ช่องทางที่ Google ใช้ในการเก็บข้อมูลจากเราไปมีอยู่มากมาย ที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงก็อย่างเช่น คำค้นหาที่คุณกดในเบราว์เซอร์, วิดีโอบนยูทูปที่คุณรับชม ฯลฯ
Google เก็บข้อมูลอะไรบ้าง?
คำที่คุณค้นหา
วิดีโอที่คุณรับชม
ข้อมูลเสียงพูด (Voice) และเสียงอื่นๆ (Audio)
ข้อมูลการซื้อขาย
คนที่คุณเคยติดต่อ หรือแบ่งปันเนื้อหาด้วย
กิจกรรมต่างๆ บนเว็บไซต์ 3rd-party หรือแอปที่ใช้ Google services
โฆษณา และเนื้อหาที่คุณดูบน Google รวมถึงการปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหา
ประวัติการเข้าเว็บที่คุณทำการ Sync ไว้กับบัญชีของ Google
ข้อมูลตำแหน่งสถานที่ ที่ Google เก็บผ่าน GPS หรือรวบรวมจากเซ็นเซอร์ต่างๆ, IP addresses, Wi-Fi hotspo และ Bluetooth beacons
อะไรที่ไม่ถูก Google เก็บข้อมูล?
ข้อมูลใน Google Docs ของลูกค้าที่ใช้เวอร์ชันเสียเงิน (Enterprise)
ข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet traffic) จาก Google Wi-Fi home routers
Google เคยใช้ข้อมูลในเนื้อหาที่ปรากฏบน Gmail ในการเลือกโฆษณาที่จะแสดงผล แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำเช่นนั้นแล้ว
ภาพรวม : Google ไม่ได้มีดีแค่ชื่อของเว็บที่ให้บริการค้นหาแต่เพียงเท่านั้น Google เก็บรวบรวมข้อมูลได้มหาศาลจาก Chrome Browser, YouTube, อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android, Google Assistant, Google Maps รวมไปถึงอุปกรณ์อื่นๆ อย่างเช่น Nest และ Google Home
แม้ว่าคุณอาจจะไม่ใช้บริการของ Google เลย แต่ Google ยังคงมีข้อมูลบางส่วนของคุณอยู่ดี เพราะ Google นั้นแฝงตัวอยู่ในบริการต่างๆ มากมายบนโลกอินเทอร์เน็ต ไม่น่าแปลกใจที่มันเป็นผู้เล่นคนสำคัญในโลกโฆษณาดิจิทัล และมีให้บริการเครื่องมือสำหรับสร้างโฆษณา และวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่ง
เรื่องน่าสนใจ ! : ผลการวิจัยของ Douglas C. Schmidt ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ที่เผยแพร่ออกมาในปี 2018 ได้พบว่า Chrome ได้ส่งข้อมูลจำนวนหนึ่งกลับไปยัง Google แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้กระทำการใดๆ เลยก็ตาม โดยในนั้นรวมถึงข้อมูลตำแหน่งสถานที่แม้ว่าผู้ใช้ได้เลือกที่จะไม่แบ่งปันข้อมูลดังกล่าว และเกือบครึ่งของข้อมูลมาจากสิ่งที่ผู้ใช้ได้ทำการปฏิสัมพันธ์กับบริการของ Google
Google ได้ตอบโต้บางส่วนของรายงานโดยชี้ให้เห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงใหม่ในส่วนของเครื่องมือจัดการข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว แต่ทาง Schmidt ได้กล่าวว่า "ส่วนใหญ่แล้วมันก็เหมือนเดิม"
Schmidt แซะ Google ว่า "คุณสามารถเปลี่ยนน๊อตบางตัว เพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้น แต่ผมว่ามันไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงมากนัก"
ตำแหน่ง (Location) ดาบสองคนที่สร้างความไม่สบายใจ
การใช้ประโยชน์จากข้อมูลตำแหน่งสร้างความสำบากใจให้กับผู้ใช้ Google
ด้านดี : เมื่อ Google ติดตามตำแหน่งของคุณ มันสามารถเรียนรู้ได้ว่าคุณทำงานที่ไหน และใช้ชีวิตอย่างไร มันสามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อไหร่ที่คุณต้องการออกจากบ้าน หรือเตือนว่าวันนี้คุณควรจะพกร่มติดตัวไปด้วย
ด้านร้าย : ในขณะเดียวกัน การที่ Google สามารถ "วาด" รายละเอียดชีวิตของคุณได้อย่างน่าทึ่ง มันก็ไม่แปลกอะไรที่จะทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกกังวลถึงความเป็นส่วนตัว
Google ขยายตัวจากซอฟต์แวร์ไปสู่ฮาร์ดแวร์ Nest cameras, Thermostats ไปจนถึง Google Home Hub และ Pixel นั่นหมายความว่า Google มีกล้อง และไมโครโฟนที่คอยจับตาชีวิตส่วนตัวของคุณมากขึ้น
ยังมีอะไรอีกไหม?
Google search ตั้งเป้าที่จะตอบสนองต่อการค้นหาข้อมูลจากทั่วทั้งโลกเอาไว้ ซึ่งมันเกิดขึ้นได้จากการที่ Google เก็บรวบรวมข้อมูลมาจากบริการต่างๆ รวมเข้าไว้ด้วยกัน นั้นหมายความว่า มีข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ปรากฏอยู่บน Google ได้ก็เพราะ บางคน, บางแห่งในโลกนี้ได้โยนสิ่งนั้นขึ้นไปบนโลกอินเทอร์เน็ต
หากรูปภาพที่น่าอับอายของคุณในสมัยละอ่อนที่อยู่ในหนังสือรุ่น หรือใบขับขี่ของคุณ ได้ถูกโพสต์บนโลกออนไลน์ Google จะช่วยให้คนอื่นๆ สามารถค้นพบมันได้ (ยกเว้นในโซนยุโรป ที่มีกฏหมาย "Right to be forgotten" ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถยื่นคำร้องขอลบข้อมูลได้)
แล้วเราทำอะไรได้บ้าง?
ก็มีบางสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อให้ Google รู้จักเราน้อยลง กับบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องสนิทกันจนเกินไปหรอกเนอะ
ใช้ Search engine ตัวอื่นๆ แทน อย่างเช่น Bing จาก Microsoft หรือหากเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ก็ต้อง Duck Duck Go เลย
การเลือกใช้ iPhone ไม่ได้ช่วยให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของ Google หรอกนะ Google จ่ายให้ Apple หลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อให้มันกลายเป็นเว็บค้นหาเริ่มต้นใน iPhone, iPad และ Mac แม้ว่าเราจะเปลี่ยนค่าได้ แต่มีสักกี่คนที่ทำกัน (วิธีเปลี่ยนคือเข้า Settings >> Safari >> Search Engine)
เราสามารถดูได้ว่า Google รู้จักเราแค่ไหนแบบเบื้องต้นได้ง่ายๆ ด้วยการเข้าไปเช็คที่ myactivity.google.com/
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องยากมากที่จะปิดกั้นตัวเองออกจาก Google ได้ทั้งหมด เพราะบริการของ Google ได้แพร่กระจายไปในหลากหลายบริการ พูดให้เห็นภาพง่ายๆ หากเราต้องการปิดตัวเองจาก Google อย่างน้อยเราก็ต้องเลิกใช้ Spotify หรือ Uber ไปด้วย