"ตุ๊กตาลูกเทพ" หรือ Supernatural Dolls คงจะเป็นกระแสที่แรงที่สุดในตอนนี้ (ต้นปี พ.ศ. 2559 หรือ ค.ศ. 2016) ไม่ว่าจะไปเดินในตลาด ตามห้าง ที่ทำงาน โรงเรียนหรือบ้าน เรื่องนี้ก็คงจะกลายเป็นหัวข้อหลักในการสนทนาได้ไม่ยาก รวมจนถึงในสังคมโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นดารา บุคคลทั่วไป กระแสข่าวต่างๆ รวมกระทั่งการตลาดของสินค้าหรือบริการหลายๆ แบรนด์ ก็มีโปรโมชั่นแปลกๆ ที่มารองรับลูกเทพกันเต็มหน้าไทม์ไลน์โซเชียลกันไปหมด ซึ่งบางกลุ่มก็ว่าเป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สมัยใหม่ บางกลุ่มก็ว่าเป็นกระแสที่งามจนเกินพอดี หรือบางกลุ่มก็คิดว่าเป็นเรื่องที่งมงายไร้สาระ
ทางทีมงานไทยแวร์จึงอดใจไม่ไหวกับเรื่องราวของตุ๊กตาลูกเทพที่ต่างคนต่างความเห็นมากมายเหลือเกิน จึงขออาสาพาทุกท่านไปเจาะลึกกับกระแสนี้ ผ่านบทสัมภาษณ์ 3 มุมมองจาก 3 ผู้รู้ในแวดวงที่แตกต่างกัน ได้แก่
เรื่องราวของตุ๊กตาลูกเทพ หรือ Supernatural Dolls นั้น จะน่าสนใจขนาดไหน ไปติดตามกันเลยครับ
ลูกเทพ ในมุมของผู้ที่ศรัทธา อ. แหม่ม เทพอักษร ญาณทิพย์
อ. แหม่มได้ให้สัมภาษณ์กับ Thaiware เกี่ยวกับกระแสลูกเทพ โดยขอสรุปใจความสำคัญจากบทสัมภาษณ์มานำเสนอดังนี้ครับ "ความชอบในลูกเทพมันเป็นชีวิตส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ควรก้าวก่ายซึ่งกันและกัน กระแสสังคมอย่าไปบีบคั้นคนที่ไม่มีทางออก บางคนที่หันมาเลี้ยงลูกเทพเพราะโชคลาภไม่มี บางคนได้ตุ๊กตาลูกเทพไป กลายเป็นเสริมให้การค้าขายดีขึ้น เอาตุ๊กตาลูกเทพไปตั้งหน้าร้าน ด้วยความน่ารักของตุ๊กตาเชื้อเชิญให้ลูกค้าเดินเข้าร้าน สุดท้ายก็ขายของได้ พี่เชื่อว่าคนเราทำอะไรก็ได้ ทำแล้วสบายใจ ไม่เดือดร้อนใคร"
"การเกิดของกระแสลูกเทพ สร้างงาน สร้างอาชีพ ได้มากมาย บางคนก็รับต่อผม บางคนรับติดขนตาให้ลูกเทพ ทำให้ธุรกิจเสื้อผ้าเด็กอ่อนกลับมาบูมอีกครั้ง และสร้างรายได้ให้กับทุกคนอย่างมหาศาล อยากฝากบอกกับคนที่กำลังคิดจะเลี้ยงว่า ตุ๊กตาลูกเทพราคาค่อนข้างสูง ถ้าคุณไม่มีกำลังอย่าไปคิดขวนขวาย ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพในรูปแบบที่เหมือนคนอื่นเขา เอาตามกำลังทรัพย์ที่มีอยู่ คุณอาจจะบอกว่าถ้ามีโชคลาภจะไปหามาเลี้ยง และถ้ามีโชคจริงคุณก็ค่อยหามาบูชา นั่นแหละถูกต้องเพราะคุณได้ทำตามสัจจะวาจาที่พูดออกไป" และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ อ. แหม่ม เทพอักษร ญาณทิพย์
ลูกเทพ ในมุมของจิตวิทยา นพ.ทรงภูมิ เบญญากร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
กระแสลูกเทพ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าผู้ที่เลี้ยง ควรได้รับการดูแลโดยจิตแพทย์หรือไม่ เราจีงได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ นพ.ทรงภูมิ ในประเด็นดังกล่าว ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ที่มีประเด็นน่าสนใจมากมาย โดยกล่าวไว้ว่า "กระแสตุ๊กตาลูกเทพ คล้ายกับเด็ก 5-6 ขวบที่ถือตุ๊กตาไปไหนมาไหน เราเรียกสิ่งนั้นว่าของแทนใจ เพื่อให้เด็กมีความมั่นใจมากขึ้น ในทางจิตวิทยาผมมองว่าตุ๊กตาลูกเทพเป็นของแทนใจของผู้ใหญ่ ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น อาจส่งผลให้เกิดความสำเร็จในระยะสั้น เช่นเมื่อมีความมั่นใจมากขึ้น เวลาพบปะลูกค้า ลูกค้าก็จะเกิดความมันใจในตัวเขา ทำให้อาจปิดการขายได้สำเร็จ"
วัฒนธรรมอื่นก็มีความเชื่อเกี่ยวกับตุ๊กตาที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เช่นตุ๊กตาวูดูของอเมริกา แต่ปัจจุบันกลายเป็นของที่ระลึกไปแล้ว
"ในทางจิตแพทย์ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพมีความผิดปกติหรือไม่ แต่สำหรับคนที่หมกมุ่นกับลูกเทพมากเกินไป จนทำให้เกิดปัญหากับการทำงาน และการเข้าสังคม จิตแพทย์จะมองว่าคนๆ นี้ควรได้รับการรักษา และด้วยความที่ในตอนนี้ผมใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ที่นี่ก็มีเรื่องราวความเชื่อคล้ายๆ กับตุ๊กตาลูกเทพ นั่นก็คือเรื่องของตุ๊กตาหมอผีวูดูที่ใช้ทำพิธีกรรมปองร้ายผู้คน แต่ในตอนนี้กระแสความเชื่อก็ซาลงมากแล้ว และมีความเชื่ออยู่เพียงในคนกลุ่มน้อย กลายเป็นตุ๊กตาของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว และในมุมมองของจิตแพทย์เด็ก ผมเป็นห่วงว่าการเลี้ยงลูกเทพอาจทำให้สนใจลูกตัวเองน้อยลง จนอาจทำให้เด็กขาดพัฒนาการได้ครับ" และนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของ นพ.ทรงภูมิ เบญญากร
ลูกเทพ ในมุมมองของไอที เอ ธนินทร์ ณ นคร โปรแกรมเมอร์ไทย
คุณเอได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตุ๊กตาลูกเทพ ในมุมมองของโปรแกรมเมอร์เอาไว้อย่างแหลมคม ในบทความ "ตุ๊กตาลูกเทพ เวอร์ชันโปรแกรมเมอร์" ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ฟองมัน.com โดยมีเนื้อความดังนี้ครับ
ตุ๊กตาลูกเทพอาจจะดูเหมือนเป็นความเชื่อส่วนตัว
สำหรับโปรแกรมเมอร์ การพูดคุยกับตุ๊กตามีประโยชน์จริงๆ ครับ โดยเฉพาะเวลาต้องการหาวิธีแก้ปัญหา หรือ debug error ต่างๆ
ผมเองก็เคยเจอ เวลามีปัญหา และ เดินไปถามเพื่อนร่วมงาน พอเล่าให้เพื่อนฟังเสร็จ แล้วดันนึกคำตอบออกเอง โดยเพื่อนยังไม่ได้ตอบอะไรทั้งสิ้น --- (แบบนี้เราไม่ต้องถามมนุษย์ก็ได้ป่าว??)
ทฤษฎีที่พออธิบายได้ คือ การอธิบายความคิดออกมาเป็นคำพูด (เรียกว่า externalisation) -- มันจะทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้น เพราะเราสร้างประโยคเพื่ออธิบายให้ได้ และ เราได้ยินตัวเองพูดด้วย --- มันคล้าย ๆ กับการมองสิ่งของจากอีกมุมหนึ่ง
เทคนิคนี้ในวงการโปรแกรมมิ่งเรียกว่า Rubber duck debugging แต่เค้าพูดกับตุ๊กตาเป็ดแทนนะ....
ดังนั้นเราควรจะซื้อ Rubber duck หรือ ตุ๊กตาลูกเทพ หรือ ตุ๊กตาธรรมดา... ติดโต๊ะทำงานไว้บ้างนะครับ เอาไว้ถามคำถามเวลาเราติดปัญหา --- จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเพื่อนเราด้วย
ผมเดาว่า ตุ๊กตาที่หน้าเหมือนคนอาจจะส่งผลกระทบกับเรามากกว่า ในทางจิตวิทยา --- คุยกับเป็ดมันรู้สึกแปลก ๆ
ใครเคยเจอเหตุการณ์ถามเพื่อน แล้วคิดคำตอบออกเอง อย่าลืมเขียนแบ่งปันประสบการณ์กันด้วยนะ หรือ ถ้าใครมีเทคนิคที่ดีกว่า ลองช่วยบอกหน่อยนะครับ
(www.fongmun.com/t/21228)
ก็เป็นมุมมองเกี่ยวกับตุ๊กตาลูกเทพที่น่าสนใจเอามากๆ เลยทีเดียวครับ
ต่อไป ลองสละเวลาสัก 13 นาที ติดตามชม คลิปวิดีโอ บทสัมภาษณ์เต็มๆ ของ อ. แหม่ม เทพอักษร ญาณทิพย์ และ นพ.ทรงภูมิ เบญญากร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ได้ในคลิปวิดีโอนี้ ที่เราถ่ายทำ ขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยทีมงานเราเองนี้ได้เลยครับ
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |