Sony ประสบความสำเร็จค่อนข้างสูงในตลาดกล้อง Mirrorless ล่าสุดได้เปิดตัวรุ่นใหม่ A6300 ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจาก A6000 โดยมีความสามารถใหม่เด่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา คือ ความเร็วโฟกัสที่สูงกว่าเดิมจาก 0.06 วิ เป็น 0.05 วินาที แต่อย่าเพิ่งคิดว่ามันแค่เล็กน้อยนะ เพราะจำนวนจุดโฟกัสบนเซนเซอร์ของ A6300 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 425 จุด เหนือกว่า A6000 ที่มีเพียง 169 จุด ทำให้ผลลัพธ์เหนือกว่ามากพอควรเลยล่ะ ส่วนอีกสิ่งที่น่าสนใจ คือ การถ่ายวิดีโอ 4K ที่จัดมาเต็มๆ ถ่าย S-Log ได้แล้วด้วย
สเปคที่สนใจของ A6300
วิดีโอ การทดสอบกล้อง A6300 และเลนส์ G Master
ตัวอย่างการบันทึกวิดีโอแบบ 4K ด้วยกล้อง A6300
แล้ว A6300 เหนือกว่า A6000 อย่างไร?
เนื้อหาส่วนนี้เรียบเรียงจาก https://bestmirrorlessblogs.com/comparisons/sony-a6000-vs-a6300-comparison/
แน่นอนว่าของที่ออกใหม่มันย่อมดีกว่าของเก่าอยู่แล้ว แต่ด้วยค่าตัวที่แตกต่างกันค่อนข้างเยอะ เรามาพิจารณากันดีกว่าว่าเราจะได้อะไรบ้าง โดยตอนนี้ A6000 พร้อมเลนส์คิท ตามงานกล้องเราจะเห็นในราคาประมาณ 24,000 บาท ส่วน A6300 ที่เพิ่งเปิดตัวชุดพร้อมเลนส์จะอยู่ที่ 46,990 บาท แพงกว่าถึงสองหมื่นกว่าบาทเลยทีเดียว ส่วนต่างขนาดนี้เราได้อะไรบ้าง
1. เซนเซอร์รับภาพแบบใหม่ขนาด 24.2MP
A6300 ใช้เซนเซอร์ตัวใหม่ความละเอียดขนาด 24.2MP แม้ว่าความละเอียดจะน้อยกว่า 24.3MP ของ A6000 นิดนึง แต่ว่า Sony ออกแบบใหม่ให้รับแสงได้ดียิ่งขึ้น แถมยังเปลี่ยนตัวนำสัญญาณมาเป็นทองแดงทำให้เซนเซอร์จัดการกับ Noise และ Dynamic range ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ไฟล์ RAW สามารถตั้งได้ระหว่าง 14 บิต กับ 16 บิต
2. ตั้ง ISO ได้สูงกว่าเดิม
A6000 ตั้ง iSO ได้ 100-25600 แต่ A6300 สามารถทำได้ถึง 100-51200 ค่า ISO สูงๆ อาจจะมีคนใช้งานไม่มากนัก แต่ว่า A6300 สามารถตั้งให้มันเลือก Auto minimum shutter speed ได้แล้ว
3. EVF ความเร็วสูง 8fps
สำหรับใครที่ถ่ายภาพที่ต้องอาศัยความเร็วสูง อย่างกีฬาที่มีความเร็ว หรือแอคชั่น จอ EVF แบบใหม่ จะช่วยให้การถ่ายภาพแม่นยำขึ้น โดยทำได้ถึง 8fps หลายคนอาจจะงง แล้ว 11fps บน Live view คืออะไร ขออธิบายแบบนี้ครับ 11fps บน Live view เป็นภาพที่มีการดีเลย์อยู่นิดนึงครับ ส่วน 8fps บน EVF นั้นจะเรียลไทม์ไม่มีอาการแลคนั่นเอง
4. ระบบ Autofocus ที่ดีกว่าทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอ
4D FOCUS hybrid autofocus ไม่ใช่ของใหม่ A6000 ก็มี แต่ว่า A6300 มันได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น อันเป็นอานิสงค์มาจากจำนวนจุดโฟกัสบนเซนเซอร์ที่มากกว่านั่นเอง ทำให้มันเกาะเป้าหมายได้หนึบกว่าเดิมมากพอสมควรเลยล่ะ
5. Focal plane phase-detection สำหรับเลนส์ A-mount
ด้วยฟังค์ชั่นนี้ทำให้ A6300 ใช้เลนส์ A-mount ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็ต้องใช้งานร่วมกับอแดปเตอร์ LA-EA อยู่ดีนะ
6. Silent shooting mode
บน A6300 เราสามารถถ่ายภาพแบบไม่มีเสียงได้แล้ว โดยจะถ่ายได้ต่อเนื่อง 3fps โดยที่ AF/A ยังคงทำงานได้อยู่ มีประโยชน์อย่างมากในการถ่ายที่ต้องการใช้ความเงียบ อย่างเช่น การซุ่มถ่ายสัตว์ในป่า
7. การถ่ายวิดีโอแบบ 4K และถ่าย Slow Motion 120fps
A6300 เป็นกล้อง Mirrorless แบบตัวคูณตัวแรกของโลกที่สามารถถ่ายวิดีโอแบบ 4K (XAVC ที่ 100mbps) แบบ Full pixel readout และไม่มีการ Pixel binning เทียบเท่ากับการถ่ายด้วยฟิลม์ขนาด 35มม. นอกจากนี้ยังถ่ายวิดีโอแบบ Full HD ที่ 120fps ได้อีกด้วย
8. ตัวกล้องออกแบบให้จับถือและควบคุมได้ง่ายขึ้น
ดูโดยรวมภายนอก แทบไม่มีความแตกต่างกัน แต่ถ้าลองถือแล้วล่ะก็ จะรู้สึกได้ว่ามันกระชับมือกว่า แต่มันก็หนักกว่า A6000 ด้วยนิดหน่อย ที่สำคัญ คือ ปุ่ม AEL กลายเป็นแบบก้านปรับได้มากขึ้น
นอกจากนี้ตัวบอดี้ใช้เป็นแบบแมกนีเซียมอัลลอย มีซีลกันละอองน้ำและฝุ่นด้วยล่ะ ปุ่มสามารถปรับแต่งได้มากขึ้นจากเดิม 7 ปุ่ม เป็น 9 ปุ่ม
9. หน้าจอ EVF และจอ LCD ที่ดีขึ้น
จอ EVF บน A6300 ได้อัพเกรดเป็นจอ XGA OLED Tru-Finder ที่มีความละเอียดถึง 2.4 ล้านจุด ในขณะที่ A6000 EVFจะมีความละเอียดเพียง 1.4 ล้านจุด
10. รองรับการบันทึกเสียงจากอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ
สำหรับใครที่ไม่ได้ถ่ายวิดีโอ ลูกเล่นนี้อาจไม่มีผลต่อการตัดสินใจเท่าไหร่ A6300 รองรับการต่อไมค์โครโฟนภายนอก และรองรับ XLR Input ด้วย Sony XLR adapter kit ด้วย
ตัวอย่างภาพจากเลนส์ G Master
เราได้ทดสอบเลนส์ FE 24-70 mm F2.8 GM มาด้วยครับ เป็นเลนส์ที่ทำโบเก้สวยมาก และมีความคมสุดๆ เลยล่ะ
ส่วนใครอยากเอาไฟล์ RAW ไปลองขุดเล่น สามารถดาวน์โหลดได้จาก ที่นี่ เลยจ้า
ภาพจากเลนส์ 85 mm 1.4 GM เลนส์ตัวนี้ถือเป็นไอเทมสุดเทพสำหรับสายพอร์เทรท์เลยล่ะ คมและระเบิดหลังได้อย่างไม่เหลือฝุ่น คมและสีจัดจ้านมาก
บทสรุป
A6300 เป็นกล้องที่ดีมากตัวหนึ่ง ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวิดีโออย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในขณะเดียวกัน A6000 ก็ยังเป็นรุ่นที่ยังน่าสนใจอยู่ ส่วนต่างที่มาเกินสองหมื่นพอสำหรับการซื้อเลนส์ดีๆ มาแทนช่องว่างเทคโนโลยีได้ แต่ถ้างบไม่ใช่ปัญหา A6300 จะเป็นกล้องที่คุณถ่ายสนุกอย่างแน่นอน
ส่วนเลนส์ G Master เป็นเลนส์ระดับมืออาชีพ ที่คุณภาพเทพสุดๆ แต่ราคาก็แรงมากเช่นกัน ต้องมีเงินแตะหกหลักในการเล่นเลนส์ระดับนี้ คุณได้ในสิ่งที่คุณจ่ายอย่างแน่นอน ใครสนก็ลองไปหาเล่นใน Sony Shop ดูครับ จะประทับใจกับคุณภาพแน่นอน
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |