ตั้งแต่ที่ Apple เปิดตัวแท็บเล็ต iPad ในปี 2010 สินค้าประเภทใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ความสำเร็จของมันมีมากคงไม่ต้องพูดถึง ในท้องตลาด ปัจจุบันมีแท็บเล็ตยอดนิยมอยู่ 2 ระบบปฏิบัติการใหญ่ๆ คือ iOS และ Android เราไม่ขอพูดถึง Kindle ที่เน้นไปทางด้านการอ่าน e-Book ซะมากกว่า ซึ่งทั้ง iOS และ Android สองค่ายนี้มีแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างกัน แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความสามารถในการทำงานที่เพิ่มขึ้น มีแอปฯหลายตัว ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ทำงานแทนที่โน้ตบุ๊คได้ ซึ่งก็ทำได้ในระดับนึง แต่ว่าปัญหาคือ ทั้งคู่นั้นทำงานได้อย่างดีในระดับที่เป็นการ "เปิดดูไฟล์" และ "การแก้ไขไฟล์เล็กๆ น้อยๆ" หากต้องการทำงานเต็มรูปแบบเราก็ต้องยอมรับว่ายังมีประสิทธิภาพและคุณสมบัติเทียบเท่ากับการใช้งานบนเครื่องโน้ตบุ๊คไม่ได้
เป็นโอกาสของไมโครซอฟท์ที่จะออกแบบแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งทำงานได้เหมือนกับโน้ตบุ๊ค โดยไมโครซอฟท์พยายามจะสร้าง Category ใหม่ เป็นอปุกร์ Hybrid ที่ทำงานได้ทั้งรูปแบบแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ค นั่นคือ Surface Pro แท็บเล็ตรุ่นแรกจากไมโครซอฟท์ที่ทำงานได้เหมือนกับโน้ตบุ๊ค เปิดตัวในปี 2012 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เนื่องจากมีความครึ่งกลางๆ เป็นแท็บเล็ตก็หนักเกินไป เป็นโน้ตบุ๊คก็ใช้ไม่ถนัด
ไมโครซอฟท์ก็พัฒนาปรับปรุงจนถึงปัจจุบันกับรุ่นล่าสุด Surface Pro 3 ซึ่งผมมองว่าในที่สุดมันก็ลงตัวสักที กับการทำงานทั้ง 2 บทบาทได้อย่างสมบูรณ์
ก่อนจะเข้ารีวิวเจ้า Surface Pro 3 เรามาดูสเป็คของมันกันก่อนสักเล็กน้อยดีกว่า
รีวิว Microsoft Surface Pro 3
การออกแบบ
ในด้านดีไซน์ Surface Pro 3 ยังคงน่าประทับใจ ด้านหน้าของตัวเครื่องเป็นสีดำทั้งหมดเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ ด้านหลังของตัวเครื่องเป็นโลหะสีเทาสะท้อนแสงเล็กน้อยให้ผิวสัมผัสเรียบด้าน แฝงไว้ด้วยความหรูหรา สำหรับขนาดของตัวเครื่อง Surface Pro 3 มีขนาดที่ยาวและสูงกว่ารุ่นก่อน แต่ว่ามีความบางและน้ำหนักที่น้อยลงกว่าเดิม โดย Surface Pro 3 บางเพียง 9.1 มม. และน้ำหนักเหลือ 798 กรัม หากต่อ Type cover ตัวคีย์บอร์ดที่เป็นอุปกรณเสริมก็จะหนาขึ้นอีกประมาณ 5 มม.
หน้าจอขนาด 12 นิ้ว ความละเอียด 2,160x1,440 พิกเซล กระจกของหน้าจอที่ใช้เป็น Gorilla Glass 3 เพื่อความทนทานต่อรอยขีดข่วน มีขนาดจอที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนซึ่งมีขนาดจอเพียง 10.6 นิ้ว (1,920x1,080) และมีการปรับสัดส่วนของหน้าจอด้วยจากเดิม 16:9 มาเป็นขนาด 3:2 ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่ แต่ว่าในการใช้งานแบบโน้ตบุ๊ค ขนาดของจอที่สูงขึ้นจะช่วยให้เรามองหน้าจอได้ง่ายกว่านะ และให้พื้นที่ในการทำงานมากกว่าด้วย และในทางกลับกันเมื่อใช้งานในแนวตั้งความกว้างของมันก็จะใกล้เคียงกับกระดาษ A4 ที่เราคุ้นเคยอีกด้วย เวลาหยิบปากกามาเขียนบนหน้าจอ จะ Feel Good มากทีเดียว
Kickstand ขาตั้งที่มีมากับ Surface ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน มีการปรับปรุงทุกครั้งที่ออกรุ่นใหม่ รุ่นแรกเรากางได้ 1 ระดับ รุ่นถัดมากางได้ 2 ระดับ และสำหรับ Surface Pro 3 รุ่นล่าสุด เราสามารถปรับกางได้ถึง 150 ระดับ การออกแบบดีทีเดียวคือดูแข็งแรง ไม่ต้องกลัวว่าเอามือดกดแล้วมันจะหัก อย่างไรก็ตามตอนกางครั้งแรกมันฝืดมากทีเดียว ผมต้องค่อยๆง้างเพื่อกางออกมา กลัวมันหัก แต่พอชินแล้วก็พบว่ามันไม่น่าจะหักง่ายๆนะ ด้วยความสามารถในการกางได้ 150 องศา ทำให้เราจะใช้บนโต๊ะ, บนตัก หรือบนเตียง เราก็สามารถที่จะปรับให้องศาเหมาะกับระดับสายตาเราได้ไม่ยาก
ภาพจาก Microsoft
Type Cover ก็มีการปรับปรุงด้วยเช่นกัน และยังต้องซื้อแยกเหมือนเดิม (ผมว่ามันควรจะเป็นอุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องนะ >_<) เนื่องจากตัวเครื่อง Surface Pro 3 มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เจ้า Type Cover ก็เลยมีขนาดที่กว้างขึ้นตามไปด้วย มีลูกเล่นในการพับตั้งให้คีย์บอร์ดเอียงขึ้นด้วยล่ะ ไฟบนคีย์บอร์ดสามารถปรับได้ 3 ระดับ พลังงานไฟฟ้าดึงจากตัว Surface โดยตรง
การเชื่อมต่อกับ Surface Pro 3 ใช้พอร์ทแม่เหล็กเหมือนเดิม แต่ผมรู้สึกได้เลยว่า พลังแม่เหล็กมันแรงขึ้น ของเดิมดึงเบาก้หลุดละ แต่ของใหม่นี่ต้องใช้แรงมากกว่าเดิมเยอะทีเดียว ไม่หลุดง่ายๆ เหมือนแต่ก่อนแล้วล่ะ แต่อย่างไรด้วยขนาดที่จำกัด ปุ่มจึงวางค่อนข้างชิดกันทำให้โอกาสพิมพ์ผิดง่ายทีเดียว อ้อตัว Type Cover เป็นภาษาไทยด้วยนะ สวยงามไม่ต้องแปะสติกเกอร์
การเชื่อมต่อ
Surface Pro มีการเปลี่ยนรูปแบบพอร์ทสำหรับชาร์จไฟ (เปลี่ยนทำไม!?) หากคุณเป็นเจ้าของ Surface Pro รุ่นก่อนมาแล้ว ต้องขอแสดงความเสียใจว่า ไม่สามารถนำหม้อแปลงมาใช้ร่วมกันได้ คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ที่ต้องการทำให้บางลง
พอร์ท USB 3.0 ที่ให้มายังคงมี 1 ช่อง เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ที่จริงในเมือเครื่องมีขนาดกว้างขึ้นผมแอบอยากให้ไมโครซอฟท์เค้าใส่เพิ่มมาอีก 1 ช่องนะ พอร์ทอื่นนอกเหนือจากนี้เป็นพอร์ท mini-Display video output, ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. และช่องอ่านการ์ด microSD จุดนี้ผมว่าหากต้องการให้มาแทนที่โน้ตบุ๊คจริงๆ น่าจะให้ช่องอ่านการ์ด SD ไปเลยนะ
ส่วนการเชื่อมต่อแบบไร้สาย รองรับ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac ที่เป็นมาตรฐานที่เร็วที่สุดในขณะนี้, บลูทูธ 4 และ TPM 2 (The Trusted Platform Module) ที่ช่วยรักษาความปลอดภัย
กล้องหน้าและกล้องหลังได้อัพเกรดมาเป็นความละเอียดระดับ 5MP ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีความคมชัดกว่ารุ่นก่อนมากทีเดียว งานนี้ Skype แบบ Video Call กันได้อารมณ์กว่าเดิม แต่การจะใช้เป็นกล้องถ่ายรูปหรือ Selfie คงไม่มีใครแบกแท็บเล็ตไปถ่ายเนาะ >_<
ลำโพงก็ได้รับการปรับปรุงด้วยเช่นกัน เป็นสเตอริโออยู่ทั้งสองฝั่งของจอ มีเสียงที่ดังกว่ารุ่นเดิมมากพอสมควร
ปากกา
ดิส อิส อะ เพน ! ปากกาดิจิตอลที่มาพร้อมกับ Surface Pro 3 มีแบตเตอรี่ในตัวเชื่อมต่อกับ Surface Pro 3 ผ่านบลูทูธ ใส่เทคโนโลยี Palm Block มาให้ด้วย สามารถวางมือบนหน้าจอเพื่อเขียนได้สบายๆ รองรับแรงกดถึง 256 ระดับ สามารถลากเบาๆ เพื่อเขียนเส้นบางๆ และออกแรงกดเพื่อเขียนเส้นที่หนาขึ้นได้ สังเกตว่าความไวต่อการตอบสนองรวดเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า ความแม่นยำก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ด้านบนมีปุ่มกด เมื่อกด Surface Pro 3 จะทำการเรียกโปรแกรม OneNote ขึ้นมาให้ทันที และหากกดสองครั้งติดกันจะเป็นการเรียกใช้ฟังค์ชั่นจับภาพหน้าจอเฉพาะส่วน ด้วยการใช้ปากกาลากสร้างพื้นที่ที่ต้องการจับภาพ ปากกาสามารถออกแรงกดได้เหมือนเขียนด้วยปากกาจริงๆ
ประสิทธิภาพ
Surface Pro 3 สามารถติดตั้งโปรแกรมลงบนเครื่องได้เหมือนคอมพิวเตอร์ทุกประการ จะ Microsoft Office, Photoshop หรือ Lightroom ก็ไม่มีปัญหา รันโปรแกรมได้สมูท (ผมทดสอบบนเครื่องที่เป็น Core i5) แต่สำหรับคนที่ต้องการซื้อมาเพื่อเล่นเกมคอมพิวเตอร์ อันนี้ผมคงบอกว่าลงได้เล่นได้ (ถ้าไม่ใช่เกม 3D โหดๆ) แต่ไม่ค่อยแนะนำนะครับ เครื่องจะร้อนเร็วมาก จนได้ยินเสียงพัดลมเลยล่ะ
ความเห็นจากไทยแวร์
จุดเด่น
จุดด้อย
ไมโครซอฟท์วางตำแหน่งของ Surface Pro 3 ไว้ที่อุปกรณ์แบบไฮบริด หากต้องการใช้งานโน้ตบุ๊คอย่างจริงจัง Surface Pro 3 อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่คุณมองหา แม้ว่ามันจะทำได้ก็ตาม แต่ในแง่ของแท็บเล็ตมันทำได้ดีมากทีเดียว อย่างการเปิดเอกสาร, ตกแต่งภาพผ่าน PhotoShop ถ้าการใช้งานของคุณไม่ใช่รูปแบบโน้ตบุ๊คเป็นหลัก Surface Pro 3 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในท้องตลาดสำหรับคุณ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |
ความคิดเห็นที่ 2
30 เมษายน 2558 20:51:52
|
||
GUEST |
พั้นช์ เทพหัสดินฯ
ถ้าเค้ามีปากกาให้ แล้วถ้ามือเราไปโดนมันจะเป็นไงอ่ะ
|
|
ความคิดเห็นที่ 1
29 ธันวาคม 2557 14:53:38
|
||
GUEST |
Wii
สรุป ยังไม่มีช่องใส่ซิมการ์ดไว้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเครือข่ายมือถือสินะ
|
|