หากพูดถึงนักแสดงตลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเรียกเสียงหัวเราะให้คนดูได้อยู่เสมอ มีภาพจำเป็นการแสดงอันเล่นใหญ่จัดเต็ม แน่นอนว่าชื่อของ Jim Carrey คือชื่อแรก ๆ ที่หลายต่อหลายคนนึกถึง
นักแสดงสุด Extrovert เป็นเด็กที่อารมณ์ดี เฮฮา ชอบแสดงตลกให้เพื่อน ๆ ดู เริ่มต้นเข้าสู่แวดวงการแสดงจากการเป็น Stand-Up Comedy จนผันตัวไปเป็นนักแสดงตลกบนจอแก้วก้าวไปสู่จอเงินสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนทั่วโลกผ่านการแสดงอันหลากหลาย
และในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 8 บทบาทกับการแสดงอันน่าจดจำของ จิม แคร์รีย์ (Jim Carrey) มาดูกันเลย
โปสเตอร์ Ace Ventura: Pet Detective
ที่มาภาพ: imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Ace Ventura: Pet Detective - เอซ เวนทูร่า นักสืบซุปเปอร์เก๊ก คือหนังแจ้งเกิดเต็มตัวเต็มตีนเต็มสุด ๆ ของ Jim Carrey ที่เหมือนเป็นต้นกำเนิดความเล่นใหญ่ ความเฮฮาตามสไตล์ของเขาเลย กับบทบาท Ace Ventura นักสืบสารพัดสัตว์ ที่เข้าอกเข้าใจรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เป็นอย่างดี รับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ มามากมาย จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับว่าจ้างให้ตามหาตามสืบโลมาที่โดนลักพาตัวไป เป็นมาสคอตของทีมฟุตบอลไมอามี่ จึงเกิดเป็นเรื่องราวสุดอลหม่าน วายป่วง ฮาแบบไม่บันยะบันยัง
ฉากจากหนัง Ace Ventura: Pet Detective
ที่มาภาพ: imdb.com
และกว่า 95% ของหนัง ความฮาทั้งหมดทั้งมวลนั้นมาจากตัวของ Jim Carrey ที่เล่นได้บ้าบอมาก บ้าถึงขนาดตัวเขาเองได้เข้าชิงรางวัล Razzie Awards (รางวัลยอดแย่) สาขานักแสดงหน้าใหม่ชายยอดแย่เลยทีเดียว แต่ไอ้การแสดงแบบนี้มันกลายเป็นคาแรคเตอร์ที่เรียกเสียงหัวเราะให้คนดูได้เป็นอย่างดี คนดูก็จำเขาได้อีก แถมยังทำรายได้ทั่วโลกไป 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,541 ล้านบาท) จากทุนสร้าง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 496 ล้านบาท) นั่นแหละคือจุดเริ่มต้น
ตัวอย่าง ฉากจากหนัง Ace Ventura: Pet Detective
โปสเตอร์ The Mask
ที่มาภาพ: imdb.com
มาถึงหนังคอเมดี้ แฟนตาซี กับ หนัง ภาพยนตร์ The Mask - หน้ากากเทวดา ที่สร้างมาจากคอมิกส์ในชื่อเรื่องเดียวกัน ในเรื่องนี้ Jim Carrey รับบทเป็น Stanley Ipkiss/The Mask ที่การแสดงของเขาส่งให้เจ้าตัวได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกในชีวิต
ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ Stanley Ipkiss นายธนาคาร ที่ได้บังเอิญไปพบกับหน้ากากลี้ลับที่มอบพลังให้กับผู้สวมใส่ ทำให้เขากลายเป็นบุรุษหน้าเขียวพร้อมความสามารถอันโดดเด่นพิลึกพิลั่นมากมายและสารพัดของในกระเป๋า นั่นมันก็ได้นำพาเขาไปเจอกับเหตุการณ์ต่าง ๆ สุดวุ่นวายและบันเทิงไปพร้อม ๆ กัน
ฉากจาก The Mask
ที่มาภาพ: imdb.com
ความบ้าบอของตัวละคร ผสมผสานกับการแสดงของ Jim Carrey มันไม่มีใครที่จะสามารถนำตัวละครการ์ตูนตัวนี้ให้มีชีวิตได้เหมือนอย่างที่เขาทำอีกแล้ว ต้องเป็นเขาและเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะแสดงได้ถึงพริกถึงขิงขนาดนี้
ตัวอย่าง The Mask
โปสเตอร์ Liar Liar
ที่มาภาพ: imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Liar Liar - ขี้จุ๊เทวดาฮากลิ้ง คือผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมที่ส่งให้ Jim Carrey เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งที่สองในชีวิต หนังพล็อต เฮฮา บ้าบอ ที่ทั้งตลกโปกฮาและแฝงไปด้วยรอยยิ้มความสัมพันธ์พ่อลูกที่น่ารักไม่เบา
ฉากจาก Liar Liar
ที่มาภาพ: imdb.com
ในเรื่องนี้เขารับบทเป็น Fletcher Reede ทนายจอมกะล่อนปลิ้นปล้อน โกหก พูดปดเพื่อว่าความชนะในคดีต่าง ๆ และเหตุนั้นทำให้เขาเป็นทนายที่มีชื่อเสียง แต่เขาดันไม่มีเวลาให้กับลูกชายสุดที่รัก แม้กระทั่งในวันเกิดของลูกเขาเองที่เขาสัญญาว่าจะมาให้ได้...แต่ก็ไม่ได้มา ทำให้ผู้เป็นลูกขออธิษฐานขอพรให้ "ขอแค่วันเดียว ที่พ่อจะไม่สามารถพูดโกหกได้" พรนั้นมันกลับเป็นจริงขึ้นมา และทำให้ Fletcher ต้องพบกับเรื่องวุ่น ๆ ตลอดทั้งวัน
ตัวอย่าง Liar Liar
โปสเตอร์ The Truman Show
ที่มาภาพ: imdb.com
ยอดการแสดงของ Jim Carrey ที่ส่งให้เจ้าตัวคว้ารางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกในชีวิตมาครอบครอง หลังจากเข้าชิงไป 2 ครั้งก่อนหน้านี้ กับการแสดงใน หนัง ภาพยนตร์ The Truman Show - ชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมน โชว์
ฉากจาก The Truman Show
ที่มาภาพ: imdb.com
นี่คือหนังที่จะพาเราไปรู้จักกับ Truman Burbank ชายผู้มีชีวิตแสนจะธรรมดา มีหน้าที่การงาน มีบ้าน มีภรรยาที่น่ารัก แต่แล้ววันหนึ่งก็มีไฟสปอตไลท์ตกลงมาเกือบโดนเขา นำพาเหตุการณ์แปลก ๆ มาหาเขามากมาย นั่นคือจุดเริ่มต้นกับการตั้งคำถามถึงชีวิตของตัวเองว่า หรือทั้งหมดทั้งมวลในชีวิตเขาโดนจัดฉากกันนะ...เพราะแท้จริงแล้วตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ทุกสิ่งอบตัวเขาคือบทที่ถูกขีดเขียนเอาไว้หมดเพื่อเป็นรายการเรียลริตี้โชว์ให้คนได้ดูกัน
ตัวอย่าง The Truman Show
โปสเตอร์ Man on the Moon
ที่มาภาพ: imdb.com
จากความสำเร็จใน The Truman Show ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ที่คว้ารางวัลลูกโลกทองคำ ปีต่อมาการแสดงของ Jim Carrey ก็ทะยานคว้ารางวัลลูกโลกทองคำอีกครั้งใน หนัง ภาพยนตร์ Man on the Moon - ดังก็ดังวะ
ฉากจาก Man on the Moon
ที่มาภาพ: imdb.com
ในเรื่องนี้สร้างมาจากชีวประวัติจริงของนักให้ความบันเทิงสุดโด่งดังของอเมริกาแห่งยุคอย่าง Andy Kaufman โดยคนที่มารับบทนี้ก็คือ Jim Carrey เขาคือนักแสดงที่สามารถแสดงได้ตลอดเวลาจนคนรอบข้างไม่สามารถแยกออกเลยว่าที่เขาทำนั่นกำลังแสดงหรือใช้ชีวิตปกติ ไม่มีใครรู้ว่าตัวตนจริง ๆ ของเขาเป็นยังไงกันแน่ หลายคนรักเขา หลายคนก็เกลียดเขา และนี่แหละคือเรื่องราวชีวิตของชายคนนี้ ชายที่เปรียบเสมือนหลุดวงโคจรโลกไปอยู่บนดวงจันทร์
ตัวอย่าง Man on the Moon
โปสเตอร์ How the Grinch Stole Christmas
ที่มาภาพ: imdb.com
ใน หนัง ภาพยนตร์ How the Grinch Stole Christmas - เดอะกริ๊นซ์ ตัวเขียวป่วนเมือง เป็นอีกครั้งที่ Jim Carrey ต้องหน้าเขียว และคราวนี้เขียวทั้งตัว กับการมารับบทเป็น Grinch เจ้าตัวเขียวอารมณ์ร้ายขี้หงุดหงิด อาศัยอยู่สันโดดบนเทือกเขากับหมาของเขา มองลงมาเห็นชาวบ้านในเมืองกำลังเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสกันอย่างสนุกสนาน มันยิ่งทำให้เขาอารมณ์บูด เขาจึงคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นมากับการ "ขโมยคริสมาสต์"
ฉากจาก How the Grinch Stole Cristmas
ที่มาภาพ: imdb.com
และผลงานการแสดงของเขาในเรื่องนี้ก็ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีกด้วย
ตัวอย่าง How the Grinch Stole Christmas
โปสเตอร์ Bruce Almighty
ที่มาภาพ: imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Bruce Almighty - 7 วันนี้ พี่ขอเป็นพระเจ้า เป็นหนังเรื่องนึงที่หลายต่อหลายคนน่าจะคุ้นเคยและคุ้นตาการแสดงของ Jim Carrey จากเรื่องนี้เป็นอย่างดี ถึงจะไม่มีรางวัลติดไม้ติดมือหรือได้เข้าชิงอะไรจากการแสดงของเขา แต่เรื่องนี้เขาท็อปฟอร์มและเล่นได้ฮาจริง ๆ
ฉากจาก Bruce Almighty
ที่มาภาพ: imdb.com
หนังบอกเล่าเรื่องราวของ Bruce Nolan ผู้ประกาศข่าวที่อยู่มาวันนึงได้รับข้อเสนอจากพระเจ้าให้มีพลังอำนาจแบบพระเจ้า เขาจึงใช้พลังนั้นอย่างเพลิดเพลินเพื่อประโยชน์แก่ตนเอง แต่ก็ต้องรับผิดชอบในหน้าที่การทำงานของพระเจ้าด้วย แต่ความมักง่ายของเขาก็ได้สร้างความโกลาหลใหญ่โตและเรียนรู้ว่าพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่มันไม่ได้ง่ายเลย และมันไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด
ตัวอย่าง Bruce Almighty
โปสเตอร์ Eternal Sunshine of the Spotless Mind
ที่มาภาพ: imdb.com
ปิดท้ายกันไปด้วย หนัง ภาพยนตร์ Eternal Sunshine of the Spotless Mind - ลบเธอ...ให้ไม่ลืม ที่ในเรื่องนี้ Jim Carrey มาดราม่าเลย และยังคงทำได้ดีไม่แพ้การแสดงอื่น ๆ ของเขาเลย และเขาก็ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากเรื่องนี้ด้วย
ฉากจาก Eternal Sunshine of the Spotless Mind
ที่มาภาพ: imdb.com
หนังบอกเล่าเรื่องราวของ Joel ที่ได้พบรักกับ Clementine จนได้ออกเดทก่อเป็นความสัมพันธ์อันงดงาม แต่เมื่อเวลาผ่านไปความไม่สมบูรณ์แบบก็ได้ทำให้ทั้งคู่มีปัญหา จนฝ่ายหญิงตัดสินใจใช้บริการลบบความจำเรื่องราวของฝ่ายชาย แต่ฝ่ายชายกลับไม่รู้มาก่อน ต้องทนทรมาณกับการที่คนรักทำเหมือนไม่รู้จักเขา เขาจึงตัดสินใจลบความทรงจำของฝ่ายหญิงออกบ้าง แต่ในระหว่างกระบวนการเขากลับเห็นเหตุการณ์ดี ๆ ที่มีร่วมกัน และกลับตกหลุมรักกันใหม่อีกครั้ง เกิดเป็นลูปอันแสนเศร้า
ทั้งคู่ไม่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมา มันเริ่มจากศูนย์ใหม่ เพราะการลบความทรงจำมันคือการลบบทเรียนเช่นกัน นี่เป็นหนังที่สอนเรื่องราวความรักได้ดีจริง ๆ เรื่องดี ๆ ควรเก็บไว้ ส่วนเรื่องน่าเศร้า ก็ยิ่งควรเก็บไว้เป็นบทเรียนเตือนใจตัวเอง
ตัวอย่าง Eternal Sunshine of the Spotless Mind
|
สบายสบายให้มันสมายเวลาสบายแล้วจะได้สบายสมาย... :) |