หลังจากที่เราได้มีโอกาสสัมผัสกับ Xperia X ในงานเปิดตัว และทำพรีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้ วันนี้เราได้ตัวเครื่องจากทาง Sony มาแล้ว จึงไม่รอช้าที่จะหยิบมารีวิว เพื่อให้คนที่กำลังสนใจสมาร์ทโฟนรุ่นนี้อยู่ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าจะยังศรัทธากับอารยธรรมต่อดีหรือไม่ เพราะสเปคเครื่องดูเหมือนจะไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ แต่กลับเปิดราคามาถึง 21,900 บาท ทำให้บางคนอาจจะผิดหวัง แต่มันก็มีข้อดีอยู่หลายอย่างที่ทำให้ผมคิดว่า มันก็ยังเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจมากอยู่ดีนะ
คุณสมบัติของ Xperia X
สเปคด้านซีพียูอาจจะดูไม่โดดเด่นอะไรมาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งในราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่ว่าจุดเด่นของ Xperia X จะอยู่ที่ด้านกล้องกับระบบเสียงครับ มีคุณภาพสูงและให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีมากเลยล่ะ
อุปกรณ์ภายในกล่อง
วิดีโอรีวิว Sony Xperia X
ดีไซน์ของ Xperia X
ตัวเครื่อง Xperia X มีดีไซน์ที่คล้ายกับ Xperia Z3 มาแนวเรียบๆ งานประกอบทำมาได้เนี้ยบมาก ตัวเครื่องมีความโค้งมน วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะด้านทั้งตัวให้สัมผัสที่ดีมาก และไม่จับลายนิ้วมือ ส่วนด้านหน้าเป็นกระจกทั้งหมด ด้านหลังมีสลักคำว่า Xperia แอบแปลกใจที่เราไม่เห็นคำว่า Sony เหมือนเช่นเคยแล้ว
ปุ่มกดถูกจัดวางไว้ที่ฝั่งซ้ายทั้งหมดของตัวเครื่อง โดยจะมีปุ่มพาวเวอร์ที่มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วซ่อนอยู่, ปุ่มเพิ่ม/ลด เสียง และปุ่มชัตเตอร์ ทั้งนี้เราแอบแปลกใจว่าทำไมถึงเลือกที่จะเอาปุ่มเพิ่ม/ลด เสียงมาไว้ที่ตำแหน่งนี้ เพราะว่ามันกดไม่ถนัดเอาซะเลย แต่มันเหตุผลของมันอยู่ คือ เมื่อเราเปิดกล้อง ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง จะทำหน้าที่แทนปุ่มซูม ทาง Sony จึงเลือกที่จะวางไว้ติดกับปุ่มชัตเตอร์นั่นเอง
ถาดใส่ซิมของ Xperia X สามารถดึงออกได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เข็มทิ่มถาดซิม รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แต่ช่องซิมที่ 2 จะใช้สำหรับใส่การ์ด microSD ด้วย ดังนั้นเราต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งครับ
กล้องที่ยอดเยี่ยมกับระบบโฟกัสที่ไวอย่างเหลือเชื่อ
ถึงจะไม่ได้เปิดตัวอย่างหวือหวา แต่สำหรับกล้องของ Sony Xperia X ก็เรียกได้ว่าไม่แพ้คู่แข่งสมาร์ทโฟนชั้นนำในตลาดทั้ง Samsung Galaxy S7 และ Huawei P9 เลย โดยจุดเด่นของกล้อง Xperia X รุ่นนี้ จะเน้นในเรื่องความสามารถของการเก็บภาพช็อตสำคัญได้อย่างว่องไวไม่มีพลาด ด้วยการเปิดกล้องอย่างว่องไวด้วยปุ่มชัตเตอร์ และการโฟกัสที่รวดเร็วพร้อมระบบ Predictive Hybrid AF คาดการณ์ภาพเคลื่อนไหวล่วงหน้า เพื่อการโฟกัสที่แม่นยำขึ้น
ฟังก์ชั่น Quick launch ทำให้ผู้ใช้สามารถกดปุ่มชัตเตอร์ เพื่อเปิดกล้องขึ้นมาถ่ายรูปได้ภายในเสี้ยววินาที แม้ว่าเครื่องจะอยู่ในโหมดสลีป แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว การกดปุ่มชัตเตอร์ที่มีความหน่วงกว่าการกดปุ่มโฮม 2 ครั้ง ทำให้การเปิดกล้องดูช้ากว่าคู่แข่งเล็กน้อย
ยังดีที่ Xperia X มีฟังก์ชั่นของ Launch and Capture ในการเปิดกล้องพร้อมถ่ายภาพทันทีมาชดเชยตรงจุดที่ช้าตรงนี้ได้ ซึ่งก็ถ่ายสนุกพอสมควรเลย
ฟีเจอร์ Predictive Hybrid AF เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่โชว์ความสามารถของ Sony Xperia X ในการจับโฟกัส ถ่ายวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว ให้ได้ภาพที่คมชัด จะถ่ายเด็กซน หรือสัตว์เลี้ยงที่อยู่ไม่นิ่ง ก็ไม่ต้องมากดโฟกัสใหม่ ซ้ำๆ ก็ได้โฟกัสที่แม่นยำ
แต่สำหรับการใช้งาน Predictive Hybrid AF ต้องทำการเลือกโฟกัสด้วยการทัชที่เป้าหมายก่อน การจะใช้รวมกับ Quick Launch ให้ถ่ายรูปไวๆ ต้องซ้อมจังหวะดีๆ
มาดูทางด้านความละเอียดของภาพกันบ้าง กล้องหลัง Sony Xperia X มาพร้อมกับภาพความละเอียด 23 ล้านพิกเซลบนเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว ซึ่งก็มีขนาดพอๆ กับคู่แข่ง ภาพที่ออกมาจึงมีคุณภาพที่นำไปใช้งานได้สบายๆ
โหมดกล้องของ Sony Xperia X มีทั้งโหมด Auto, Manual, Video และลูกเล่น Camera Apps มากมาย แต่จะขอพูดถึงโหมดที่ใช้บ่อยๆ อย่าง Auto และ Manual มาให้ได้ชมกัน
ในโหมด Manual ของ Sony Xperia X จะมีลูกเล่นให้ใช้งานน้อยกว่าคู่แข่งอยู่พอสมควร ซึ่งในโหมดนี้ เพื่อนๆ จะสามารถปรับตั้งค่าได้เพียงค่าสมดุลแสงขาว (White Balance) และการชดเชยแสง (EV) ตั้งแต่ -2 ถึง +2 เท่านั้น
ด้าน ISO (ค่าความไวแสง) ถึงแม้ว่าในสเปคบอกว่า Xperia X รองรับค่าความไวแสงสูงถึง 12800 แต่สำหรับการตั้งค่าที่สามารถทำได้ในโหมด Manual สามารถปรับได้สูงสุดเพียง 3200 เท่านั้น ส่วนค่าที่สูงกว่านี้ จะถูกนำมาใช้ในการตั้งค่าแบบ Auto และจะไม่สามารถปรับตั้งค่าหรือขึ้นไปเกิน 3200 ได้ หากถ่ายภาพที่ความละเอียดมากกว่า 8MP
ภาพถูกถ่ายด้วยความละเอียด 23MP โดยตั้งค่า ISO เป็น Auto - ISO 1600
ภาพถูกถ่ายด้วยความละเอียด 8MP โดยตั้งค่า ISO เป็น Auto - ISO 4000
โหมด Superior Auto เป็นโหมดอัตโนมัติ ของทาง Sony ที่จะคำนวนค่าต่างๆ สำหรับการถ่ายภายให้ผู้ใช้ ได้ถ่ายรูปกันอย่างสะดวกสบาย
แต่การใช้โหมด Auto อาจเหมาะสำหรับถ่ายภาพในเวลากลางวันที่แสงเพียงพอมากกว่า อย่างเช่นการถ่ายรูปในตลาดนัดเวลากลางคืนที่แสงน้อยนี้ เราจะไม่สามารถปรับค่า ISO ให้กล้องนิ่งพอที่จะเก็บภาพให้ชัดได้ ต้องพึ่งขาตั้งกล้อง หรือไปที่โหมด Manual เพื่อปรับ ISO ไว้ที่ 1600 หรือ 3200
สำหรับใครที่ไม่ถนัดการปรับตั้งค่า White Balance หรือ EV ในโหมด Manual ลองเปลี่ยนมาใช้งาน Color and Brightness ในโหมด Superior Auto แทนดูก็ได้ ซึ่งดูแล้วใช้งานง่ายกว่าฟังก์ชั่นข้างต้นเสียอีก
ส่วนกล้องหน้าของ Sony Xperia X นั้นก็ค่อนข้างทำได้ดี กล้องชัด สวยงาม ให้โทนผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ การถ่ายภาพในที่แสงน้อย สามารถดันค่า ISO สูงถึง 6400 ไม่ว่าจะในผับ คอนเสิร์ต ก็ได้รูปเซลฟี่ผิวสวยๆ ไว้อัพขึ้นโซเชียลเก๋ๆ ไม่ต้องพึ่งแฟลชที่ทำให้ผิวหน้าดูกระด้าง ชมรูปตัวอย่างได้เลย
ตัวอย่างภาพถ่าย
ด้านโทนสีของภาพ Sony Xperia X จะเน้นไปทางด้านสีสันที่อวบอิ่ม ไม่เน้นโทนสว่างมาก และให้โทนสีผิวที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ มาชมตัวอย่างภาพถ่ายจาก Sony Xperia X ได้ที่นี่
พลังเสียงอันยอดเยี่ยมของ Xperia X
ใครที่เป็นแฟน Walkman มาก่อน Sony ก็จัดเต็มเรื่องระบบเสียงให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาได้สมศักดิ์ศรี รองรับการเล่นไฟล์เพลงระดับ Hi-res 24bit/192kHz ได้สมบูรณ์แบบ โดยหากเราเปิดเพลงที่เป็นคุณภาพระดับ Hi-res จะมีสัญลักษณ์ HR ขึ้นที่ไฟล์และปกเพลงเลย ให้รู้ว่าเรากำลังฟังเพลงคุณภาพสูงอยู่ ทั้งนี้การฟัง Hi-res หูฟังของเราต้องรองรับด้วยนะครับ ถึงจะสัมผัสกับคุณภาพความละเอียดสูงได้
หรือหากใครชอบฟังเพลงผ่านหูฟังหรือลำโพงไร้สาย Xperia X จะรองรับเทคโนโลยี LDAC ด้วย คือ การฟังเพลงผ่านบลูทูธ จะใช้เทคโนโลยีที่มีชื่อเรียกว่า SBC ที่มีความเร็วในการส่งสัญญาณเสียงสูงสุดแค่ 328kbps เท่านั้น ซึ่งจริงๆ มันก็เพียงพอหากเราฟังเพลงที่ .Mp3 แล้วล่ะ แต่หากต้องการฟัง Hi-res มันจะแบนด์วิธไม่พอครับ จึงมีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ LDAC นั่นเอง โดยมันส่งข้อมูลได้มากถึง 990kbps ทำให้สัญญาณเสียงที่ได้รับดีกว่ามากครับ
ภาพจาก https://www.sony.net/Products/LDAC/
ส่วนใครที่ไม่มีไฟล์ Hi-res เพราะไฟล์แบบนี้ก็หาซื้อยากพอควร ยิ่งเพลงไทยนี่ยิ่งหายากเลย ทาง Sony เขาใส่ระบบเพิ่มคุณภาพเสียง DSEE HX และ ClearAudio+ เข้ามาให้ด้วย เมื่อใช้ฟังพวกไฟล์ .Mp3 เสียงก็จะดีกว่าปกติครับ
DSEE HX (Digital Sound Enhancement Engine) เป็นระบบประมวลผลที่จะเพิ่มคุณภาพเสียงให้ไฟล์เพลงที่ถูกบีบอัดอย่างพวกไฟล์ .Mp3 การทำงานของมันจะประมวลผลสัญญาณเสียงที่ได้รับและใช้อัลกอริทึมทำการวิเคราะห์สัญญาณที่ถูกบีบอัดเอาไว้ จากนั้นก็ชดเชยสัญญาณเสียงเข้าไป เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ใกล้เคียงกับตอนที่ยังไม่บีบอัด อย่างไรก็ตามการชดเชยสัญญาณด้วยวิธีนี้ จะทำได้สูงสุด 24bit/96kHz เท่านั้น ซึ่งจากการทดสอบของเรา ก็สัมผัสได้ชัดเจนนะ ว่าเสียงที่ได้รับมันดีขึ้นจริงๆ
ภาพจาก https://www.sony.co.th/en/electronics/play-music-library-near-hi-res-audio-sound-quality
ClearAudio+ ลูกเล่นที่มีมาตั้งแต่สมัยเครื่องเล่น Walkman การทำงานของมันจะวิเคราะห์แนวเสียงของเพลงที่กำลังฟัง แล้วทำการปรับจูน EQ ให้เหมาะสมในแต่ละเพลงอัตโนมัติ เหมาะกับการฟังเพลงหลากหลายแนวนะ แต่ถ้าคุณชอบมีแนวเพลงที่ชอบฟังไม่กี่แนว การปรับแบบ Manual น่าจะได้เสียงที่พึงพอใจมากกว่า
หน้าจอ TRILUMINOS
หน้าจอของ Xperia X ใช้เทคโนโลยี TRILUMINOS ซึ่งทางเทคนิคแล้วจะแสดงขอบเขตของสีได้ดีกว่าจอ LCD ทั่วไปถึง 50% ซึ่งการใช้งานของเรา เราก็ชอบสีหน้าจอของ Xperia X มากทีเดียว
โดยถ้าเทียบกับหน้าจอของ iPhone 6 และ Note 5 ที่เรามีอยู่ เรารู้สึกว่า Xperia X จะมีสีที่อิ่มกว่า iPhone แต่ไม่สดจนเกินไปเหมือน Note 5
ทั้งนี้เราสามารถปรับสีของหน้าจอได้ด้วย โดยเราจะตั้งได้ 3 แบบ คือ X-Reality for mobile กับ Super-vivid mode หรือจะเลือก Off ไปเลยเพื่อแสดงผลภาพแบบเดิมๆ ก็ได้ ซึ่งทั้งสามโหมดนี้จะให้ภาพที่แตกต่างกันพอสมควรเลยล่ะ
X-Reality เท่าที่เราสัมผัสได้ คือ รายละเอียดต่างๆ ของการแสดงผลจะคมชัดขึ้น และมีสีที่สดกว่าปกติด้วย แต่หากเปิด Super-Vivid ภาพที่ได้จะเหมือนเร่งความเข้มของสีภาพให้สดกว่าปกติ "มากเป็นพิเศษ" ทั้งนี้เราคิดว่าโหมด Super-Vivid นั้นให้ภาพที่สดเกินไป
นอกจากนี้เรายังสามารถปรับค่าสีของหน้าจอแบบ RGB ได้ด้วยอย่างอิสระ ใครชอบจอฟ้า จอเหลือง ก็ปรับได้ตามใจชอบเลย
Xperia UI
เนื่องจาก Sony ไม่ได้ทำปุ่มไว้บนตัวเครื่อง ดังนั้นพวกปุ่ม Home, Return และ Recent จึงทำมาเป็นส่วนหนึ่งของ UI เลย พวกไอคอนมีการปรับแต่งมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีแอปฯ ของ Sony ติดตั้งมาให้เลย อย่างเช่น Music, PlayStation ส่วนพวก Notification Center จะเหมือน Android เดิมๆ ไม่มีการปรับแต่งอะไร
แบตเตอรี่
Xperia X มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 2,620mAh รองรับ Quick Charge 2.0 ชาร์จ 10 นาที สามารถใช้งานได้ถึง 5.5 ชั่วโมง โดยต้องใช้งานร่วมกับอแดปเตอร์ที่รองรับด้วย (Sony Quick Charger UCH12) แต่เนื่องจากเราไม่มีอแดปเตอร์ตัวนี้ จึงไม่สามารถทดสอบเรื่องนี้ได้
ทั้งนี้ Sony ได้ใส่เทคโนโลยี Qnovo Adaptive Charging เข้ามาใน Xperia X ด้วย อันนี้เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เห็นว่าจะปรับกระแสไฟฟ้าในการชาร์จให้สม่ำเสมอเพื่อให้แบตเตอรี่ของมีอายุการใช้งานสูงสุด เห็นว่าจะนานกว่าเดิม 2 เท่าเลยนะ อันนี้ต้องดูไปยาวๆ ว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมช้าลงขนาดไหน
และที่ขาดไม่ได้สำหรับสมาร์ทโฟนสมัยนี้ คือ Stamina Mode ที่จะทำให้ใช้งานสมาร์ทโฟนต่อได้นานที่สุด เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเหลือน้อย โดยจะตัดการทำงานหลายๆ อย่างทิ้งไป และคงไว้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ความเห็นจากไทยแวร์
ข้อดี
| ข้อเสีย
|
เราคิดว่า Xperia X มันเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีมากรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว กล้องและระบบเสียงทำได้น่าประทับใจมาก ตัวเครื่องก็งานประกอบเนี้ยบ แต่การที่ Sony เลือกใช้ Snapdragon 650 และตัดคุณสมบัติกันน้ำออกไป ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นสมาร์ทโฟนระดับบนๆ ของ Mid-range เท่านั้น แต่ Sony ดันตั้งราคามาสูงพอๆ กับเรือธงของค่ายอื่นเลย
อีกทางเลือกของคนที่ยังหลงใหลในอารยธรรม คือ หันไปมอง Xperia X Performance ที่กล้องและระบบเสียงเหมือนกับ Xperia X แต่ว่าใช้ซีพียู Snapdragon 820 ที่แรงกว่า ทว่าราคาก็แรงกว่าพอตัวเลยทีเดียว
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |