมูลการขนส่งเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน
| - เก็บค่าสินค้าปลายทาง (Cash on Delivery (COD)) โดยคิดค่าบริการ 0.2% ของยอดเงิน COD, ขั้นต่ำ 50 บาทต่อเที่ยว
(การันตีเงินคืน 100% คืนเงินภายใน 1 วันทำการ) - ส่งคืนใบส่งสินค้า (Proof of delivery
(POD) Return) 50 บาทต่อเที่ยว (ส่งคืนเอกสารใน 3 วันทำการ) |
Deliveree มี API และ System Integration สำหรับการส่งของให้ใช้งาน
ภาพจาก https://www.deliveree.com/th/delivery-api-system-integration/
ในยุคอี-คอมเมิร์ซที่การซื้อขายสินค้าออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจก็จำเป็นต้องมีระบบโลจิสติกส์ที่ดีมาสนับสนุน เพื่อให้กระจาย และขนส่งสินค้าได้รวดเร็วและเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม การลงทุนทำระบบโลจิสติกส์ของตนเองขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลเลยล่ะ การใช้ระบบโลจิสติกส์ 3rd-Party จึงเป็นตัวเลือกที่ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ SME เลือกใช้มากกว่า
แน่นอนว่า ทางแอป Deliveree เขาก็มี ระบบ API สำหรับเชื่อมต่อระบบธุรกิจของคุณเข้ากับระบบขนส่งของบริษัท Deliveree ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน โดยเขามีให้เลือกเชื่อมต่อระบบได้ถึง 3 รูปแบบ
- API (Application Program Interface) : เป็นเชื่อมต่อด้วยชุดคำสั่ง API ระหว่างระบบธุรกิจของคุณ มายังกับระบบของ Deliveree โดยตรง เมื่อลูกค้าทำธุรกรรมบนระบบธุรกิจไม่ว่าจะเป็นหน้าเว็บไซต์ออนไลน์ หรือแอปพลิเคชัน ข้อมูลคำสั่งซื้อที่จำเป็นต่อการจัดส่งสินค้า จะถูกส่งไปยังระบบส่งสินค้าของ Deliveree เพื่อจองรถให้อัตโนมัติ
- SDK (Software Development Kit) : หากต้องการให้ทีมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัทคุณ นำระบบขนส่งของ Deliveree ไปพัฒนารวมกับเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน หรือระบบทำงานภายในของบริษัทคุณ เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบราคาค่าขนส่ง, ตำแหน่งการขนส่ง ฯลฯ ได้จากแอปพลิเคชัน หรือหน้าเว็บไซต์ได้โดยตรง ก็สามารถใช้ SDK ของ Deliveree ในการพัฒนาได้ ซึ่งปัจจุบัน มีให้เลือกใช้ถึง 7 ภาษา PHP, ReactJS, NodeJS, Ruby, Python, Java และ C# (.Net และ .Net Core) ไม่ว่าระบบหลังบ้านบริษัทคุณจะใช้ภาษาไหน ก็ไม่มีปัญหาในการนำไปปรับใช้อย่างแน่นอน
- e-Commerce Plugins : สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มแอปพลิเคชัน Deliveree เข้าไปบนหน้าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซโดยตรง เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการจัดส่งสินค้าด่วน ช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้ร้านค้า ปัจจุบัน Deliveree มี Plugin สำหรับระบบอีคอมเมิร์ซของ WooCommerce และ Shopify
ความเห็นจาก THAIWARE
แอป Deliveree ให้บริการขนส่งที่เรียกได้ว่ามีความครอบคลุมเรื่องส่งของแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะขนของย้ายบ้าน , กระจายสินค้าไปตามหน้าร้านตามสถานที่ต่าง ๆ หรือส่งพัสดุเพียงไม่กี่ชิ้น ก็สามารถเรียกใช้บริการได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีบริการเสริมให้เลือกในการจัดการการขนของให้สะดวกยิ่งขึ้น
ในด้านของวงเงินรับประกันความเสียหายที่อาจเกิดระหว่างการขนส่ง ก็ถือว่าให้สูงพอสมควร โดยให้สูงถึง 20,000 บาท สำหรับลูกค้าทั่วไป และ 1,000,000 บาท สำหรับลูกค้าโปรแกรมธุรกิจ
จากการลองเรียกใช้บริการของผู้เขียนก็พบว่า ทางแอป Deliveree ให้บริการดีทีเดียว ทางคนขับรถมีการโทรมายืนยันเวลา และสถานที่ล่วงหน้า และมาตรงเวลาตามที่นัดไว้ สามารถติดตามตำแหน่งคนขับรถได้ตลอดเวลา และทางคนขับ และคนช่วยยกของก็พูดจาสุภาพ มีมารยาทดี
ข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวที่เราสังเกตพบ คือ Deliveree ยังมีข้อจำกัดในการส่งของแบบรายชิ้น (Less Than Truckload (LTL))" อยู่เล็กน้อย ตรงที่ยังไม่สามารถเข้ามารับสินค้าได้ทันทีภายในวันที่เรียก (มาวันรุ่งขึ้น) และกำหนดให้สินค้าต้องมีน้ำหนักมากกว่า 5 กิโลกรัม ด้วย เลยอาจจะยังไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการส่งเอกสารหรือพัสดุขนาดเล็กๆ