เกริ่นนำกันสักเล็กน้อย !
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้อง และมิตรรักชาว Thaiware.com ทุกๆ ท่าน กลับมาพบกับผม นายนิ้งโย๊ว อีกครั้งใน Thaiware Review ครั้งที่ 3 นี้ มาในครั้งนี้ ผมก็ยังคงอยู่ในส่วนของเรื่องรถเหมือนเดิม ก็อย่างว่าละครับ ส่วนตัวแล้ว ผมเองเป็นคนที่ชื่นชอบ รถยนต์ เป็นชีวิตจิตใจ อยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงขออนุญาตนำแฟนๆ เว็บ Thaiware.com ที่เคารพรักทุกๆ ท่าน มาเยี่ยมชมรถกันอีกครั้งหนึ่งนะครับ
โดยสำหรับรถที่ผมนำมานำเสนอท่านผู้อ่านในครั้งนี้ เราก็ยังคงอยู่กับรถยนต์ ฮอนด้า (Honda) สายพันธุ์แรงจากแดนปลาดิบ หรือ ประเทศญี่ปุ่น เช่นเคยครับ และแน่นอน ถ้าเป็นรถยนต์ธรรมด๊าธรรมดานั้นคนอย่าง นายนิ้งโย๊ว เองก็คงจะไม่นำมาเสนอ ท่านอย่างแน่นอน และครั้งนี้มันเป็นรถอะไรกันแน่ ลองมาดูกันเลยครับ
สำหรับวันนี้ ผมจะพาทุกท่านมารู้จักกับ รถยนต์ ฮอนด้า ซึ่งคันนี้ เป็นรุ่น Honda Civic รุ่น FD2 ในตัวของ Type-R นั่นเองครับ เอ๊ะฟังดูคุ้นๆ ไอ้ตรงที่คำว่า Type-R ใช่มั้ยละครับ แน่นอนรุ่นนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "R" หมายความว่า Racing นั่นเองครับ ทีนี้เดี๋ยวเราจะมาลองดูความสามารถ สมรรถนะ รวมไปถึงข้อแตกต่าง ของรถคันนี้ ถ้าเทียบกับรถ Honda Civic FD ที่ขายกันอยู่ในท้องตลาดบ้านเรา ดูบ้าง ว่าเป็นอย่างไร ตามผมมาเลยครับ
รู้จักกับเจ้าของรถคันนี้กันก่อน
วันนี้ผมได้รับเกียรติจาก คุณสุริยะ โตอร่ามรัตน์ หรือว่าคุณ "บอย" ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ตัวแรงคันนี้ ผู้เป็นเจ้าของร้าน Tako Works ซึ่งเป็๋นร้านขายของแต่งรถ ประดับยนต์ทั่วไป อาทิเช่น โช๊คอัพ เหล็กค้ำโช้ค ระบบเบรค เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ออยคูลเลอร์ รวมไปถึง ฟิลม์กรองแสงติดรถยนต์ หลายยี่ห้อ อาทิเช่น Hi-Cool, V-Kool, Lamina ฯลฯ อีกมากมาย (ขอแอบโฆษณาให้คุณบอยนิดนึงครับ)
โดยคุณบอยเล่าให้ผมฟัง ว่ารถคันนี้ได้มาครอบครอง ตั้งแต่ประมาณกลางปี ค.ศ. 2008 โดยเป็นการนำรถเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นผ่านทางเรือขนส่งสินค้าเข้ามา ผ่านกระบวนการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฏหมาย 100% ครับ
ทำไมต้องคันนี้ (Honda Civic FD2 Type-R)
สำหรับเหตุผลที่คุณบอยได้เลือกซื้อรถเก๋งคันนี้ มาเป็นพาหนะคู่ใจก็เพราะว่า รถคันนี้เป็น รถเก๋งที่ได้ชื่อว่า มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ สวยงาม รวมไปถึงยังสามารถใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับไปจ่ายตลาด ไปห้างสรรพสินค้า ได้ทุกวันอยู่แล้ว
นอกจากนี้ รถคันนี้เป็นรถที่ ไม่กินน้ำมัน โดยมีอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 11-12 กิโลเมตร / ลิตร ซึ่งถือว่าไม่ได้มาก หรือแตกต่างจากรถที่ใช้ในเมือง (City Car) คันอื่นๆ เลย แต่มาบวกกับความสปอร์ตที่ถูกตกแต่ง และผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
ด้วยความที่ คุณบอย เป็นคนรักรถ และ ขับรถเร็วเป็นนิจอยู่แล้ว รถคันนี้ยังเป็นรถที่สามารถขับฝ่ากำแพงความเร็วทะลุ 240 กิโลเมตร / ชั่วโมง โดยที่ไม่ต้อง โมดิฟาย หรือ ปรับแต่งเพิ่มเติมอะไร ประกอบกับเทคโนโลยีของ ฮอนด้า ในเรื่องของ i-VTEC ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคบหากับ เทอร์โบ หรือที่บางคนเรียก หอย ทำให้รถคันนี้ถูกตาต้องใจคุณบอย เป็นอย่างมากเลยทีเดียวละครับ ..
ข้อแตกต่างระหว่าง รถนำเข้า กับ รถที่ขายในบ้านเรา
หลายๆ คนอาจจะมีข้อสงสัยครับ ว่าทำไมคุณบอย หรือ คนที่รักรถเป็นชีวิตจิตใจ อีกหลายๆ คนถึงได้ยอมที่จะจ่ายเงินภาษีมากถึง 300% หรือราคารถที่แพงสุดๆ เพื่อที่จะได้นำรถจากต่างประเทศเข้ามาขับโฉบเฉี่ยว ในบ้านเรา ทั้งๆ ที่เจ้ารถที่นำเข้าบางยี่ห้อ และ บางรุ่นนั้น บ้านเราเองก็มีขายอยู่ในท้องตลาด
สำหรับเหตุผลหรือข้อสงสัยนี่ ผมจะมาจำแนกให้ท่านผู้อ่านดูกันนะครับว่ามันแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งบางทีมันก็อาจจะมาจากเหตุผลความชื่นชอบส่วนตัวอีกด้วย มาเชิญชมกันเลยครับ โดบในที่นี้ผมขอแยกออกเป็น ข้อแตกต่างภายนอก และ ข้อแตกต่างภายใน
ข้อแตกต่าง ภายนอก (Exterior) :
ถ้าเป็นตัว Honda Civic FD2 Type-R โดยทั่วๆ ไปนี้ ผมขอบรรยายในส่วนหลักๆ ของรถไปเป็นข้อๆ เลยนะครับ
ข้อแตกต่าง ภายใน (Interior) :
มาดูกันที่ส่วนของภายในตัวรถกันบ้างนะครับ ว่ามีอะไรที่โดดเด่นเป็นสง่ากันบ้าง เมื่อเปิดประตูเข้าไปดูภายในตัวรถ
- เบาะดำแดง โดยส่วนตรงที่คนนั่งจะเป็นสีแดง ส่วนรอบๆ ข้างทั้งปีกทั้งสองข้าง รวมไปถึงข้างหลังเบาะ จะเป็นสีดำทั้งหมดครับ เพิ่มความเป็นสปอร์ต ร้อนแรงให้มากขึ้น
- ระบบ เครื่องปรับอากาศภายในรถ เป็นระบบดิจิตอลทั้งหมด (ตรงจุดนี้ ผมว่ารถที่ขายในบ้านเรา หลายๆ ยี่ห้อ หลายๆ รุ่นก็มีนะ ฮาๆ แต่ถ้าเป็นสมัยก่อน คงจะตื่นตาตื่นใจกันมากๆ สำหรับระบบนี้)
- หน้าปัดสีแดง พร้อมมีโลโก้ Type-R กำกับภายในตรง เข็มวัดรอบ เพื่อให้รู้ว่ารถที่คุณกำลังขับอยู่นี่ ขุมกำลังแบบเรซซิ่ง ตามแบบฉบับของ Honda รุ่น Type-R เขาอย่างแน่นอน
- เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สามารถเรียกแรงม้า แรงบิด ออกมาได้อย่างหมดจด
- ขุมกำลังของรถเป็นเครื่องยนต์แบบ K20A ฝาแดง มีแรงม้าให้ใช้กันถึง 225 แรงม้า สำหรับรุ่น Honda Civic FD2 นี้นะครับ แต่ถ้าเป็นตัวก่อน ที่ผมทำ รีวิวไป Honda Civic EP3 จะมีแรงม้าแค่ 215 ตัว และสำหรับ Honda Integra DC5 Type-R มีแรงม้าอยู่ที่ 220 ตัว ครับ ถ้าสังเกตุดูดีๆ เครื่องยนต์บล๊อคเดียวกัน รหัสเดียวกัน แต่แรงม้าต่างกัน ซึ่งทางผู้ผลิตอย่างฮอนด้า ก็ได้พิจารณาตามขนาดของรถเป็นหลักละครับ
คุณบอย ตกแต่งเพิ่ม เสริมหล่อ อีกเล็กน้อย !
และสำหรับตัวของรถคุณบอยเองนั้น มาดูกันดีกว่าครับว่าได้มีการปรับแต่งอะไร ที่พิเศษมากขึ้นไปกว่าของ Type-R เดิมๆ หรือเปล่า คุณบอยบอกผมว่า รถเดิมๆ คันนี้ก็น่าจะลงตัวทุกอย่างแล้ว แทบที่จะไม่ต้องไปปรับปรุง หรือ เปลี่ยนแปลงอะไรมาเลย แต่ก็มีบางอย่างที่คุณบอยได้เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลง ลองไปดูกันเลยครับ
- ตัวปลดล๊อคความเร็ว ซึ่งปกติรถที่ถูกนำเข้าจากญี่ปุ่นทุกคัน ไม่ว่าจะแรง มีแรงม้ามากแค่ไหน หรือแพงแค่ไหน ความเร็วจะต้องถูกล๊อค หรือถูกจำกัดเอาไว้ที่ 180 กิโลเมตร / ชั่วโมง ทุกคันครับ สำหรับวัยรุ่นบางคนบอกว่า ไม่ถูกใจ ก็สามารถไปซื้อตัวปลดล๊อคมาได้ครับ
- ตัวปรับคันเร่งไฟฟ้า 4 ระดับ (โหมด) ซึ่งมีแบบ ประหยัด (Eco Mode) ตามด้วย โหมด Sport 1 , 2 และ 3 ตามลำดับ เรียกได้ว่า ปรับแต่งได้ตามอารมณ์ ตามใจชอบเลยครับ แต่น้ำมันก็กินตามใจชอบเหมือนกันนะครับ
- ปีกนกหลังเปลี่ยนเป็นอัลลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนัก เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้มากขึ้น และนอกจากนี้แล้ว เจ้าปีกนกตัวนี้ยังสามารถปรับองศามุมของล้อ (Camber) ได้ ช่วยในการเค้าโค้งให้ดียิ่งขึ้น
- ชุดช่วงล่างของ Modulo (โช้ค + สปริง)
บทสรุป ปิดท้ายรีวิว
รถคันนี้ผมเองได้มีโอกาสทดลองขับด้วย ในระยะสั้นๆ ครับ ถือว่าการตอบสนองของคันเร่งใช้ได้มากๆ การใช้เกียร์ โดยเกียร์ 1 ลากรอบขึ้นไปสูงๆ เข้าเกียร์ 2 ถือได้ว่าดึงมากๆ ครับ โดยรวมแล้วอัตราเร่งถือว่าโอเคมากๆ ซึ่งคุณบอยบอกผมว่า ความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้นั้น ทำได้อยู่ที่ 240 กิโลเมตร / ชั่วโมง ครับ
โดยรถคันนี้ นอกจากเครื่องจะแรงใช้ได้แล้ว บวกกับความรู้สึกที่เป็นสปอร์ต อย่างมากอาทิเช่นภายใน เป็นเบาะแบบเรซซิ่ง รวมไปถึงเสียงเครื่องยนต์ตระกูล วีเทค (VTEC) ที่ได้ชื่ออยู่แล้วว่า ยิ่งรอบสูงมากเท่าไหร่ เสียงเครื่องยิ่งไพเราะตามลำดับ ซึ่งระบบ VTEC นั้นจะทำงานที่รอบ 5,600 รอบ / นาที ซึ่งเมื่อใดที่ลากสูงกว่านั้นละก็เสียงเครื่องจะยิ่งดุดันมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกละครับ
สรุปแล้วคันนี้ผมบอกตรงๆ เลยว่าในราคาระดับสองล้านกว่า กับรูปลักษณ์ รูปทรง ของรถภายนอกก็เหมือนกับ รถธรรมดาที่ขายอยู่ตามท้องตลาดบ้านเรา บอกได้เลยครับ ราคาระดับนี้ ถ้าไม่รักจริง ไม่ซื้อมาขับอย่างคุณบอยแน่นอน เพราะราคาระดับนี้ คุณสามารถไปเล่นรถที่มีเกรด มีแบรนด์ที่ดีกว่านี้ได้ไม่ยากเลย อย่างที่ผมบอกละครับ ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับ "ใจ" ล้วนๆ ถ้าไม่ลอง หรือไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง ไม่มีทางรู้แน่นอนละครับ ว่าเป็นอย่างไร ไว้พบกันรีวิวใหม่ในครั้งหน้าครับ สำหรับวันนี้ นิ้งโย๊วต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับ ...
สุดท้ายนี้ ก็ต้องขอขอบพระคุณคุณบอย เจ้าของร้านประดับยนต์ Tako Works และผู้เป็นเจ้าของรถ Honda Civic FD2 Type-R คันนี้ด้วย ถ้าใครสนใจอยากจะ เสริมหล่อ เปลี่ยนโช๊ค ติดฟิลม์กรองแสงรถยนต์ทั่วไป ขอติดต่อคุณบอย ขอเชิญโทรศัพท์ไปได้ที่ 08-1870-6669 หรือ 08-7666-8886 ได้เลย นะครับผม
นิ้งโย๊ว !
|
ความคิดเห็นที่ 3
7 กันยายน 2558 13:20:06
|
|||||||||||
GUEST |
กชกร
ถามที่ฮอนด้า บอกว่าไม่มีนำเข้า รบกวนถามค่ะว่าซื้อจากที่ไหนค่ะ
|
||||||||||
ความคิดเห็นที่ 2
12 สิงหาคม 2556 22:40:32
|
|||||||||||
GUEST |
อ้น
ดีมากครับได้ความรู้เพิ่มเห็นๆ
|
||||||||||
ความคิดเห็นที่ 1
15 กุมภาพันธ์ 2556 15:05:41
|
|||||||||||
GUEST |
111
ไห้ไอ้พวกจับรถเข้าเต้นมันรู้จักกันบ้างcivicType Rแท้มันเกียร์ธรรมดา6Speed ไปเจอมามันบอกว่าจับรถมาเป็น1000คันไม่รู้จักType R มันรู้จักแต่ตัวท๊อปไม่ท๊อปแต่มันไม่รู้จักcivic Type R สงสัยเอารถแท้ไปจอดมันคงตาไม่ถึงผมว่ามันเห็นเกียร์ธรรมดามันคงบอกว่าตัวโลสุด555
|
||||||||||