เมื่อมีงานเลี้ยงสังสรรค์หรือไปเที่ยวสถานบันเทิงต่างๆ เราก็มักจะนึกถึงเครื่องดื่มอย่างเหล้า เบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ และ สำหรับคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วก็คงจะหนีไม่พ้น เครื่องดื่มจำพวก น้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลม ยี่ห้อดังหรือ คลับโซดา (หรือก็คือน้ำโซดาปกติ แค่ตั้งชื่อใหม่ให้ดูหรูขึ้นตามราคา) โทนิค (ที่แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่น้ำอัดก๊าซผสมน้ำตาลและควินิน ไม่ได้มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมแต่อย่างใด) หรือม็อกเทล สีสวยสดที่ราคาแพงจับใจ
ภาพจาก : https://xflasks.com/blogs/news/5-non-alcoholic-options-for-flasks
แต่ช่วงนี้น่าจะได้เห็นกระแส "Sober Curious" หรือ "Mindful Drinking" การดื่มอย่างชาญฉลาด เข้ามาในประเทศไทยกันแล้ว เริ่มจากการที่มี “เบียร์ไร้แอลกอฮอล์” ที่ตั้งเรียงรายขนาบข้างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปกติ ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง ในตัวเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ บุคคลที่มีปัญหาด้านสุขภาพ หรือผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องขับรถแต่ยังอยากสังสรรค์กับบรรดาเพื่อนฝูงอยู่ แต่ความจริงแล้ว “เครื่องดื่มทางเลือก” ชนิดนี้ได้บุกตลาดประเทศไทยมากว่า 5 ปีแล้ว โดยบริษัท กัปตัน บาร์เรล จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มนามว่า “Bavaria” ที่มีทั้งเบียร์แบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์จากประเทศเนเธอร์แลนด์ บ้านเดียวกับดาวแดงอย่าง “Heineken” ที่เราคุ้นเคยกันดี และถึงแม้ว่าทั้งสองแบรนด์นี้จะผลิต “เบียร์ไร้แอลกอฮอล์” เหมือนกัน แต่ก็มีความต่างกันทั้งในด้านกระบวนการผลิตและความหลากหลายของรสชาติ
ในส่วนของ “Bavaria” ที่พัฒนาปรับปรุงสูตรเบียร์ไร้แอลกอฮอล์มากว่า 40 ปีนั้น มีกรรมวิธีการผลิตเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ที่ต่างจากเจ้าอื่น เนื่องจากมีเทคโนโลยีผลิตเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ที่ชื่อว่า Bioreactor Technology โดยจะควบคุมการหมักของยีสต์ไม่ให้สร้างโมเลกุลเรียงตัวกันจนกลายเป็นแอลกอฮอล์ ทำให้ไม่ต้องผ่านกระบวนการสกัดนำเอาแอลกอฮอล์ออกหรือหมักบ่มยีสต์ด้วยอุณหภูมิต่ำเป็นเวลานานเหมือนกับเบียร์ไร้แอลกอฮอล์เจ้าอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีรสชาติให้เลือกมากกว่า 10 รสชาติ ซึ่งใน ประเทศไทยเราก็ได้นำเข้ามาถึง 4 รสชาติ ให้ลิ้มลองกัน ได้แก่ ออริจินัล แอปเปิล สตรอเบอร์รี และเลมอนนั่นเอง
ภาพจาก : https://www.finedaechiangmai.com/news_detail.php?id=233
ทางด้าน “Heineken” ที่ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาเจาะตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ แต่ด้วยชื่อเสียงเรียงนามที่บ่มเพาะมานานทำให้เกิดเป็นกระแสตื่นตัวกันทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเลยทีเดียว และในส่วนของแบรนด์อย่างไฮเนเกนนั้น เลือก ใช้กรรมวิธีการหมักแบบพิเศษ เพื่อคงรสชาติความเป็นเบียร์เอาไว้ให้ได้มากที่สุด
ภาพจาก : https://epocanegocios.globo.com/Empresa/noticia/2019/07/epoca-negocios-custo-com-aluminio-ofusca-venda-de-cervejas-e-heineken-divulga-lucro-abaixo-de-estimativa.html
และไม่เพียงเฉพาะแค่สองแบรนด์นี้เท่านั้น แต่เบียร์ไร้แอลกอฮอล์นั้นยังมีอีกหลากหลายยี่ห้อในต่างประเทศ เช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ อย่าง ไวน์, แชมเปญ หรือแม้กระทั่งเหล้าอีกด้วย
แม้ว่าทั้ง ไวน์และน้ำองุ่น จะมีวัตถุดิบหลักเป็นองุ่นเหมือนกัน แต่ความต่างกันนั้นอยู่ที่กระบวนการผลิตนั่นเอง เพราะน้ำองุ่นนั้นเพียงแค่สกัดเอาน้ำออกมาจากเมล็ดองุ่นเพียงเท่านั้น ส่วนไวน์ไร้แอลกอฮอล์นั้นจะมีกระบวนการหมักบ่มที่เหมือนกับไวน์ปกติ เพียงแต่นำมาสกัดเอาแอลกอฮอล์ออก เช่นเดียวกับ “เชมเปญไร้แอลกอฮอล์”
ภาพจาก : https://rachelgouk.com/non-alcoholic-wine-kolonne-0-finds-a-market-in-china/
เหล้าไร้แอลกอฮอล์นี้จะต่างไปจากเบียร์และไวน์ไร้แอลกอฮอล์โดยสิ้นเชิง เพราะ ไม่ได้มีการสกัดเอาแอลกอฮอล์ออก แต่เป็นการปรุงสูตรขึ้นมาใหม่ที่ให้ รสชาติและความรู้สึกเหมือนกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปกติ หรือแม้กระทั่ง นำไปผสมกับมิกซ์เซอร์อื่นๆ ได้ อีกด้วย
บางคนอาจเคยได้ยินแบรนด์ที่มีชื่อว่า Seedlip ของ Ben Branson ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2015 กันมาบ้าง โดยเบ็นผู้เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของแบรนด์นี้ได้แนวคิดมาจากประสบการณ์ตรง เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รักและชื่นชอบบรรยากาศของแสงสีและเสียงเพลงภายในร้านเหล้าหรือผับบาร์แต่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เช่นกัน โดยเขาได้ทดลองผสมสูตรมาจากหนังสือที่ชื่อว่า Art of Distillation ของ John French จนได้ออกมาเป็น เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของรากไม้และสมุนไพรที่มีรสชาติคล้ายคลึงกับเหล้า Gin ที่เป็นเครื่องดื่มในดวงใจของใครหลายๆ คน
ภาพจาก : https://www.the-buyer.net/opinion/david-gluckman-seedlip-emperors-clothes/
แท้จริงแล้ว “เหล้าไร้แอลกอฮอล์” นั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2011 จากการที่ Grattagliano เห็นลูกชายของเขาเมามายกลับบ้านมาและเมาค้างในวันถัดมา เขาจึงเกิดแนวคิดที่ว่า “น่าจะมีใครสักคนผลิตวิสกี้ที่ไม่ทำให้เมาค้างขึ้นมา”
และด้วยเหตุนั้น แบรนด์ Arkay จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดย Grattagliano ใช้เวลากว่า 5 ปีและใช้เงินกว่า 5 ล้านดอลลาร์ในการพัฒนา W.A.R.M Molecule ที่มีเฉพาะในเครื่องดื่ม Arkay ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่มเพราะมันจะให้รสชาติและความรู้สึกที่เหมือนกับเวลาที่ดื่มแอลกอฮอล์จริงๆ และเจ้า Arkay นี้ยังได้เครื่องหมายฮาลาลอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันนี้นอกจาก Arkay จะมีเครื่องดื่มทางเลือกอย่าง วิสกี้ บรั่นดี วอดกา ยิน รัม เตกีลา มาร์ตินี ให้เลือกถึง 31 แบบแล้ว ยังมีบริการที่ให้คุณได้คิดค้นเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เป็นแบรนด์ของคุณเองอีกด้วย (สนนราคา $10,300 หรือราว 360,000 บาท เท่านั้น)
ภาพจาก : https://www.prdistribution.com/news/the-first-alcohol-free-liquor-store-is-born/1582054
สำหรับประเทศไทยในตอนนี้ตัวเลือกของ “เครื่องดื่มทางเลือกเพื่อการสังสรรค์” นั้นอาจจะยังน้อยเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ แต่เราเชื่อว่าหากกระแสตอบรับของ “เบียร์ไร้แอลกอฮอล์” นี้มาแรงมากเพียงพอ บรรดา แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ภายในประเทศไทย เองก็คงจะกันมา เจาะตลาดนี้เพิ่มขึ้น อย่างแน่นอน แต่ในระหว่างนี้เราก็คงจะต้องดื่มเบียร์ไร้แอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ กันอย่างระมัดระวังกันไปก่อน
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |