สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือ Covid-19 นับว่าเป็นการระบาดของไวรัสที่รุนแรงและน่ากลัวมากๆ ครั้งหนึ่งที่เราได้ประสบพบเจอมา ซึ่งหลายคนอาจจะเอะใจและคุ้นเคยว่า เห้ย มันคล้ายๆ กับหนังเรื่องนึงเลย และนั่นคือ Contagion (2011) - สัมผัสล้างโลก
จริงๆ มันก็มีหลายเรื่องที่เกี่ยวกับการระบาดไวรัสเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น Outbreak (1995) หรือหนังสัญชาติเกาหลีอย่าง The Flu (2013) แต่เรื่องที่คนนึกถึงมากที่สุดคือเรื่องนี้นี่แหละ ตอนไวรัสนี้เริ่มระบาดหนักขึ้นในช่วงแรกๆ หนังเรื่องนี้ก็กลับมาฮิตติดชาร์ตอีกครั้ง และตอนนี้ก็ยังคงฮิตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหนังเช่าใน iTunes Movie และที่สำคัญตอนแรกหนังเรื่องนี้อยู่อันดับ 270 ของค่ายอย่าง Warner Bros. ในตอนธันวาคม 2019 และตอนต้นปี 2020 หนังเรื่องนี้ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 เป็นรองเพียงแค่ Harry Potter เท่านั้น
หลายคนหยิบมันมาดูอีกรอบ ด้วยความละม้ายคล้ายเหตุการณ์ในปัจจุบันมากๆ และราวกับว่ามันเป็นหนังที่ทำนายการเกิดไวรัสโคโรน่ายังไงยังงั้น ดังนั้น เรามาดูกันว่าหนังเรื่องนี้เป็นไงบ้าง แต่ก่อนอื่นเราจะมาขอพูดถึง Fact ของหนังเรื่องนี้กันสักหน่อยเพื่อเพิ่มความอิน
Contagion เป็นผลงานการกำกับของ Steven Soderbergh และเขียนบทโดย Scott Z. Burns โดยเขาคาดหวังว่ามันจะต้องสมจริงเท่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ Scott Z. Burns บอกไว้ว่า
บางคนอาจจะบอกว่าหนังเรื่องนี้เหมือนเหตุการณ์ในปัจจุบันจนน่าแปลกใจ แต่ผมไม่เซอร์ไพรส์หรอกนะ เพราะเมื่อผมพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่สำคัญหรอกว่ามันคืออะไร มันสำคัญที่ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ต่างหาก สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากนักวิทยาศาสตร์จริงๆ ก็คือ เรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ในสักวัน
และเพื่อความสมจริงของหนังขึ้นไปอีก หนังเรื่องนี้ก็ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริงๆ หนังเรื่องได้ ศาสตราจารย์ด้านโรคระบาดวิทยา ของมหาวิทยาลัย Columbia มาให้คำปรึกษาด้านการสร้าง ซึ่งตัว ดร. Ian เองเนี่ยเมื่อเกิดการระบาดของ Covid-19 ก็ได้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือสถานการณ์ในประเทศจีนด้วย และไวรัสที่เกิดขึ้นในหนังคือไวรัสที่ตัวดร. ได้เพาะขึ้นมาศึกษาจริงๆ โดยเขาอ้างอิงมันจากลักษณะบางประการของไวรัสนิปาห์จากมาเลเซียในช่วงปลายยุค 90 ที่แพร่กระจายจากหมู ค้างคาว มาสู่เกษตรกร
อีกหนึ่งในที่ปรึกษาอย่าง Laurie Garrett อดีตซีเนียร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและนักเขียนด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโรคระบาด ได้บอกเอาไว้ว่า
เป้าหมายของผู้สร้างคือการพยายามแสดงให้ผู้คนเห็นภาพที่ถูกต้องที่มันอาจจะเกิดขึ้นจริงๆ และหวังว่ามันจะกระตุ้นผู้นำทางการเมืองได้เมื่อเกิดโรคระบาดขึ้นมา
และในตอนแรกหนังเรื่องนี้จะหยิบนำไวรัสอย่างไข้หวัดใหญ่ หรือ H1N1 มาเป็นไวรัสมรณะในเรื่องนี้ แต่ก็ถูกปัดตกไป เพราะทางผู้สร้างมีความเห็นกันว่ามนุษยชาติผ่านโรคร้ายพวกนั้นมาแล้ว จึงสร้างโรคใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ตระหนักถึงความอันตรายที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดได้จากไวรัสในอนาคต
ล่าสุดทางทีมงานแหละเหล่านักแสดงก็ได้ออกมาพูดถึงการรับมือกับไวรัสนี้เอาไว้ด้วย ทั้ง Matt Damon, Laurence Fishburne, Kate Winslet, Marion Cotillard และ Jennifer Ehle
SPOIL - มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง
ผู้หญิงคนนี้เธอมีชื่อว่า Beth Emhoff อยู่ที่สนามบินและกำลังจะเดินทางกลับบ้านที่อเมริกา ในระหว่างนั้นเธอก็มีอาการบางอย่างเหมือนคนไม่สบาย มีอาการไอ
Beth Emhoff
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm644332544
ในขณะเดียวกัน หลายประเทศก็กำลังมีคนมีอาการเหมือน Beth ทั้งที่ฮ่องกง อังกฤษ และญี่ปุ่น
Beth เดินทางกลับมาถึงบ้านที่อเมริกาพร้อมโอบกอดครอบครัวอย่างมีความสุข Clark Morrow ผู้เป็นลูกและ Mitch Emhoff สามีของเธอ โดยหารู้ไม่ว่า เธอกำลังจะนำความหายนะมาในอีกไม่ช้า
Alan Krumwiede นักข่าวฟรีแลนซ์คนหนึ่งได้ทราบข่าวชายญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากโรคบางอย่าง จึงนำไปเสนอสำนักข่าว แต่ไม่มีใครสนใจ จึงทำให้เขาโมโหและหันมาเขียนบล็อกด้วยตนเอง
Alan Krumwiede
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm879213568
Clark เริ่มไม่สบาย ไอ เป็นไข้ อุณภูมิสูงเกิน 100 องศา
อาการของ Beth หนักขึ้น ถึงขั้นชัก เกร็ง และในที่สุดเธอก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่ไม่ทราบสาเหตุการตาย หลังจากนั้น Clark ก็อาการหนักขึ้นและเสียชีวิตตาม Beth ไป….
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm3602562049
ณ องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่สวิตเซอร์แลนด์ มีการหาลือกันถึงโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในหลากหลายประเทศ และสถานการณ์ก็กำลังหนักหน่วงขึ้น เริ่มมีการกักกัน ตรวจสอบ มีผู้ติดเชื้อมากขึ้น และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ทางทีมชันสูตรศพได้มีการตรวจสอบศพของ Beth หาสาเหตุการตายที่แท้จริง และเก็บตัวอย่างไปส่งมอบต่อให้กับ กองควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ (CDC)
หลังจากที่ Beth และ Clark เสียชีวิตไปจากอาการลักษณะเดียวกัน ทำให้หมอต้องกักตัวผู้เป็นพ่ออย่าง Mitch มาตรวจ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ แถมยังไม่มีแม้กระทั่งอาการป่วย ราวกับว่าตัวเขามีภูมิคุ้มกันต่อโรคร้ายนี้
Mitch Emhoff
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm2713435137
ณ กรมอนามัยโลก ได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับโรคนี้เพื่อเตรียมออกแถลงข่าว และพบว่าโรคนี้สามารถแพร่ผ่านทางลมหายใจ และผ่านไปยังวัตถุพาหะ คือการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้ออยู่ ไม่่วาจะเป็น ลูกบิดประตู ราวจับ ปุ่มลิฟท์ สิ่งของต่างๆ หรือโดนตัวกัน และนำเชื้อนั้นมาสัมผัสกับใบหน้าตัวเอง โดยคนเราจะสัมผัสใบหน้าตัวเอง 2-3 พันครั้งต่อวัน โดยคนที่ติดโรคนี้สามารถแพร่เชื้อได้แม้จะยังไม่แสดงออกทางอาการก็ตาม และมีระยะฟักตัวไม่ถึง 10 วัน และอัตราการเติบโตระดับ 2
ณ แลป กองควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ (CDC) ที่อเมริกา ได้มีการตรวจสอบตัวอย่างเชื้อเพื่อหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น โดย ดร. Ally Hextall และผู้ช่วย
ดร. Ally Hextall และผู้ช่วย
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm3647388672
ณ ตอนนี้ที่ CDC เรื่องนี้เริ่มกระทบต่อความมั่นคง จนเชื่อว่าหรือว่าโรคนี้มาจากฝีมือมนุษย์ เป็นอาวุธชีวภาพ
ดร. Erin Mears จนท. พิเศษกองควบคุมโรคฯ (CDC) ได้เริ่มลงพื้นที่ตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Beth กันแน่
ที่ CDC ได้รู้ว่าไวรัสนี้มีอยู่ใน DNA ของค้างคาวและหมู โดยในขณะนี้อัตราผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 20 ต้นๆ ไม่มีวิธีรักษา และไม่มีวัคซีนป้องกัน
CDC ได้มีการออกแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของไวรัสนี้ต่อประชาชนในอเมริกา ว่ามีผู้ติดเชื้อตามเมืองต่างๆ รวมถึง WHO กำลังส่ง ดร. Leonora Orantes ผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปยังต้นตอของไวรัสที่ฮ่องกง เพื่อหาว่าจุดเริ่มต้นจริงๆ แล้วมันมาจากไหน และแพร่สู่คนได้ยังไง
ขวาสุด ดร. Leonora Orantes
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm23575552
ณ ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกทั้งหมด 89,000 คน
เจ้าหน้าที่ระดับล่างได้โดนสั่งให้ปิดโครงการตรวจสอบโรคนี้ซะ แต่ดร.รายหนึ่งก็ฝ่าฝืนคำสั่ง นำมันมาตรวจสอบอีกครั้ง จนสามารถเพาะเชื้อสำเร็จ
CDC และ WHO องค์การอนามัยโลก ได้ออกมาเปิดเผยว่า ดร. รายนั้นที่ชื่อว่า ดร. Ian Sussman ได้เพาะไวรัสชนิดนี้สำเร็จ และตั้งชื่อว่า MEV-1 และนั่นคือก้าวแรกของการนำไปพัฒนาเป็นวัคซีน แต่อีกหลายเดือนกว่าจะใช้กับมนุษย์ได้ เพราะต้องทดลองกับสัตว์ก่อน
ดร. Ian Sussman
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm157793280
และตอนนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกสูงถึงมากกว่า 8 ล้านคน
ณ ตอนนี้ Alan ก็ได้สร้าง Fake News ขึ้นมาว่ามียารักษาโรคนี้ได้ชื่อว่าฟอร์ซีเธีย
หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ นั่นทำให้ ดร. Mears ติดเชื้อ MEV-1
ทางด้าน Mitch อยากจะจัดพิธีศพให้แม่และลูกของเขา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะทางการอยากให้เผาสถานเดียวเพื่อความปลอดภัย
ดร. Orantes ที่ฮ่องกงได้พบความเชื่อมโยงของผู้ติดเชื้อ และการแพร่เชื้อของ Beth ไปสู่คนอื่นๆ 3 คนแรก เริ่มต้นมาจากมาเก๊า จนสามารถยืนยันได้ว่า Beth Emhoff คือ Patient Zero หรือผู้ติดเชื้อรายแรก
จนท. จากฮ่องกง ได้จับตัวผู้เชี่ยวชาญของ WHO องค์กรอนามัยโลก ไว้เป็นตัวประกัน ไปที่หมู่บ้านของเขา จนกว่าจะได้ยารักษามาแลกตัวไป
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm3697720320
Alan ได้ทำให้ Fake News ของเขาสมจริงมากขึ้น โดยเขาหลอกว่าเขาเริ่มมีอาการของ MEV-1 และก็พิสูจน์ให้เห็นว่าฟอร์ซีเฮียใช้งานได้จริงๆ
Fake News เรื่องฟอร์ซีเธียเริ่มแพร่ระบาดเป็นวงกว้างทำให้ประชาชนเริ่มแห่กันไปซื้อที่ร้านขายยา และเมื่อไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงเกิดเหตุจราจลขึ้น ไม่เพียงแต่ยาเท่านั้น ข่าวลือทางโลกออนไลน์ในหลายๆ อย่างแพร่ไปเร็วมาก ทำให้คนเริ่มวิตกกังวล เกิดการปล้น แย่งอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ ยานพาหนะ สถานการณ์เข้าขั้นแย่สุดๆ พื้นที่หลายแห่งถูกปิด และประกาศให้เป็นเขตกักกันโรค
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm3220552704
หลังจากต่อสู้กับ MEV-1 มาสักพัก ในที่สุด ดร. Mears ก็เสียชีวิตลง
ดร. Ellis Cheever เจ้าหน้าที่ CDC ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านทางรายการหนึ่ง ว่ายังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบยาหลายตัว และแนะนำว่าวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการสร้างระยะห่างกับผู้อื่น หรือ Social Distancing อย่าสัมผัสกัน ถ้ามีอาการให้กักตัวอยู่บ้าน ล้างมือบ่อยๆ ได้มีการดีเบตกันระหว่าง Alan และ ดร. Cheever โดยทาง Alan ได้บอกว่าทาง CDC ได้ปกปิดข้อมูลต่างๆ ไม่ยอมให้ประชาชนรู้ ไม่ว่าจะเรื่องยารักษา ผลประโยชน์ร่วม ผู้ติดเชื้อจริงๆ หรือแม้กระทั่งอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส MEV-1 ที่เพิ่มเท่าตัว
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm812104704
ณ ขณะนี้ อัตราการแพร่เชื้อของ MEV-1 ไม่ใช่แค่เท่าตัวแล้ว มันกำลังวิวัฒนาการณ์
ลิงจำนวนมากถูกใช้ในการทดลองวัคซีน แต่ก็สูญเปล่า ยังไม่ได้อะไรเลย และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ประชากร 1 ใน 12 ของโลกนี้จะติดเชื้อ MEV-1 ณ ตอนนี้ ผู้คนไม่กล้าออกจากบ้าน หลายสถานที่ในโลกกลายเป็นสถานที่ร้าง
ทางการเริ่มออกมาแจกจ่ายอาหาร แต่ก็ไม่เพียงพอ และก็เกิดการจราจลอีกเช่นเคย
มีข่าวประกาศออกมาว่ามีผู้เสียชีวิต 2.5 ล้านคน และทางด้านประธานาธิบดีได้ประกาศเคอร์ฟิวในเขตพื้นที่เมืองหลวงสำคัญๆ หลังเกิดจราจลในหลายพื้นที่ รวมถึงเกิดการปล้นมากขึ้น
แต่แล้วทาง CDC ก็ผลิตวัคซีนขึ้นมาได้สำเร็จ แต่มันก็แค่ทดลองกับลิงเท่านั้น ยังต้องรอทดลองกับมนุษย์ และต้องผ่านการอนุมัติอีกหลายขั้นตอน แต่ ดร. Ally ก็แหกกฏ และตัดสินใจฉีดวัคซีนนั้นทดลองกับตัวเอง ผลคือสำเร็จ
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm73907200
ต่อมา อย. ได้เร่งอนุมัติให้มีการผลิตวัคซีนป้องกัน MEV-1 โดยทันที ในสถานที่ที่เก็บเป็นความลับ 5 แห่ง ในอเมริกาและยุโรป เพื่อป้องกันการจราจลและการปล้น โดยวัคซีนเซ็ทแรกจะใช้กับมนุษย์ใน 90 วัน และองค์การอนามัยโลก WHO คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ที่จะผลิตและแจกจ่ายให้หมดทุกคนเพื่อหยุดการแพร่ของไวรัส MEV-1 ที่ ณ ตอนนี้คร่าชีวิตคนไปแล้ว 26 ล้านคนทั่วโลก แต่คำถามคือ
ใครจะได้รับวัคซีนนี้ไปก่อน ?
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อภรรยาของ ดร. Cheevar ที่ทำงานอยู่ใน CDC ถูกบุกปล้น เพราะคิดไว้ว่าต้องเป็นคนพวกที่ได้รับวัคซีนก่อน
Alan ถูกจับในข้อหาหลอกลวงประชาชน ในการสร้าง Fake News เกี่ยวกับฟอร์ซีเธีย
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm577223680
ยังไม่มีใครรู้ว่าต้นตอของโรคนี้จริงๆ แล้วมาจากไหน แต่สิ่งที่รู้คือวัคซีนใช้ได้ผล ทำให้ทางรัฐบาลมีการจับฉลากว่าใครจะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก โดยแบ่งตามวันเกิด
ณ ฮ่องกง หลังจากที่ได้จับตัว ดร. Orantes ไป ก็ได้มาเจรจาแลกเปลี่ยนตัว ดร. กับวัคซีน 100 ชุด แต่วัคซีนที่พวกฮ่องกงได้ไปคือของปลอม เพราะว่ามีหลากหลายแห่งในโลกมีการจับตัวประกันเพื่อแลกเปลี่ยนกับวัคซีนเช่นกัน
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm845659136
ทางด้าน Alan ได้โดนสอบสวนและพบว่ามีความผิดจริง หลอกลวงเรื่องติดเชื้อ MEV-1 แถมยังมีเจตนาจะไม่ให้คนใช้วัคซีนอีก แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ตาม เขาก็โดนประกันตัวให้รอดออกมาได้
ดร. Cheever ได้รับวัคซีนมา 2 ชุดก่อนคนอื่นสำหรับตนเองและภรรยา เนื่องจากเป็นพนักงานผู้เกี่ยวข้อง แต่เขาเลือกที่จะให้วัคซีนอันนึงกับลูกของภารโรงที่เขารู้จัก และแสร้งทำเป็นว่าตนเองได้รับวัคซีนแล้ว และอีกชุดก็ให้ภรรยา
https://www.imdb.com/title/tt1598778/mediaviewer/rm2478619649
ผู้คนเริ่มทยอยได้รับวัคซีนกันอย่างทั่วถึง และการระบาดไวรัสอันตรายที่ชื่อว่า MEV-1 นี้ก็ลดลง จนในที่สุดหายนะในครั้งนี้ก็จบลง
เชื้อ MEV-1 ได้ถูกเก็บรักษาเอาไว้ร่วมกับ ซาร์สและ H1N1 อย่างปลอดภัย เพื่อจะได้นำมาศึกษาต่อไป เผื่อในอนาคตเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เหตุผลที่เก็บร่วมกันเพราะ MEV-1 มีต้นกำเนิดจากค้างคาวและหมู ส่วนซาร์สมาจากค้างคาว และ H1N1 มาจากหมู
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้ทุกอย่างจะคลี่คลายลงแล้ว มันยังมีคำถามที่ค้างคาใจอยู่ว่า...
แล้ว Patient Zero หรือ Beth Emhoff ติดเชื้อไวรัสร้ายนี้มาจากไหนกันล่ะ? จุดเริ่มต้นของมันคืออะไร?
บริษัท AIMM ALDERSON เป็นบริษัทที่ Beth ทำงานอยู่ ได้มีโครงการบางอย่าง ซึ่งมันเป็นการไปรุกร้ำพื้นที่ป่า และถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ในฮ่องกง ทำให้ค้างคาวไม่มีที่อยู่ จึงต้องไปอาศัยอยู่ในฟาร์มเพาะเลี้ยงหมูแห่งหนึ่ง
หลังจากนั้นมันก็กินนู่นกินนี่ ของเสียต่างๆ ก็ตกลงไปสู่หมูข้างล่าง และหมูก็กินเข้าไป ซึ่งหมูพวกนั้นก็ถูกนำไปส่งไปยังภัตราคารแห่งหนึ่ง เชฟคนที่ทำอาหารก็ได้สัมผัสกับหมูตัวนั้น แต่ในระหว่างที่เตรียมอาหารอยู่ เขาก็ถูกเรียกตัวไปพบกับ Beth ที่มาเยี่ยม โดยที่มือนั้นไม่ได้ล้าง เพียงแต่เช็คกับผ้ากันเปื้อนเท่านั้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดวันแรก...
https://www.thecinemaholic.com/contagion-ending-explained/
นี่แหละ Contagion - สัมผัสมรณะ คุณจะเห็นได้ว่ามันมีบางอย่างที่เหมือน และคล้ายๆ อยู่มากเลยแหละ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การแพร่ระบาดผ่านวัตถุพาหะ, Fake News, Social Distancing, การกักตุนอาหาร, ปิดเมือง และตัวของไวรัสโคโรน่าที่เชื่อว่าอาจจะมาจากค้างคาวก็ด้วย ที่สำคัญ หนังเรื่องนี้ยังมีการสอดแทรกประเด็นเรื่องการระมัดระวังการแพร่ระบาดด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเตือนไม่สัมผัสใบหน้าตัวเอง การใส่ถุงมือ การใส่แมส หรือการใช้เจลล้างมือก็ตาม
แน่นอนล่ะว่ามันไม่ได้เหมือนเหตุการณ์ในปัจจุบันเสียทั้งหมด แต่มันก็ทำให้เราตระหนัก ระมัดระวัง และรับรู้ถึงความอันตรายจากโรคระบาดในครั้งนี้ได้เหมือนกัน
|
สบายสบายให้มันสมายเวลาสบายแล้วจะได้สบายสมาย... :) |