โจ มาร์ช ไม่คิดว่ามีอะไรที่เธอจะทำไม่ได้ เธอยังชีพด้วยการเป็นนักเขียน และเธอมีจิตวิญญาณอิสระ พี่น้องของเธออีกสามคนก็ล้วนมีหนทางชีวิตที่ตัวเองอยากเลือก ไม่ว่าจะเป็นเม็ก ผู้มีพรสวรรค์ด้านการแสดง เอมี่ จิตรกรสาวที่ต้องการมีผลงานระดับโลก หรือน้องคนสุดท้อง เบธ ผู้รักในการเล่นดนตรี แต่ทุกอย่างจะราบรื่นและไม่มีอะไรท้าทายเลยหากเธอไม่ได้มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงมีบทบาทจำกัดในสังคม
ที่มาภาพ https://medium.com/@bessieleon6/ดูหนัง-little-women-สี่ดรุณี-เต็มเรื่อง-hd-สี่ดรุณี-2020-7a504fcdb81f
หนังเรื่องนี้ดัดแปลจากนวนิยายที่ตีพิมพ์ในปี 1868 โดยลุยซ่า เมย์ อัลคอตต์ ซึ่งนำเสนอประเด็นที่ก้าวหน้ามากในสมัยนั้นผ่านตัวละครหลัก คือ โจ มาร์ช โจนั้นมีแนวคิดว่าตัวเธอเองจะไม่แต่งงาน ซึ่งเป็นแนวคิดที่แหวกขนบสังคมโดยทั่วไป เธอไม่ต้องการผูกมัดและต้องการทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้เธอมีลักษณะเหมือนผู้หญิงรุ่นใหม่ แต่ในขณะที่โจมีความใฝ่ฝันที่จะโบยบิน เนื้อเรื่องที่เหลือก็ได้ทำให้เห็นถึงภาวะจำยอมของผู้หญิง ที่จะไต่เต้าทางสังคม หรือมีความมั่นคงในชีวิตได้ก็ต่อเมื่อพวกเธอแต่งงาน
การไม่แต่งงานนั้นถือเป็นสิ่งที่แหกขนบมากๆ และเป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาด เอมี่ น้องสาวคนกลางเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ครั้งหนึ่งว่าผู้หญิงนั้นถูกคาดหวังให้ผู้โยงอยู่กับเรื่องความรัก ราวกับว่ามันเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่มีความหมาย แต่พวกเธอก็เลือกอะไรไม่ได้ เพราะการแต่งงานเป็นเพียงทางเลือกเดียวของพวกเธอที่จะทำให้เชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคมได้
ที่มาภาพ https://www.vox.com/culture/2019/12/27/21037870/little-women-greta-gerwig-ending-jo-laurie-amy-bhaer
แนวคิดที่ว่าผู้หญิงต้องผูกโยงกับความรักนี้ เป็นแนวคิดที่สืบเนื่องมาจากความคิดที่แบ่งแยกพื้นที่ส่วนตัว (private) และพื้นที่สาธารณะ (Public) ตามบทบาททางเพศ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไหลเวียนอยู่ในสังคมช่วงศตวรรษที่ 19 วิธีคิดแบบนี้มอบบทบาทให้ผู้หญิงอาศัยอยู่ และมีกิจกรรมแค่ในพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งก็คือบ้าน ผู้หญิงจะต้องเป็นผู้ดูแลครัวเรือน และคอยปรนนิบัติลูกและสามีที่บ้าน ในขณะที่ผู้ชายเป็นคนออกไปทำงานนอกบ้าน และครุ่นคิดถึงประเด็นสาธารณะที่ใหญ่กว่าตัวเองอย่างเช่นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ในสมัยนั้นผู้หญิงที่ทำอาชีพอิสระอย่างโจมีน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ล้วนแต่งงานไปเป็นแม่บ้าน
ที่มาภาพ: https://www.stateandbijou.org/movies/little-women
ตัวละครหญิงที่โดดเด่นตัวหนึ่งในหนังคือ ป้ามาร์ช พี่สาวของแม่โจ ที่ไม่ได้แต่งงาน แต่เธอมีทรัพย์สมบัติมากมายและไม่ลำบาก กระนั้น เธอก็ให้คำแนะนำแก่หลานๆ ว่าพวกเธอควรหาผู้ชายรวยๆ มาแต่งงานด้วย เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ฐานะไม่ดีนักของตัวเอง
ที่มาภาพ https://www.rollingstone.com/movies/movie-reviews/little-women-movie-review-greta-gerwig-927488/
ตัวหนัง Little Women เวอร์ชันที่เกรตา เกอร์วิก กำกับนี้ ได้ตีความตัวละครใหม่โดยให้ความสำคัญกับการที่ผู้หญิงมี “ทางเลือก” มากขึ้น เนื้อเรื่องหลักโฟกัสอยู่ที่โจ โดยเริ่มจากชีวิตของเธอในนิวยอร์ค ที่เธอเลือกออกมาเติบโตด้วยตัวเองผ่านการเป็นครูและนักเขียน โจนั้นได้พบกับศาสตราจารย์คนหนึ่งซึ่งคอยช่วยเธอดูต้นฉบับและให้คำวิจารณ์งานเขียนของเธอ แต่ไม่นานทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน และโจก็กลับบ้านไปเพราะน้องคนสุดท้อง เบธ นั้นป่วยหนัก หนังเล่าสลับระหว่างชีวิตของโจและพี่สาวน้องสาวเธอในปัจจุบัน กับอดีตที่สวยงามตอนที่พวกเธอยังเด็ก
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็ทำให้หนังเรื่องนี้มีความโรแมนติก เพราะเป็นการโหยหาถึงชีวิตที่สวยงามที่ผ่านไปแล้ว ในขณะเดียวกัน การเล่าแบบตัดสลับได้ทำให้ไดนามิคเรื่องเล่าของโจมีความซับซ้อนมากขึ้น และได้ให้อำนาจโจเป็นผู้เลือกในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อรองเกี่ยวกับงานเขียนของเธอ และที่สำคัญที่สุด ตอนจบก็เป็นแบบปลายเปิดที่ให้คนดูคาดเดาเกี่ยวกับการแต่งงานของโจ
ที่มาภาพ https://indianexpress.com/article/entertainment/hollywood/little-women-trailer-emma-watson-saoirse-ronan-video-5903425/
วิธีเล่าเรื่องของหนังในเวอร์ชันนี้ต่างจากเวอร์ชันเก่าอย่างของปี 1944 อย่างชัดเจน เพราะในเวอร์ชันเก่านั้นเล่าเรื่องเป็นเส้นตรง และเริ่มตัดบทบาทของพี่น้องทั้งสี่ออกไปเมื่อพวกเธอโตขึ้น จนสุดท้ายเหลือเส้นเรื่องหลักเพียงสองเส้นคือเรื่องของเอมี่และโจ ในด้านบทบาทของผู้ชายที่ควบคุมชีวิตผู้หญิงนั้น หนังในปี 1944 ก็ให้น้ำหนักในเรื่องนี้มากกว่า เพราะศาสตราจารย์ที่โจพบนั้นสวมบทบาทเหมือนทั้งพ่อ ครู และคนรักของโจในคนเดียวกัน
ด้วยการตีความใหม่ที่น่าสนใจนี้เอง จึงทำให้หนังในเวอร์ชันปี 2019 นี้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจากสื่อหลายสำนัก โดยได้คะแนนไปถึง 94% จากเว็บไซต์วิจารณ์หนังอย่าง Rotten Tomatoes
สามารถรับชม Little Women ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix
|
นักเขียนอิสระให้กับสื่อออนไลน์ ชอบวิจารณ์หนังและหนังสือ |