"ปุ่ม Caps Lock" บนแป้นคีย์บอร์ด เป็นปุ่มที่ปกติแล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้งานกันบ่อยมากนัก แถมบ่อยครั้งที่กดก็เกิดจากการเผลอไปโดนโดยไม่ตั้งใจเวลาที่ตั้งใจจะกด "ปุ่ม Tab" หรือ "ปุ่ม Shift" เสียมากกว่า แต่ไม่ว่าจะอย่างไร "ปุ่ม Caps Lock" ก็ยังอยู่ที่เดิมมาอย่างยาวนาน มันมีไว้ทำไม ทำไมไปอยู่ตรงนั้น มาอ่านคำตอบกันหน่อยดีกว่า
ย้อนกลับไปในสมัยวันวาน ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดีด เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ โดยแป้นพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ดีดในยุคแรกนั้น จะสามารถพิมพ์ตัวอักษรได้แบบตัวพิมพ์ใหญ่เท่านั้น หากลองไปค้นหาภาพเครื่องพิมพ์ดีดสมัยแรกๆ นั้น เราก็จะเห็นหน้าตาประมาณภาพด้านล่างนี้ครับ ยังไม่เป็นแป้นพิมพ์แบบ QWERTY ด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆ คือ พิมพ์ตัวอักษรที่เป็นตัวพิมพ์เล็กไม่ได้
ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Typewriter
จนกระทั่ง วันหนึ่ง Remington ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ได้เปิดตัว Remington Standard No. 2 มันเป็นเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นแรกที่สามารถพิมพ์ได้ตัวพิมพ์เล็ก (abd) และตัวพิมพ์ใหญ่ (ABC) โดยการออกแบบให้ตัวแป้นตอกมีตัวอักษรทั้งสองแบบภายในหัวเดียว สามารถเลือกพิมพ์ได้ด้วยการกด "ปุ่ม Shift" หน้าตาก็จะประมาณภาพด้านล่างนี้ครับ
ภาพจาก https://type-writer.org/?p=1996
อย่างไรก็ตาม การใช้งานมันก็ไม่ได้สะดวกมากนัก ด้วยกลไกการออกแบบสมัยก่อนที่เป็นโลหะเกือบทั้งหมด เวลากด Shift ทีมันจะยกแป้นแท่นพิมพ์แทบทั้งชุดเลย ทำให้ต้องออกแรงกดมากพอสมควร แถมตำแหน่งของ "ปุ่ม Shift" มันอยู่ไกลเสียเหลือเกิน พูดง่ายๆ ว่าการพิมพ์ไปกด Shift ไปด้วยบนเครื่องพิมพ์ดีดนั้น จะเมื่อยนิ้วมากนั่นเอง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงมีการคิดค้นปุ่มใหม่ขึ้นมานั่นก็คือ Shift Lock ที่เข้ามาทำหน้าที่ล็อก "ปุ่ม Shift" เอาไว้ จะได้ไม่ต้องกดค้างเวลาที่พิมพ์ให้เมื่อยนิ้ว โดยมักจะใส่ชื่อปุ่มเอาไว้ว่า "Lock"
ในยุคเครื่องพิมพ์ดีด Shift Lock นั้น จะเปลี่ยนลักษณะการพิมพ์ของทุกแป้นพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร หรือแป้นตัวเลข
ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุคสมัยของคอมพิวเตอร์ การพิมพ์เป็นระบบไฟฟ้าแล้ว แป้นพิมพ์ไม่จำเป็นต้องมีส่วนที่เคลื่อนไหวเหมือนกับเครื่องพิมพ์ดีด แต่ว่าคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์บางรุ่นก็ยังมีการใส่ "ปุ่ม Shift Lock" เข้ามาให้
แต่ก็มีผู้ผลิตบางรายได้เริ่มใส่ปุ่มเข้ามาเรียกว่า "ปุ่ม Caps Lock" มันเป็นปุ่มที่เปลี่ยนการทำงานของ "ปุ่มตัวอักษร" เท่านั้น โดยไม่ยุ่งกับปุ่มอื่น อย่างเช่น ปุ่มตัวเลข ปุ่มสัญลักษณ์
ต้นกำเนิดของ "ปุ่ม Caps Lock" เมื่อลองค้นข้อมูลย้อนไป ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับสิทธิบัตร US3569991A ที่ถูกจดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1968 โดยผู้จด คือ Douglas A. Kerr แห่ง Bell Labs
Kerr เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า เหตุผลที่เขาคิดค้น "ปุ่ม Caps" ขึ้นมานั้น ก็เพราะเลขานุการของหัวหน้าที่เขาทำงานด้วย มักจะอารมณ์เสียเวลาที่พิมพ์ "!@#$%" แทนที่จะได้การแสดงผลออกมาเป็นตัวเลข "12345" อย่างที่ต้องการ ซึ่งมันเกิดจากการที่เธอนั้นลืมกด "ปุ่ม Shift Lock" ออกนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ Douglas A. Kerr จะคิดค้น และจดสิทธิบัตรเอาไว้ แต่มันก็ไม่เคยถูกนำมาผลิตออกมาใช้งานจริงๆ
แป้น Caps Lock ที่เห็นในอุปกรณ์พาณิชย์ครั้งแรกที่พอจะค้นย้อนกลับไปได้ ปรากฏเป็นครั้งแรกในอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า LA36 DECwriter II เปิดตัวในปี ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517) มันเป็นเครื่องโทรพิมพ์ (เครื่องส่งโทรเลข) และเครื่องพรินเตอร์ภายในตัวเดียวกัน
ในคู่มือประกอบการใช้งานของ LA36 DECwriter II หน้า 1-1 มีการระบุว่า "ในการลดจำนวนแป้นพิมพ์ตัวใหญ่ และแป้นพิมพ์ตัวเล็กที่มีทั้งหมด 96 ตัว ให้เหลือแป้นแค่ 64 ตัวอักษร สามารถใช้ปุ่มสลับบนแผงวงจรได้"
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ในยุคเริ่มต้นของการใช้งาน "ปุ่ม Caps Lock" ที่พอจะค้นเจอ อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่า LA36 DECwriter II นั้นได้อิทธิพลมาจากสิทธิบัตรของ Douglas A. Kerr ด้วยหรือเปล่า มันอาจเป็นไปได้ว่า ทาง DEC คิดค้นมันขึ้นมาเพื่อลดจำนวนแป้นพิมพ์ของเครื่องโทรพิมพ์เฉยๆ
ภาพ LA36 DECwriter II จาก https://gunkies.org/wiki/File:Decwriter-2-01.jpeg
เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุค ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) อย่างเช่น Apple II และ TRS-80 Model 1 นั้น ไม่รองรับการพิมพ์แบบตัวพิมพ์เล็ก ดังนั้น มันจึงไม่จำเป็นต้องมี "ปุ่ม Caps Lock" อย่างไรก็ตาม ในเครื่องเทอร์มินัลของ IBM ที่ดีไซน์เหมือนได้แรงบันดาลใจจากเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า IBM Selectric typewriter อย่างชัดเจน มักจะใส่ "ปุ่ม Shift Lock" มาให้ด้วย และได้เปลี่ยนเป็น "ปุ่ม Caps Lock" ในภายหลัง
ภาพเครื่อง Apple II จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Apple_II
ในปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) ทาง IBM ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มี "ปุ่ม Caps Lock" เข้ามา แต่ว่ามันถูกวางเอาไว้ที่ด้านขวาของ "ปุ่ม Space Bar" ส่วนซ้ายมือของ "ปุ่ม A" เป็น "ปุ่ม Control" รูปแบบการจัดวางนี้เป็นเรื่องปกติของเครื่องเทอร์มินัล หรือเครื่องโทรพิมพ์ในยุคนั้น
ภาพจาก https://cdn-0.enacademic.com/pictures/enwiki/65/AT_keyboard.jpg
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1984 ที่ทาง IBM ได้พัฒนาคีย์บอร์ดแบบ 101 คีย์ขึ้นมา หรือที่รู้จักกันในชื่อ Model M เป็น "ปุ่ม Caps Lock" ได้ย้ายมาอยู่ฝั่งซ้ายของตัว "A" และใช้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน สำหรับผู้เขียนที่เห็นมันอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เด็กก็ไม่รู้สึกแปลกอะไร แต่ในยุคนั้นมีคนโวยวายกันเพียบเลยแหละ
ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Model_M_keyboard
ถึงบรรทัดนี้ก็น่าจะเข้าใจแล้วล่ะ ว่า "ปุ่ม Caps Lock" มีที่มาอย่างไร และทำไมมันต้องไปอยู่ตรงนั้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |
ความคิดเห็นที่ 1
14 สิงหาคม 2563 07:27:39
|
||