เราคงต้องยอมรับว่าการใช้ชีวิตในห้องทำงานสี่เหลี่ยมเล็กๆ เป็นเวลาราว 8 ชั่วโมงในทุกๆ วันนั้นบั่นทอนกำลังใจอย่างมากทีเดียว เพราะในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าคอมพิวเตอร์, แฟ้มเอกสาร, โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ หรือของใช้สำนักงานอื่นๆ ที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูน่าเบื่อ นอกจากมันจะไม่ได้ช่วยส่งเสริมบรรยากาศในการทำงานแล้ว ยังทำให้จิตใจห่อเหี่ยวและง่ายต่อการเกิดความเครียดได้เป็นอย่างมาก
ภาพจาก : https://phys.org/news/2017-01-modern-workplace-factors.html
สำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์แล้วนั้น ในหลายๆ ครั้งที่เรารู้สึกเครียดกับการทำงาน การได้กลับบ้านไปกอดสัตว์เลี้ยงที่รอเราอยู่ที่บ้านนั้นก็ช่วยให้หายเหนื่อยได้มากเลยทีเดียว แต่ก็มีบ่อยครั้งที่เราติดกับดักของสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักที่ขยันมาออดอ้อนในยามเช้าใกล้เวลาเข้างานจนไปทำงานสาย แต่มันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแล้วหากเราสามารถพกเจ้าตัวปัญหานี้ไปทำงานด้วยได้ แถมยังทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย!
อย่างที่เราทราบกันดีว่าสัตว์เลี้ยงช่วยลดระดับความเครียดให้กับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เพราะในทางการแพทย์ก็มีการนำเอาสัตว์เลี้ยงมาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาหรือที่เรียกว่า Pet Therapy ที่ช่วยให้ผู้ป่วยโรคต่างๆ มีอาการดีขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจจากการได้เลี้ยงสัตว์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ภายในที่ทำงานก็จะช่วยลดความเครียดจากการทำงานได้
ภาพจาก : https://www.researchitaly.it/en/news/giovediscienza-talks-about-pet-therapy/
จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Virginia Commonwealth พบว่า การนำเอาสัตว์เลี้ยงมาทำงานด้วยนั้นจะช่วยสร้างความแตกต่างในทำงานเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะกับเจ้าของเท่านั้น แต่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองก็ยังมีแรงจูงใจในการทำงานเพิ่มมากขึ้นและทำงานอย่างมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อน รวมทั้งรู้สึกเครียดน้อยลงตามไปด้วย เพราะการที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ทำงานนั้นจะช่วยลดบรรยากาศความตึงเครียดในการทำงานลงได้อย่างมากเลยทีเดียว
1. ช่วยลดความเครียดในการทำงาน เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์สามารถลดระดับความดันในเลือด, ลดความเครียด ความวิตกกังกล และช่วยเสริมสร้างอารมณ์ทางบวก ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนมากก็บอกว่าการเลี้ยงสัตว์ช่วยผ่อนคลายความเครียดทั้งจากการทำงานและเรื่องอื่นๆ ในชีวิตได้จริง ในขณะที่ผู้ที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์นั้นมีระดับความเครียดที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ทำงานด้วยก็น่าจะทำให้บรรยากาศของการทำงานมีความตึงเครียดน้อยลง และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อีกด้วย
ภาพจาก : https://www.passporthealthusa.com/employer-solutions/blog/2018-11-benefits-and-drawbacks-of-a-pet-friendly-office/
2. ช่วยเพิ่มความสุขในการทำงาน การนำเอาสัตว์เลี้ยงมาทำงานช่วยเพิ่มรอยยิ้มให้กับพนักงานได้ เพราะในตอนที่รู้สึกเคร่งเครียดกับการทำงาน เมื่อหันมาเจออุ้งเท้าเล็กๆ หน้าตาตลกๆ หรือตัวอุ่นๆ ของสัตว์เลี้ยงของคุณก็ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวจางหายลงไปได้
3. ช่วยยกระดับความสัมพันธ์ของพนักงาน สัตว์เลี้ยงในที่ทำงานช่วยเพิ่มความเป็นมิตรให้กับคุณได้ เพราะสัตว์เลี้ยงทำให้เรากล้าที่จะเข้าหากันมากขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานอยู่ในแผนกเดียวกันแต่หากมีคนแผนกข้างเคียงเลี้ยงสัตว์ชนิดเดียวกัน คุณก็รู้สึกผูกพันและอยากที่จะเข้าไปทำความรู้จักกันมากขึ้น หรือแม้กระทั่งผู้ที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงแต่มีความสนใจจะเลี้ยงสัตว์เองก็อยากที่จะเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงชนิดนั้นๆ ด้วยเช่นกัน
