ในงาน Apple Special Event - WWDC 2017 ทาง Apple ได้เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ 2 รุ่น คือ iPad Pro 10.5 นิ้ว และ iPad Pro 12.9 นิ้ว ซึ่งจุดขายสำคัญที่ Apple กล่าวไว้ในงาน นอกเหนือจากเรื่องสเปคเครื่องที่แรงขึ้นแล้ว ก็คือ เทคโนโลยี ProMotion ที่ทำให้หน้าจอทำรีเฟรชเรทได้สูงถึง 120Hz ฟังดูเป็นศัพท์ที่ค่อนข้างจะอยู่ในเชิงเทคนิค คนส่วนใหญ่อาจจะไม่สนใจมากนัก แต่ที่จริง มันส่งผลต่อประสบการณ์ในการใช้งานสูงมาก เพราะมันช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏบนหน้าจอ มีความต่อเนื่องและชัดเจน
แต่รีวิวนี้เราจะไม่ลงเรื่องเทคนิคมาก อยากจะพูดถึงประสบการณ์การใช้งาน iPad Pro ตัวใหม่มากกว่า ว่ามันดีขนาดไหน คุ้มหรือไม่หากต้องการอัพเกรดจาก iPad Pro รุ่นเก่าขึ้นมา
ดีไซน์ของ iPad Pro ยังคงความ Iconic เอาไว้เหมือนเดิม ไม่ต่างอะไรจากรุ่นก่อนหน้านี้ ตัวเครื่องไม่มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนแต่อย่างใดนอกจากขอบหน้าจอที่บางลงกว่าเก่า
หน้าจอมีขนาด 10.5 นิ้ว ใหญ่กว่ารุ่นก่อนเกือบ 1 นิ้ว ที่มีขนาดอยู่ที่ 9.7 นิ้ว แต่ตัวเครื่องมีขนาดที่ไม่ต่างจากเดิมมาก โดยเครื่องยาวกว่าเดิม 10.6 มม. กว้างกว่าเดิม 4.6 มม. ส่วนความบางยังมีขนาด 6.1 มม. เท่าเดิม น้ำหนักมากกว่าเดิมประมาณ 30 กรัม แทบแยกความแตกต่างของน้ำหนักไม่ออก
ตัวเครื่องออกแบบเป็น Unibody ทำจากอลูมิเนียม มีให้เลือก 4 สี คือ เทาสเปซเกรย์, โรสโกลด์, ทอง และ เงิน แต่ถ้าเป็นรุ่น 12.9 นิ้ว จะไม่มีสีโรสโกลด์ให้เลือกนะครับ ลำโพงมี 4 ตัว รอบทิศทาง ให้เสียงที่ดีมากจนน่าตกใจเลยว่าเครื่องบางๆ แบบนี้ ทำได้อย่างไรกัน
กล้องบน iPad Pro 10.5 นิ้ว เป็นอีกสิ่งที่ถูกปรับปรุง โดยได้อัพเกรดใช้กล้องตัวเดียวกับที่อยู่บน iPhone 7 โดยกล้องหลังมีความละเอียด 12Mp f/1.8 ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 7MP พร้อม Retina Flash
ในขณะที่หน้าจอของคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตทั่วไปมีรีเฟรชเรทอยู่ที่ประมาณ 60Hz แต่ Apple กลับเลือกใช้หน้าจอแบบ 120Hz บน iPad Pro รุ่นใหม่ทั้งรุ่น 10.5 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว ซึ่งเจ้าหน้าจอ 120Hz นี้ ส่งผลให้การใช้งาน iPad Pro มีประสบการณ์ด้านการใช้งานที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราใช้งานร่วมกับ Apple Pencil
*ภาพนี้บันทึกด้วยกล้องที่ 60fps จึงไม่เนียนเท่ากับบน iPad Pro จริงๆ
หน้าจอ 120Hz มีความเร็วในการรีเฟรชเรทที่สูงกว่าหน้าจอแบบทั่วไปถึง 2 เท่า ช่วยให้เราเลื่อนหน้าจอ, ดูหนัง, เล่นเกมส์ หรืออ่านหนังสือ การแสดงผลจะมีความชัดเจนและสมูทกว่าเดิมอย่างชัดเจน
*ภาพนี้บันทึกด้วยกล้องที่ 60fps จึงไม่เนียนเท่ากับบน iPad Pro จริงๆ
การเขียนหนังสือ สามารถจับลายเส้นของเราได้อย่างแม่นยำ เส้นมาครบทุกจังหวะการขยับของ Apple Pencil ภาพปรากฏบนหน้าจอแบบทันที ช่วยให้เรามีความรู้สึกคล้ายกับการเขียนบนกระดาษจริงๆ มากกว่าการเขียนบนหน้าจอดิจิตอลเหมือน iPad Pro รุ่นก่อนหน้า
Apple Pencil นั้นสามารถส่งสัญญาณได้ถึง 240Hz แต่หน้าจอของ iPad Pro ตัวเก่านั้นทำได้เพียง 60Hz เท่านั้น ซึ่งการที่ Apple ทำให้ iPad Pro รุ่นใหม่แสดงผลได้ 120Hz จึงช่วยให้การใช้งาน Apple Pencil ให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิมอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ความสว่างของหน้าจอยังได้อัพเกรดจาก 511 nits เป็น 600 nits (nits คือ ค่าความส่องสว่าง) ช่วยให้การใช้งานกลางแจ้ง สามารถเห็นการแสดงผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกด้วย
จุดที่เราชอบ
| จุดที่เราไม่ชอบ
|
แม้ว่า iPad Pro 10.5 นิ้ว จะไม่มีลูกเล่นใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะ Apple แค่ทำการอัพเกรดขนาดของหน้าจอ และสเปคภายในให้แรงยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ในแง่ของประสบการณ์ในการใช้งานแล้ว iPad Pro 10.5 นิ้ว ให้สัมผัสที่ดีมากถึงมากที่สุด
การใช้งานแอปฯ ต่างๆ เปิดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นความเร็วจากทั้งซีพียูและการแสดงผลที่ "โคตรสมูท" อย่างน่าทึ่ง การทำงานร่วมกับ Apple Pencil ทำได้ดีกว่าเดิมอย่างชัดเจน
ข้อเสียของมันก็ยังมีอยู่บ้าง ซึ่งไม่ใช่ด้านฮาร์ดแวร์ แต่เป็นเรื่องของซอฟต์แวร์ ในแง่ของการใช้เสพย์ "ความบันเทิง" หรือเปิดดูงานต่างๆ มันทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในด้านของ "การทำงาน" iOS 10 ยังมีข้อจำกัดหลายอย่างด้านการจัดการไฟล์ระหว่างแอปฯ 3rd Party ที่ยังคงลำบากอยู่ หากเทียบกับ Windows หรือ Android ซึ่งเท่าที่ติดตามข่าว แอปฯ "Files" ใน iOS 11 น่าจะเข้ามาแก้ปัญหานี้ได้ ซึ่งต้องรออัพเดทกันต่อไป
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |