และแล้วก็เดินทางมาถึงวันสุดท้ายของปี 2018 แล้ว ในช่วงปีที่ผ่านมามีหนังกว่าร้อยเรื่องได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ก็มีทั้งสนุก ไม่สนุก ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง ปะปนกันไป ใครหลายคนก็คงอาจจะจัดอันดับ Top 10 หนังในดวงใจในปีนี้กันไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หนังแต่ละเรื่องก็มักจะมี "ที่สุด" ของมันอยู่ และแอดมินก็ได้ถือโอกาสนี้เอามาบอกกล่าวถึงหนัง "ที่สุด" ในปีนี้สำหรับแอดมินเองเช่นกัน กับ "ที่สุดหนังแห่งปี 2018"
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปีนี้มันเป็นปีของ Marvel จริงๆ เพราะไม่ว่าหนังเรื่องไหนของค่ายนี้ที่เข้าฉาย ก็เป๊ะ ปัง วังเวอร์ รายได้เยอะแทบทั้งนั้น แต่ที่สุดของ "รายได้" เนี่ย ก็คงหนีไม่พ้นหนังรวมตัวยอดฮีโร่ปะทะมันม่วงอย่าง Avengers: Infinity War เพราะหนังเรื่องนี้ทำรายได้ทั่วโลกไปประมาณ 2,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นไงไทยประมาณ 66,767 ล้านบาท แต่รายได้ในประเทศ (อเมริกา) ก็ได้ไปไม่น้อยเลย ประมาณ 678 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 22,122 ล้านบาท แต่ก็แพ้หนังร่วมค่ายอย่าง Black Panther ที่ทำรายได้ในประเทศ (อเมริกา) ไปประมาณ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 22,814 ล้านบาท ถึงกระนั้น Avengers: Infinity War ก็ยังสร้างกระแสให้กับคนอีกมากมาย เรียกได้ว่าแอดมินนี่เห็นคนรีบวิ่งเข้าโรงไปดู รีบวิ่งออกมาเข้าห้องน้ำและวิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่เคยเห็นหนังเรื่องไหนทำปรากฏการณ์แบบนี้ได้มาก่อนเลย น่านับถือจริงๆ
ที่บอกว่าเป็นปีของ Marvel นั้นก็ไม่มีผิดแต่อย่างใด เพราะนอกจากเรื่องรายได้แล้ว หนังแต่ละเรื่องของค่ายนี้ก็คุณภาพไม่ใช่เล่น ทั้ง Black Panther, Ant-man and the Wasp เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้น หนังที่ดีที่สุดของ Marvel ในปี 2018 นี้ ส่วนตัวขอยกให้ Avengers: Infinity War เพราะด้วยกระแสที่มีมาตั้งแต่ก่อนเข้าฉาย ทั้งตัวอย่างที่สับขาหลอกคนดู รวมไปถึงทฤษฏีที่หลายคนตั้งไว้เกี่ยวกับ Infinity Stones เม็ดต่างๆ บวกกับเนื้อเรื่องที่สนุก ตื่นเต้น ชวนน่าติดตาม หลังดูจบนี่อยากจะให้มีภาคต่อวันพรุ่งนี้ในบัดดลเลยทีเดียว
เมื่อมีที่สุดของ Marvel ไปแล้ว ก็ต้องถึงคราวค่ายคู่แข่งอย่าง DC ที่ช่วงหลังๆ มานี่ต้องบอกตามตรงว่าเหมือนเป็นคู่ชกที่ไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ แต่แล้วก็มีแสงทองส่องประกาย กู้ชีวิตของ DC เอาไว้ กับหนังจากยอดผู้กำกับอย่าง James Wan ในเรื่อง Aquaman ที่ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้ดีจริง อัดแน่นไปด้วย CG คุณภาพ กับฉากแอ็คชั่น ตื่นเต้นเกือบตลอดทั้งเรื่อง แถมนางเอกยังน่า...รักสุดๆ ไปเล๊ย องค์ประกอบโดยรวมเท่านี้ ก็เพียงพอที่จะยกให้มันเป็นที่สุดของหนัง DC ในปี 2018 นี้แล้ว ต้องให้ผู้กำกับหนังผีมากู้จักรวาลหนังฮีโร่เลยทีเดียว
ทั้งหมดทั้งมวลของหนังฮีโร่ที่ฉายในปีนี้แล้ว มันจะมีหนังฮีโร่ภาคต่ออยู่เรื่องนึง ที่แค่ได้ยินชื่อก็บ่งบอกถึงอาการคันส้นเท้าเลยทีเดียว กับเรื่องนี้ Deadpool 2 ที่พี่แกเล่นจิกกัดทุกสิ่งอย่าง จิกกัดข้ามค่ายไปฝั่ง DC เลยทีเดียว ใครหลายคนดูก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันกวนจริงๆ และมันก็สนุกจริงๆ นั่นแหละ
ทุกๆ ต้นปีจะมีการประกาศรางวัลใหญ่ของวงการหนัง นั่นก็คือรางวัลออสการ์ และก็แน่นอนว่าในช่วงๆ ไล่เรี่ยกัน ก่อน-หลังงานประกาศรางวัล ในโรงภาพยนตร์ก็จะมีแต่หนังออสการ์เข้ามาฉายเต็มไปหมด คอหนังสายรางวัลก็จะตีตั๋วเข้าไปนั่งไล่ดูชมทีละเรื่องสองเรื่อง รวมถึงแอดมินด้วย เราจะไม่ขอพูดถึงว่าหนังเรื่องไหนได้รางวัลอะไร แต่จากที่ดูหนังออสการ์ที่เข้าฉายในประเทศไทยหลายๆ เรื่องแล้ว ต้องขอยกให้ Three Billboards Outside Ebbing, Missouri เลยว่ามันคือ The Best of Oscars 2018 จริงๆ ทั้งเนื้อเรื่องกับประเด็นที่เข้มข้น, การแสดงที่โคตรดีของ Frances McDormand + Sam Rockwell ทุกองค์ประกอบทำให้ชอบมากๆ ขอยกให้เป็นที่สุดของออสการ์ ในปี 2018 นี้เลย
Easter Egg ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังหลายๆ เรื่อง ยิ่งช่วงหลังๆ นี้ หนังหลายเรื่องก็แทบจะมี Easter Egg ให้คนดูตามหากันอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าจะให้พูดถึงหนังที่แฝง "Easter Egg" เยอะที่สุด ก็คงต้องเป็น Ready Player One แทบทุกฉากในหนังก็มีการแฝง Easter Egg ของหนังเรื่องอื่นๆ เกมส์ ไว้มากมายเต็มไปหมด อาจจะเป็นร้อยเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่านอกจากสนุกกับหนังแล้ว ยังสนุกกับการ Easter Egg ในหนังอีกต่างหาก
พูดถึงหนังที่กลับมาทำอีกรอบหรือภาคต่อ ส่วนใหญ่ภาคต่อจะห่วยกว่าภาคแรกๆ เสมอ และในปี 2018 นี้ ก็มีหนังภาคต่อที่มากมายหลายเรื่อง บางเรื่องก็ทิ้งไว้นานแสนนาน ถึงจะมีมาใหม่ เช่น Predator เป็นต้น แต่ถ้าพูดถึงมาของการกลับมาสุดยิ่งใหญ่ ก็ต้องยกให้เรื่องนี้เลย Halloween กับฆาตรกรหน้ากากขาว Michael Myers ที่ในการกลับมาครั้งนี้เล่าเรื่องราวต่อจากภาคแรกต้นฉบับในปี 1978 ต้องขอบอกเลยว่าการกลับมาครั้งนี้ของเขา โหด ดุ ดิบ เถื่อน และระทึกใจแบบสุดๆ คุ้มค่าการกลับมาแบบไม่ต้องสงสัยเลย
ถ้าพูดถึงความ Epic แล้วเนี่ย บอกได้เลยว่าไม่มีหนังเรื่องไหนเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว กับเรื่องราวของมนุษย์คนแรกบนดวงจันทร์ อย่าง Neil Armstrong ในเรื่อง First Man ที่ฉากการลงจอดบนดวงจันทร์นี่ทั้งลุ้น ระทึก ตื่นเต้น กดดัน หนังสามารถทำให้เรารู้สึกร่วมกับคนดูแบบสุดๆ Epic โคตรๆ เลย
คงไม่ต้องพูดอะไรมากกับหนังเรื่อง Searching ที่มีการถ่ายทำผ่านทางหน้าจอที่เจ๋งโคตร เพราะมันใช้แทบทุกอย่างในโลกอินเทอร์เน็ตเล่าเรื่องได้เกือบทั้งหมดเลย ทั้ง Skype, Email, Facebook, Youtube และอื่นๆ อีกมากมาย และยิ่งเห็นเบื้องหลังการถ่ายทำด้วยแล้ว คงต้องยกนิ้วให้เลยว่าหนังเรื่องนี้มีเทคนิคที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ถ้าพูดถึงหนังที่คอนเซ็ปต์สุดเจ๋งในรอบปีนี้ก็ต้องเป็นเรื่องนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่ห้ามมีเสียง เพราะมีเสียงเมื่อไหร่คุณจะตาย! ใช่แล้ว นั่นคือ A Quiet Place หนังฟอร์มเล็กจากฝีมือกำกับ เขียนบท และแสดงของ John Krasinski พร้อมดึงตัวภรรเมีย Emily Blunt มาแสดงด้วยอีกต่างหาก แค่ฟังเรื่องย่อก็น่าสนใจแล้ว พอไปดูแล้วทึ่งกับความเก่งและคอนเซ็ปต์ที่เจ๋งไม่ใช่เล่น
จริงๆ ในปีนี้ก็อินกับหนังหลายเรื่องนะ แต่ถ้าจะให้อินสุดๆ คงเป็นเรื่องนี้ Bohemian Rhapsody ถึงแม้ว่าไม่ใช่แฟนคลับหรือรู้จักวงนี้มาก่อน ก็ยังทำให้เราอินได้ ชอบเรื่องนี้ก็ตรงนี้แหละ ยิ่งฉากคอนเสิร์ต Live Aid ที่แสดงในหนังแล้ว เรียกได้ว่าถอดแบบออกมาได้เกือบเป๊ะ ของคอนเสิร์ตจริงเลย นี่อินขนาดกลับบ้านมาหาเพลงวงนี้ฟังจวบจนทุกวันนี้เลยทีเดียว 555
A Star Is Born คือชื่อแรกที่ผุดขึ้นมา เมื่อพูดถึงความ "เพราะ" หนังที่ทำดีได้เกินคาด จากฝีมือการกำกับหนังครั้งแรกของ Bradley Cooper และที่เกินคาดมากกว่านั้นคือเขาร้องเพลงเพราะมาก ไม่ใช่เพราะธรรมดา เพราะแบบโคตรๆ รวมไปถึง Lady Gaga ที่ร้องเพราะแบบพ่นไฟได้เช่นกัน (เคยเห็นแต่เพลงเร็วๆ ของนาง ไม่เคยฟังแบบเพลงช้าๆ ใช้พลังเสียงขนาดในเรื่องนี้) ด้วยความที่เสียงของทั้งคู่เพราะมาก มันจึงส่งผลมาถึงเพลงในเรื่องนี้ ที่เพราะมากๆ เช่นกัน ทุกเพลง ย้ำว่าทุกเพลงจริงๆ ทุกวันนี้เพลงในเรื่องนี้ลง Playlist เรียบร้อยแล้ว
ปี 2018 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่มีหนังผีเข้าเยอะมาก ทั้งไทยและต่างประเทศ มีทั้งดี และไม่ดี (ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลัง) แต่นอกจากหนังผีจะต้องดีแล้ว มันจะมีหนังผีประเภทที่ให้ความรู้สึก "หลอนๆ" แม้กระทั่งดูจบไปแล้วก็ตาม และหนังที่ตอบโจทย์ความหลอนที่สุดคือเรื่อง Hereditary เป็นหนังที่ทวีความหลอนขึ้นเรื่อยๆ จุดพีคค่อยๆ ส่งตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งเสียงเดาะลิ้นในหนังนี่ยิ่งโคตรหลอน ถึงแม้หนังจะไม่ได้มี Jump Scare ออกมา แต่หนังบรรยากาศมันชวนหลอนเสียเหลือเกิน
อย่างที่บอกไปในหัวข้อเมื่อกี้ว่าปี 2018 นี้หนังผีเยอะมาก แต่ถ้าจะถามหาหนังผีดีๆ สักเรื่อง ก็ขอยกให้เรื่องนี้ละกัน Ghost Story เป็นหนังผีที่ดีมากๆ ดีจนน่าเหลือเชื่อ เพราะมันไม่เพียงแต่หลอกกันเองในหนังเท่านั้น หนังมันยังหลอกคนดูอย่างเราๆ ตั้งแต่ต้นเรื่องอีกต่างหาก! อีกทั้งเรื่องราวแต่ละตอนในหนัง สามคดีที่พระเอกสืบสวน ก็มีความน่ากลัวที่เจ๋งในแต่ละเรื่องอีกต่างหาก อีกทั้งองค์ประกอบฉากทั้งเรื่องยังผูกเรียงร้อยเรื่องราว ออกมายันจุดคลี่คลายได้อย่างดีมากๆ
หนังรัก คือหนังที่ต้องมีทุกปีๆ อยู่แล้ว อย่างน้อยๆ แต่ละเดือนต้องมี 1-2 เรื่องยืนพื้นอยู่แล้ว แต่หนังรักที่โดดเด่นออกมาจากเรื่องอื่นๆ สำหรับเรา เลยคือ Destination Wedding ที่นำแสดงโดย Keanu Reeves กับ Winona Ryder เป็นหนังรักที่ไม่โรแมนติก แต่มันออกมาโรแมนติกชะมัด หนังเต็มไปด้วยฉากสนทนาของคู่พระ-นาง ทั้งเรื่อง ย้ำ! ว่าทั้งเรื่องจริงๆ หนังแบบโลกมีแค่เราสองคน ทุกอย่างหมุนรอบตัวเรา คือคำนิยามของเรื่องนี้ เพราะมันไม่มีตัวละครอื่นเลยจริงๆ สิ่งที่เจ๋งของเรื่องนี้ก็คือบทนั่นแหละ ทั้งแซวกัน กัดกัน ไม่มีคำหวานๆ ประโยคเลี่ยน แต่ไอ้เหล่านั้นแหละมันดันโรแมนติก ธรรมชาติ และออกมาดีมากๆ
ไม่มีคำบรรยายใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับหนังไทยที่ดีที่สุดปีนี้ กับหนังสารคดีของพี่ตูน หรือ 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว ที่ถึงแม้จะให้ดูฟรี แต่ก็ได้ยอดบริจาคมากกว่า 68 ล้านบาทเลยทีเดียว หนังเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่เหมาะสมกับความเป็นหนัง ภาพสวย เนื้อเรื่องดี เป็นสารคดีที่ไม่เบื่อเลย ดูแล้วให้ความรู้สึกเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ มันดีเกินจะบรรยายจริงๆ ถ้าใครไม่เคยดูแนะนำให้ดูแบบสุดๆ
เมื่อต้นปีได้มีหนังอนิเมชั่นหนึ่งเรื่อง ที่ปลุกกระแสอนิเมชั่นไทยขึ้นมา นั่นคือเรื่อง ๙ ศาสตรา และเป็นหนังอนิเมชั่นของไทยในปีที่เราชอบที่สุดไปแล้ว ไม่ใช่แค่นั้นสิ เป็นอนิเมชั่นไทยที่เราชอบที่สุดตั้งแต่ดูมาเลยทีเดียว ทั้งภาพ การเคลื่อนไหวของตัวละคร ล้วนดูลื่นไหล และเท่ชะมัด! ซึ่งหลังจากเรื่องนี้ก็มีอีกเรื่องนึงอย่าง ครุฑ แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่า ๙ ศาสตราจริงๆ
ถ้าอนิเมชั่นไทยที่ดีที่สุดคือ ๙ ศาสตรา Ralph Break the Internet คืออนิเมชั่นที่ดีที่สุดในปี 2018 ด้วยเนื้อเรื่องที่ถูกเล่าอย่างชาญฉลาดผ่านโลกอินเทอร์เน็ต และถูกตีความออกมาเป็นรูปแบบอนิเมชั่น แค่ในด้านนี้มันก็ทำออกมาได้ดีมากๆ แล้ว บวกกับเนื้อเรื่องที่น่ารัก สนุก และมี Easter Egg ให้หาอีกมากมาย แค่ไปดูฉากเจ้าหญิงดิสนีย์ก็คุ้มแล้ว อ๋อ...และที่สำคัญฉากหลังเครดิตก็ฮาโคตรทั้งสองตัวเลยจริงๆ
พูดถึงที่สุดในด้านบวกมามากละ ขอพูดถึงที่สุดในด้านลบบ้างดีกว่า เริ่มจากนี่เลย Rampant ขอยกให้เป็นหนังที่น่าผิดหวังที่สุดแห่งปี 2018 ด้วยความที่โฆษณาว่าผู้สร้างเดียวกับ Train to Busan จึงเกิดความหวังอย่างสูงสุดว่าจะได้เห็นหนังเกาหลีที่เกิดเป็นปรากฏการณ์อีกเรื่อง ด้วยความที่เป็นแนวซอมบี้ในยุคพีเรียต ด้วยเรื่องแค่นั้นก็น่าสนใจพอแล้ว แต่เอาเข้าจริงหลังดูจบ ผิดหวังสุดๆ ไม่ได้มีส่วนไหนใกล้เคียงหรือเทียบกับ Train to Busan ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะหวังมากไป จึงผิดหวังสินะ
ต้องบอกว่าเรื่องนี้ทั้งผิดหวัง เศร้า เสียใจ เสียเวลา ยกให้มัน "แย่" ที่สุดแห่งปีเลย 211 หนังยากมากที่จะหาข้อดีให้มัน หนังพังทุกภาคส่วน ห่วยทุกฉาก ที่พอจะโอเคคือความโหดของโจรในฉากเดียว กับซีนอารมณ์เดียวของป๋า Nicolas Cage ที่เหลือพัง! แย่! แย่มากจริงๆ ถ้ารู้งี้จะไม่ตัดสินใจดูเรื่องนี้เด็ดขาด ให้ดูฟรียังโกรธ!!!
ไม่คิดเลยว่าจะมีหนังที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ One Cut of the Dead สมบูรณ์แบบมากๆ หนังเล่าเรื่องฉลาดโคตร เป็นเรื่องแรกในปีเลยที่ให้ 10/10 ไม่รู้จะติตรงไหนเลยจริงๆ คือเป็นหนังทุนต่ำจริงๆ นั่นแหละ ที่มันพยายามหลอกตัวเองว่าเป็นหนังเกรดบี แต่พอได้รู้เรื่องราวและจบเรื่องแล้วนี่มันคือหนังเกรด SSS ชัดๆ มันคือหนังซ้อนหนัง ที่ฉาก Long Take ต้นเรื่อง 37 นาทีมันเจ๋งมาก โดยการดูตอนแรกมันอาจจะทะแม่งๆ ด่าซะยับ พร้อมกับถามตัวเองว่าพาตัวเองมาดูหนังอะไรวะเนี่ย แต่พอดูจนจบเรื่อง รู้เรื่องราว รู้ทุกฉาก มันค่อยๆ ตอบสิ่งที่เราด่าที่เราสงสัยได้หมดเลย ไอ้ทุกอย่างที่เหมือนพลาด แท้จริงแล้วหนังเรื่องนี้เพอร์เฟ็ค ไม่มีคำว่าพลาดเลยแม้แต่น้อย หนังใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
และนี่คือ "ที่สุด" ของหนังในปี 2018 ที่อาจจะแตกต่างจากใครหลายๆ คน แล้วของคุณหล่ะ? หนังที่สุดในดวงใจประจำปี 2018 คืออะไรกันนะ
|
สบายสบายให้มันสมายเวลาสบายแล้วจะได้สบายสมาย... :) |