4. ช่วยให้สุขภาพของพนักงานดียิ่งขึ้น เพราะพนักงานบริษัทส่วนมากจะใช้ชีวิตติดอยู่กับโต๊ะทำงาน ไม่ได้ขยับตัวออกไปไหน และบางคนก็นั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะทำงานของตัวเองด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่พนักงานพาสัตว์เลี้ยงมาทำงานด้วยจะทำให้ต้องขยับตัวลุกจากที่นั่งมากขึ้น (อย่างน้อยก็ต้องให้อาหารและพาสัตว์เลี้ยงไปขับถ่าย หรือบางคนก็อาจลุกพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่นในเวลาพักบ้าง) ซึ่งก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างวันอีกด้วย
ภาพจาก : https://www.theglobeandmail.com/business/careers/article-managing-the-office-dogs-in-a-pet-friendly-workplace/
5. ช่วยเพิ่มอัตราการเข้างานตรงเวลา เพราะแน่นอนว่าบรรดาคนรักสัตว์เลี้ยงทั้งหลายไม่อยากที่จะทิ้งให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขาต้องนอนหงอยอยู่บ้านเพียงลำพัง และบางครั้งก็มัวแต่กังวลเรื่องนี้ในยามเช้าจนไปทำงานสายอยู่เป็นประจำ หากสามารถนำเอาสัตว์เลี้ยงมาทำงานด้วยได้ก็ไม่ต้องพะวงถึงสัตว์เลี้ยงที่บ้าน และเมื่อไม่มีความกังวลเรื่องนี้ก็อาจส่งผลให้ตั้งใจทำงานได้มากขึ้นก็ได้
6. ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนมักจะกลับบ้านตรงเวลาเพราะต้องรีบกลับไปดูแลสัตว์เลี้ยงของพวกเขา แต่ถ้าพนักงานเหล่านั้นนำเอาสัตว์เลี้ยงมาในที่ทำงานด้วยก็จะทำให้สามารถยืดหยุ่นเวลาการทำงานในส่วนนี้ได้มากยิ่งขึ้น
ภาพจาก : https://www.odt.co.nz/news/dunedin/runaway-keeps-cops-hop
โดยบริษัทใหญ่อย่าง Amazon นั้นมีนโยบายที่อนุญาตให้พนักงานพาสัตว์เลี้ยงมาทำงานด้วยได้ตั้งแต่ปี 1990 แล้ว หรือแม้กระทั่งบริษัทไอศกรีมอย่าง Ben&Jerry เองก็เช่นกัน (แน่นอนว่าอนุญาตให้เข้ามาแค่ในบริเวณออฟฟิศเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำเอาสัตว์เลี้ยงเข้าไปในส่วนของการผลิตไอศกรีมแต่อย่างใด) และในส่วนของ Google นั้นถึงขั้นสร้างคำใหม่ขึ้นมาเรียกสุนัขที่พนักงานพามาทำงานด้วยว่า Dooglers (สามารถติดตามได้ในแฮชแท็ก #TakeYourDogToWorkDay และ #Doogle ในทวิตเตอร์และอินสตาแกรม) และในประเทศไทยเองก็มีบางบริษัทที่อนุญาตให้พาสัตว์เลี้ยงมาทำงานด้วยได้เช่นกัน
ภาพจาก : https://piknow.net/hashtags/doogler
แต่ในกรณีนี้น่าจะสงวนไว้เฉพาะกับสัตว์เลี้ยงจำพวกสุนัข, แมว, กระต่าย หรือนกตัวเล็กๆ ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเพียงเท่านั้น เพราะแน่นอนว่าคงไม่มีใครชื่นชอบที่มีสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมาวิ่งเล่นรบกวนการทำงานตลอดวัน และในเรื่องของความสะอาดก็คงจะต้องดูแลกันเอาเอง เพราะหากเจ้าของไม่ใส่ใจดูแลก็เกรงว่าจะเป็นภาระให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เสียเปล่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นมิตรกับสัตว์เสมอไป เพราะสัตว์เลี้ยงของคุณอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน (ตัวอย่างเช่นสัตว์จำพวกงู, แมงมุม หรือสัตว์เลี้ยงแปลกๆ ชนิดอื่น) รวมทั้งพนักงานในบริษัทบางคนอาจเป็นภูมิแพ้ขนสัตว์ หรือบางคนก็อาจกลัวหรือไม่ชอบสัตว์ด้วยเหตุผลบางอย่างอีกด้วย ซึ่งในกรณีนี้ทางบริษัทอาจมีการจัดสรรพื้นที่การทำงานเฉพาะให้กับบรรดาพนักงานที่พาสัตว์เลี้ยงมาด้วยและมีเขตปลอดสัตว์เลี้ยงเพื่อแก้ไขปัญหานี้
ภาพจาก : https://www.tenstickers-canada.com/stickers/no-pets-warning-sign-sticker-1526
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าทางบริษัทจะมีสวัสดิการดีๆ อย่างการอนุญาตให้นำเอาสัตว์เลี้ยงมาทำงานด้วยได้ แต่หากบรรดาพนักงานยังต้องใช้บริการรถสาธารณะในการเดินทางมาทำงานก็คงต้องหักห้ามใจไม่ให้ติดกับดักยามเช้าจนมาทำงานสาย และเล่นกับสัตว์เลี้ยงของพนักงานคนอื่นๆ แทนไปก่อน
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |