ตอนเด็กๆ ผู้เขียนได้ยินคำว่า "เติมน้ำยาแอร์" อยู่บ่อยๆ เพราะแอร์ที่ใช้อยู่จู่ๆ มันก็ไม่เย็น จนผู้ปกครองต้องเรียกช่างประจำเข้ามาเติมน้ำยาแอร์ให้อยู่หลายครั้ง พอช่างบอกว่าเติมน้ำยาแอร์เสร็จ แอร์ก็กลับมาทำงานได้ดีดังเดิม จนไม่ได้สงสัยอะไร
แต่เมื่อหลายปีก่อนก็ได้รู้ความจริงบางอย่าง ว่าจริงๆ แล้วแอร์หรือเครื่องปรับอากาศที่เราใช้กันมันไม่ต้องเติมน้ำยาแอร์ก็ได้! ทำไมถึงเป็นแบบนั้น นั่นก็เพราะ แอร์ส่วนใหญ่ที่เราใช้กันมัน "ทำงานแบบระบบปิด" เพราะถ้าหากท่อหรือชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบไม่มีรอยรั่ว "น้ำยาแอร์ก็จะไม่มีวันหมดหรือแห้งไปเอง" และอีกเหตุผลคือ "หากแอร์มีรอยรั่วน้ำยาแอร์จะแห้งทันทีภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือ 1 วัน"
(หน้าตาถังเติมน้ำยาแอร์)
ภาพจาก : hammockshvac.net
ในกรณีที่ชิ้นส่วน หรือท่อแอร์มีรอยรั่ว จำเป็นต้องทำการซ่อมก่อนถึงจะเติมน้ำยาแอร์ทำให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ถ้าช่างไม่ได้แจ้งว่าแอร์มีรอยรั่วแล้วบอกให้เติมน้ำยาแอร์ 20 – 30 ปอนด์ เป็นไปได้ว่าเขาใช้กลโกงหลอกให้เติมเพื่อเก็บค่าจ้างไปฟรีๆ ดังนั้นช่างควรแจ้งปัญหาให้แก่เจ้าของก่อนเสมอ เวลาจ้างช่างมาล้าง เราก็ควรอยู่เฝ้าคอยดูเวลาล้าง เผื่อมีอะไรผิดปกติเราก็จะได้รู้ได้
ขอบคุณภาพจาก : kaodim.com
แอร์ไม่เย็น ไม่ได้แปลว่าน้ำยาแอร์หมด แต่เพราะว่าฝุ่นภายในอากาศเข้าไปอุดตันคอยล์และแผงกรองอากาศ เราควรถอดชิ้นส่วนแอร์ออกมาล้างก่อนอันดับแรก และควรล้างแอร์อย่างต่ำปีละ 2 ครั้ง หรือมากกว่าเพื่อให้แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟลดการทำงานหนักของเครื่องได้
"เครื่องปรับอากาศไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์เลยด้วยซ้ำ"
เพราะอย่างที่บอก แอร์ทำงานโดยระบบปิด น้ำยาแอร์จะไหลเวียนอยู่ภายในระบบไม่มีวันระเหยออกมาหากแอร์ไม่มีรอยรั่ว และการเติมน้ำยาแอร์ที่ถูกควรเติมหลังจากแอร์มีอายุการใช้งานมาแล้ว 4-5 ปี ไม่จำเป็นต้องเติมบ่อยๆ อย่างที่ช่างบางคนบอก ถ้าหากแอร์รั่วควรโทรหาช่างซ่อมแอร์มืออาชีพที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้เพื่อซ่อมปัญหารอยรั่วทำให้แอร์ใช้งานได้นานโดยที่เราไม่ต้องห่วงเลยว่าจะต้องเติมน้ำยาแอร์อีกเมื่อไหร่นั่นเอง
|
It was just an ordinary day. |