Daniel Craig
ที่มาภาพ : imdb.com
แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) คือหนึ่งในนักแสดงชื่อดังแห่งวงการฮอลลีวู้ด แจ้งเกิดกับบทบาทในเรื่อง The Power of One ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) ที่เป็นใบเบิกทางให้เขาเข้าสู่วงการนี้ และหลังจากนั้นก็มีผลงานของเขาตามมาอีกมากมาย
และแน่นอนว่าหากพูดถึง Craig แล้ว หนึ่งบทบาทที่คนนึกถึงคือการก้าวมารับบท James Bond เริ่มจากครั้งแรกในปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) และหลังจากแฟน ๆ ได้เห็นการแสดงของเขา ก็มีเสียงตีกลับอย่างมากมายว่า Craig ไม่เหมาะกับบทบาทนี้เลย ขาดทั้งเสน่ห์และความเป็น 007 แบบสุด ๆ เปรียบเทียบกับรุ่นเดอะอย่าง ฌอน คอนเนอรี (Sean Connery) กับ โรเจอร์ มัวร์ (Roger Moore) ที่ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าคาแรคเตอร์มันแตกต่าง
แต่แล้วเมื่อเวลาเปลี่ยน แนวทางของตัวละครก็อาจจะต้องเปลี่ยนไป และ Craig ก็ตีกลับกระแสเหล่านั้นด้วยการพิสูจน์ตนเองในบทบาทนี้อีก 4 ครั้ง จนแสดงไว้ครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) และมันก็ได้เปลี่ยนความคิดคนที่เคยว่าเขาเอาไว้ว่าเขาไม่เหมาะสม แน่นอนว่าอาจจะไม่ทั้งหมด แต่มันก็ได้สร้างความประทับใจการแสดงของเขาในบทบาทของ James Bond ให้ใครหลายคนไว้ไม่น้อยเลย
Daniel Craig
ที่มาภาพ : Acorn Media Group/ Everett Collection
และความสำเร็จของแฟรนไชส์ James Bond ในยุคของ Craig แต่ละภาคก็ทำเงินทั่วโลกรวมกันไปเกือบ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับเสียงวิจารณ์อยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว
Daniel Craig ในบท James Bond จาก Casino Royale
ที่มาภาพ : fanart.tv
ซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดถึง Daniel Craig กับการมารับบทพยัคฆ์ร้าย 007 หรือ James Bond
โปสเตอร์ Casino Royale
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Casino Royale - 007 พยัคฆ์ร้ายเดิมพันระห่ำโลก หนังลำดับที่ 21 ในแฟรนไชส์ James Bond และมันคือการก้าวเข้ามารับบท James Bond ครั้งแรกของ Daniel Craig ซึ่งแต่แรกเดิมทีเจ้าตัวปฏิเสธบทนี้ด้วยซ้ำ เพราะเขารู้สึกว่าแฟรนไชส์นี้มันมีรูปแบบของมันตายตัวมันไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ในแต่ละภาค แต่พอเขาได้อ่านบทที่เสร็จแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจมารับบทนี้ทันที
Daniel Craig ในบท James Bond จาก Casino Royale
ที่มาภาพ : imdb.com
และแต่แรกเดิมที Craig ไม่เคยอ่านนิยาย James Bond ของ Ian Fleming มาก่อน เขาจึงเตรียมตัวมารับบทนี้ด้วยการอ่านนิยายทุกเล่มของ Ian Fleming รวมถึงพูดคุยกับสายลับจริง ๆ ที่ให้คำปรึกษาในหนัง Munich ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)
นี่คือครั้งแรกที่เราได้เห็น James Bond ในฐานะ Rookie ที่มาเป็นสายลับ MI6 ใหม่ ๆ ซึ่งภาคก่อนหน้านี้ Bond จะเป็นสายลับมานานแล้ว ในเรื่องนี้ หลังจากที่ได้รับรหัส 007 ไม่นาน Bond ก็ได้รับภารกิจให้ไปที่บ่อน Casino Royale เพื่อสืบและจัดการกับผู้ก่อการร้าย จนเขาได้เผชิญหน้ากับ Le Chiffre (Jesper Christensen) หัวหน้ากลุ่มก่อการร้าย จึงกลายเป็นภารกิจแรกสุดระห่ำและเสี่ยงตายอย่างสุด ๆ
อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้นว่าการที่ Craig มารับบทนี้ทำให้เขาโดนกระแสวิจารณ์ตีกลับ แต่เขาคือนักแสดงคนแรกและคนเดียวที่เข้าชิงรางวัล BAFTA Award กับการมารับบท James Bond และนี่เป็นภาคที่หลายต่อหลายคนมองว่าดีที่สุดในยุคของ Daniel Craig
ตัวอย่าง Casino Royale
โปสเตอร์ Quantum of Solace
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Quantum of Solace - 007 พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก หนังลำดับที่ 22 ของแฟรนไชส์ และเป็นการกลับมารับบทครั้งที่ 2 ของ Daniel Craig ซึ่งกลายเป็นภาคที่ทำเงินได้น้อยที่สุดและได้รับเสียงวิจารณ์น้อยสุดจากทุกภาคที่เจ้าตัวได้แสดงมา
บอกเล่าเรื่องราวต่อจากภาค Casino Royale ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) หลังถูก Vesper หญิงสาวที่เขารักหักหลัง เขาได้สอบสวน Mr. White จนได้เจอกับองค์กรใหญ่ที่อันตรายกว่าที่คิด
Daniel Craig ในบท James Bond จาก Quantum of Solace
ที่มาภาพ : imdb.com
ในภาคนี้ Craig ได้รับบาดเจ็บจากการถ่ายทำถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว ตั้งแต่ที่หน้าต้องเย็บ 4 เข็ม ตามมาด้วยที่ไหล่ต้องเข้าผ่าตัด และที่มือเมื่อปลายนิ้วโดนสลิงตัดไปส่วนนึง แต่เจ้าตัวก็มองเป็นเรื่องขำ ๆ และไม่ได้ทำให้การถ่ายทำช้าลงแต่อย่างใด
ตัวอย่าง Quantum of Solace
โปสเตอร์ Skyfall
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Skyfall - พลิกรหัสพิฆาตพยัคฆ์ร้าย 007 หนังลำดับที่ 23 ของแฟรนไชส์ James Bond การกลับมารับบทของ Daniel Craig ครั้งที่ 3 ในครั้งนี้ทีมสายลับ MI6 ได้รับภารกิจให้ไปตามเอาฮาร์ดไดรฟ์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับสายลับ NATO คืนมา แต่ Bond ก็พลาดท่าโดนยิงกลายเป็น สถานะ หายสาบสูญคาดว่าเสียชีวิต สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเมื่อภารกิจล้มเหลว หัวหน้าหน่วย MI6 โดนบังคับให้ลาออก ระหว่างนั้นยังเกิดเหตุระเบิดที่ศูนย์บัญชาการ MI6 แถมมีคำขู่ว่าจะเปิดเผยชื่อของสายลับ ทำให้ Bond ที่ยังมีชีวิตเดินทางกลับมายังลอนดอนรับภารกิจอย่างลับ ๆ และออกปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วยชีวิต
Daniel Craig ในบท James Bond จาก Skyfall
ที่มาภาพ : imdb.com
นี่เป็นหนัง James Bond ภาคที่ทำรายได้ทั่วโลกมากที่สุดตั้งแต่เคยมีมาสูงถึง 1,108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (36,185 ล้านบาท)
แถมยังคว้ารางวัลออสการ์ 2 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 5 สาขา
และยังคว้ารางวัลลูกโลกทองคำอีก 1 สาขา Best Original Song - Motion Picture จากเพลง Skyfall - Adele
เพลง Skyfall - Adele
ตัวอย่าง Skyfall
โปสเตอร์ Spectre
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Spectre - องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย หนังลำดับที่ 24 ของแฟรนไชส์ James Bond กับการกลับมารับบท Bond ของ Daniel Craig ครั้งที่ 4 ในครั้งนี้ Bond ได้รับข้อความลับจากอดีตที่นำพาเขาไปพบกับ Dr. Madeline Swan (Léa Seydoux) และล่วงรู้ถึงองค์กรร้าย Spectre ที่นำโดย Ernst Stavro Blofeld (Christopher Waltz)
Daniel Craig ในบท James Bond จาก Spectre
ที่มาภาพ : imdb.com
เพลงประกอบหนังอย่าง Writing's on the Wall - Sam Smith คว้ารางวัลออสการ์ Best Achievement in Music Written for Motion Pictures, Original Song และคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ Best Original Song - Motion Picture
เพลง Writing's on the Wall - Sam Smith
ตัวอย่าง Spectre
โปสเตอร์ No Time to Die
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ No time to Die - 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ หนังลำดับที่ 25 ของแฟรนไชส์ James Bond และเป็นบทส่งท้ายบทบาท Bond ปิดฉากเอาไว้อย่างดงามและสมศักดิ์ศรีของ Daniel Craig กับเรื่องราวของ Bond ที่ได้ใช้ชีวิตอันสงบสุขพักผ่อนในที่ห่างไกล แต่แล้วเพื่อนเก่าก็มาขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยการไปพาตัวนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไปกลับมา แต่เหตุการณ์มันเลวร้ายกว่านั้น เมื่อมันนำพาเขาไปเจอกับศัตรูที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำเป็นอาวุธสุดอันตราย
Daniel Craig ในบท James Bond จาก No Time to Die
ที่มาภาพ : fanart.tv
หลายคนได้ดูกันแล้วคงชอบซีนการมาปรากฏตัวของ Ana de Armas ในบท Paloma ถึงแม้จะโผล่มาช่วงสั้น ๆ ในหนังแต่ประทับใจใครหลายคนแน่นอน รู้หรือไม่ว่าการมาปรากฏตัวของเธอในเรื่องนี้ Craig เป็นคนเลือกเธอเองกับมือ หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน Knives Out ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)
Ana de Armas ในบท Paloma จาก No Time to Die
ที่มาภาพ : imdb.com
Craig เองเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าตัวเขาจะวางมือจากบท James Bond เมื่อเขารู้สึกว่าเขาแก่เกินกว่าจะมารับบทนี้แล้ว มันเริ่มเป็นสิ่งที่ยากที่จะฟิตร่างกายให้เหมาะกับบทนี้ จึงทำให้เรื่องนี้ต้องมีการใช้นักแสดงแทนในบางฉาก
ตัวหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 สาขา
และคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ 1 สาขา Best Original Song - Motion Picture จากเพลง No Time to Die - Billie Eilish
เพลง No Time to Die - Billie Eilish
ตัวอย่าง No Time to Die
|
สบายสบายให้มันสมายเวลาสบายแล้วจะได้สบายสมาย... :) |