ในหนัง ภาพยนตร์ Richard Jewell ริชาร์ด จูล เป็นยามรักษาความปลอดภัยในคอนเสิร์ตฉลองโอลิมปิกส์ ปี ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) ที่เซนเทนเนียล พาร์ค ด้วยความช่างสังเกต เขาจึงตรวจพบกระเป๋าปริศนาใบหนึ่ง เจ้าหน้าที่กู้ระเบิดมาถึงที่เกิดเหตุหลังจากนั้นและพบว่ามันคือระเบิดไปป์บอมบ์ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น ริชาร์ดและเจ้าหน้าที่ต้อนฝูงชนออกไปจากตรงนั้น
และในขณะที่ริชาร์ดไปกันคนออกจากอาคาร ระเบิดก็ได้ระเบิดขึ้น ทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง และบาดเจ็บเป็นร้อย ริชาร์ดผู้ตรวจพบระเบิดได้กลายเป็นฮีโร่ในชั่วข้ามคืน แต่แล้วฝันร้ายก็มาเยือน เมื่อ FBI ตรวจสอบประวัติเขาแล้วค้นพบว่ามีส่วนคล้ายกับนักวางระเบิดแบบลงมือคนเดียว ที่แกล้งทำเป็นค้นพบระเบิดเพื่อให้ผู้คนสนใจตนเอง ชีวิตของริชาร์ดพลิกผันไปนับจากนั้น เมื่อรัฐเข้ามาแทรกแซงตรวจสอบชีวิตประจำวันของเขาทุกตารางนิ้ว
ที่มาภาพ https://variety.com/2019/film/columns/richard-jewell-clint-eastwood-kathy-scruggs-controversy-1203435866/
ในหนัง ภาพยนตร์ Richard Jewell ประวัติของริชาร์ดที่ทำให้ FBI สงสัย ก็อย่างเช่นความใฝ่ฝันที่จะเป็นตำรวจของเขา และเขายังถึงกับเคยปลอมตัวเป็นตำรวจ นอกจากนั้น ตอนที่เขาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้มหาวิทยาลัย เขาก็ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ จนโดนไล่ออกมาแล้ว ยังไม่รวมการฝึกแบบตำรวจที่เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง เช่นทักษะการยิงปืน หรือการใช้กำลังควบคุมสถานการณ์ สิ่งเหล่านี้ทำให้นักวิเคราะห์ประวัติอาชญากรคิดว่าริชาร์ดเป็นมือระเบิดในเหตุครั้งนี้เสียเอง เพราะมันตรงกับประวัติของคนที่เคยก่อเหตุแบบนี้มาในอดีต
ที่มาภาพ https://www.nytimes.com/2019/12/12/movies/richard-jewell-review.html
ในหนัง ภาพยนตร์ Richard Jewell ตำรวจได้เข้ามาแทรกแซงชีวิตของเขาทุกเรื่อง ตั้งแต่หลอกให้เขาไปสอบปากคำ จนถึงมารื้อค้นบ้านและติดเครื่องดักฟัง ฝันร้ายครั้งนี้ทำให้แม่ของริชาร์ดซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันต้องเสียน้ำตาอยู่หลายครั้ง และหากไม่ได้ทนายความมือดีอย่างวัตสัน ไบรอัน มาช่วย เขาก็คงจะถูกตำรวจเล่นงานและอาจถึงกลับได้รับโทษประหาร
โดยหนัง Richard Jewell ได้ทำให้เห็นถึงความย้อนแย้งของกลไกรัฐ ที่ปากบอกว่าจะปกป้องและพิทักษ์ความเป็นส่วนตัว รวมถึงความปลอดภัยของประชาชน แต่เมื่อสบโอกาส เจ้าหน้าที่รัฐกลับใช้ช่องว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ มาทำร้ายประชาชน เป็นต้นว่า การหลอกให้ริชาร์ดอัดเทปเสียงพูดประโยคเดียวกับมือระเบิด เมื่อทนายความเขาไม่อยู่ หรือการแกล้งเป็นมิตรกับริชาร์ด และทำเสมือนว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน
ใครที่ได้ดูหนัง ภาพยนตร์ Richard Jewell คงจะสังเกตได้ว่า ริชาร์ดเชื่อว่าตนเองเป็นผู้ควบคุมกฎหมายเหมือนกัน เขาให้ความร่วมมือกับตำรวจด้วยดีเสมอมา และบางครั้งก็พูดมากเกินไปจนเกือบทำให้ตนเองลำบากด้วยซ้ำ เขาเป็นเพียงชายหนุ่มซื่อ ๆ คนหนึ่งซึ่งทุกคนเห็นว่าไม่รู้ทันคน อาจจะด้วยรูปลักษณ์ที่อ้วนท้วนกับความเป็นลูกแหง่ของเขา ที่ทำให้คนคิดว่าจะทำอะไรกับริชาร์ดก็ได้ แต่ลึก ๆ แล้วเขารู้ดีว่า ทุกครั้งที่พวกตำรวจบอกว่าริชาร์ดเป็นพวกเดียวกันนั้น พวกเขามองริชาร์ดต่ำกว่าเสมอ ซีนอารมณ์ที่ริชาร์ดระบายเรื่องนี้ออกมาเป็นซีนที่น่าจดจำและทำให้เห็นว่าเขาฝันสลายเพียงใด
ที่มาภาพ https://imjeffreyrex.com/2021/01/13/review-richard-jewell-2019/
อย่างไรก็ตามในหนัง ภาพยนตร์ Richard Jewell แม้จะไร้หลักฐาน ตำรวจก็ยังเดินหน้าสืบเรื่องของเขาต่อไป และละเมิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งริชาร์ดก็ยอมหลายครั้ง จนในฉากสุดท้ายที่เขาต้องไปให้ปากคำกับตำรวจ ความอดทนของเขาก็หมดลง เมื่อเขาตั้งคำถามกับตำรวจว่า หากตำรวจป้ายความผิดให้เขาแบบนี้ ครั้งต่อไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนไหนเจอวัตถุต้องสงสัย พวกเขาคงคิดว่าหนีเอาตัวรอดไปโดยไม่บอกใครเสียดีกว่า เพราะพวกเขาคงไม่อยากเป็นเหมือนริชาร์ด จูล
ซึ่งซีนนี้เรียกได้ว่า หากใครคิดแทนตำรวจ คงถึงกับอึ้ง และจุก พูดไม่ออกไปเลย เพราะมันได้ตั้งข้อสังเกตกับความไม่ยุติธรรมของกระบวนการที่ตำรวจทำกับประชาชนตัวเล็ก ๆ โดยตรง เคสของริชาร์ดนั้นเป็นทั้งอุทาหรณ์ถึงความไม่ให้เกียรติของรัฐ และในขณะเดียวกัน ก็เป็นบทเรียนชั้นดีให้คนที่สู้กับอำนาจรัฐไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นเดียวกับริชาร์ดที่ยืนหยัดต่อสู้กับผู้บังคับใช้กฏหมาย
รับชมหนัง Richard Jewell ได้แล้ววันนี้ ทาง HBO Go
ที่มาภาพ https://www.imdb.com/title/tt3513548/
|
นักเขียนอิสระให้กับสื่อออนไลน์ ชอบวิจารณ์หนังและหนังสือ |