ในงาน CES 2017 เมื่อช่วงต้นปี ค่าย Dell ได้เปิดตัวหน้าจอมอนิเตอร์รุ่นใหม่ S2718D โดยจุดเด่นของจอมอนิเตอร์รุ่นนี้อยู่ที่เป็นหน้าจอที่มีความบางมากที่สุดในโลก (ณ ตอนเปิดตัว) แม้ว่าจะเป็นหน้าจอที่มีความละเอียดเพียง 2560x1440 พิกเซล เท่านั้น ในขณะที่หลายๆ แบรนด์ต่างขยับไปที่ระดับ 4K 3,840 x 2,160 พิกเซล กันแล้ว แต่ว่าหน้าจอ Dell S2718D ก็มีลูกเล่นที่น่าสนใจใส่เข้ามาทดแทนสิ่งที่ขาดไปหลายอย่าง เช่น รองรับ USB-C, HDR และยังเป็นหน้าจอที่มีความบางมากที่สุดในโลกอีกด้วย จอรุ่นนี้จะน่าสนใจขนาดไหน คุ้มกับค่าตัว 25,900 บาท (ราคาโดยประมาณ) หรือไม่ มาหาคำตอบได้ในรีวิวนี้กันครับ
บอกตามตรงว่า ในตอนที่ของชิ้นนี้ส่งมาให้ผมรีวิว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร เนื่องจากไม่มีใครแจ้งผมมาก่อน ซึ่งในความรู้สึกตอนที่ยกมันออกมาจากกล่อง สารภาพตามตรง ผมนึกว่านี่เป็น All-in-one PC ด้วยเหตุผลจากหน้าตาและน้ำหนักของตัวมัน
หน้าจอในส่วนขอบมีความเพียง 7 มม. ในการจะทำให้บางได้ขนาดนี้ ทำให้การออกแบบตัวเครื่องพวกพอร์ตต่างๆ ทั้งหมดต้องถูกยกมาไว้ในส่วนของฐานตั้งหน้าจอแทน (นั่นหมายความว่าหน้าจอรุ่นนี้ไม่สามารถถอดขาตั้งได้)
พอร์ตในบริเวณฐานรองรับสัญญาณภาพได้ผ่าน HDMI และ USB-C ที่ให้มาอย่างละ 1 ช่อง ที่น่าสนใจ คือมี USB 3.0 ให้มาด้วย 2 ช่อง ซึ่งสามารถใช้เสียบชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ แต่เราสามารถใช้มันเป็น USB 3.0 Hub สำหรับคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการเชื่อมต่อสาย USB-C จากหน้าจอมอนิเตอร์เข้ากับหลังเครื่อง PC ของเรา
หน้าจอรุ่นนี้ไม่มีลำโพงในตัว แต่ว่ามีช่อง Audio line-out ให้มาสำหรับต่อลำโพง ในกรณีที่เราต้องการฟังสัญญาณเสียงที่รับมาจากพอร์ต HDMI
พอร์ต USB-C ทำให้เราสามารถต่อหน้าจอรุ่นนี้เข้ากับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ หรือ MacBook ได้ด้วย ซึ่งผมทดลองแล้วใช้งานได้ดีเลย ต่อปุ้ปขึ้นปั้ป ไม่ต้องตั้งค่าใดๆ ทั้งสิ้น
หรือจะใช้เสียบชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ก็ได้ สะดวกดีครับ สำหรับคนที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์บ่อยๆ ไม่ต้องเสียบอะแดปเตอร์ให้รกรุงรัง เสียบชาร์จเข้ากับหน้าจอได้เลยโดยตรง
ปุ่มอยู่ที่ฐานมองเห็นได้สะดวก ไม่ต้องคลำหา เมนูบนหน้าจอก็ออกแบบการนำทางมาเข้าใจได้ง่ายดี ไม่ซับซ้อนเหมือนหน้าจอบางรุ่นที่การควบคุมทำมาค่อนข้างสับสน ที่ปุ่มพาวเวอร์มีไฟสีขาว เข้ากับตัวเครื่องสีเงินอย่างลงตัว
มาพูดถึงข้อเสียกันบ้าง หน้าจอรุ่นนี้ไม่รองรับ VESA Mount ซึ่งปกติแล้วจอระดับนี้มักจะให้มา ทำให้ใครที่ทำงานสายกราฟฟิกที่ต้องใช้ VESA Mount คงต้องมองข้ามหน้าจอรุ่นนี้ไป
ก่อนอื่น ขอแนะนำให้เราลงโปรแกรม Dell Display Manager ไว้ด้วยก็จะช่วยให้เราควบคุมหน้าจอได้สะดวกมากขึ้น เราสามารถที่จะตั้งค่าหน้าจอพวกความละเอียด, White balance รวมถึง Input ได้โดยที่ไม่ต้องกดปุ่มที่ตัวจอเลย
ที่ผมค่อนข้างชอบ คือ ลูกเล่นที่มีชื่อว่า Easy Arrange ที่ช่วยให้เราจัดการกับการเรียงหน้าต่างได้อย่างง่ายดาย มี Presets ให้หลายแบบ หรือจะสร้างใหม่ขึ้นมาเองก็ได้ มันจะจัดขนาดของหน้าต่างให้พอดีกับกรอบที่เราเลือกไว้โดยอัตโนมัติ
หน้าจอรุ่นนี้รองรับการแสดงผลแบบ HDR แต่อย่างที่เห็นจากเมนู จะพบว่าเราต้องตั้งค่าให้เป็น Movie HDR หรือ Game HDR ทั้งนี้หน้าจอรุ่นนี้รองรับมาตรฐาน HDR10 เท่านั้นนะครับ
การแสดงผลภาพทำได้สวยงาม ขอบจอบางมาก ทำให้การต่อหลายหน้าจอทำได้เนียน สีสันและมุมมองของหน้าจอกว้าง ชัดทุกมุมมอง ในเรื่องของเฉดสี ทำได้ดีตามสไตล์หน้าจอแบบ IPS
หน้าจอของ S2718D มีการเคลือบเงา (Glossy) เอาไว้ แตกต่างจากหน้าจอทั่วไปที่นิยมเคลือบด้าน (Matte) ซึ่งข้อดีของการเคลือบเงา คือ ทำให้แสดงผลภาพได้ชัดเจนและสีสันสดใสกว่าจอแบบด้าน แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องแลกมา คือ เงาสะท้อนบนหน้าจอ แต่ถ้าเราปรับมุมมองดีๆ ก็พอจะแก้ปัญหานี้ได้
เพื่อความเข้าคู่กัน ทาง Dell เขามีชุด Dell Wireless Keyboard and Mouse Combo KM717 คีย์บอร์ดและเมาส์ไร้สาย ที่ทำมาเข้าคู่กับหน้าจอรุ่นนี้ด้วยล่ะ สามารถแยกโปรไฟล์การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ถึง 3 อย่าง เลยทีเดียว ช่วยอำนวยความสะดวกต่อการใช้งาน
จุดที่เราชอบ
| จุดที่เราไม่ชอบ
|
Dell S2718D เป็นหน้าจอคุณภาพสูง ส่วนตัวมองว่าหน้าจอรุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการหน้าจอที่สามารถแสดงผลได้อย่างสวยงาม สีสันสดใส หรือนักกราฟฟิกระดับกึ่งโปรที่ต้องใช้หน้าจอที่มีค่าความแม่นยำสีในระดับสูง ซึ่งจอรุ่นนี้รองรับ sRGB ได้ถึง 99%
แต่หากคุณเป็นนักเล่นเกมส์ตัวยง จอรุ่นนี้คงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นหน้าจอแบบ 60 Hz และมีความเร็วในการตอบสนองที่สูงถึง 6ms ทำให้การเล่นเกมส์ที่มีภาพไวๆ ไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |